สืบค้นงานวิจัย
ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียของตำรับยำอาโปธาตุตำรับที่ 21 ในตำรับโอสถพระนารายณ์เพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อ
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก - ไม่ระบุ
ชื่อเรื่อง: ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียของตำรับยำอาโปธาตุตำรับที่ 21 ในตำรับโอสถพระนารายณ์เพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อ
ชื่อเรื่อง (EN): Antibacterial activity of the 21st formula of the A-Po-That remedy in the Osod--Phranarai scripture for gastrointestinal infection treatment
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): non applicable
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
  1. ไม่ระบุ
ชุดเอกสาร: โครงการเดี่ยว
บทคัดย่อ: โรคติดเชื้อทางเดินอาหารหรือโรคอุจจาระร่วงเกิดจากสาเหตุหลักคือเชื้อจุลินทรีย์เช่น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส การรักษาโรคอุจจาร่วงในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้ป่วยจะได้รับเกลือแร่เพื่อรับประทานสาหรับช่วยลดอาการสูญเสียน้า หรือในบางรายที่มีอาการรุนแรงผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะ การได้รับยาปฏิชีวนะนี้หากใช้ไม่ถูกวิธีจะส่งผลให้เกิดเชื้อดื้อยาในเวลาต่อมา ในปัจจุบันนักวิจัยจึงมีการศึกษาค้นคว้าหาสารชนิดใหม่ที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อเพื่อใช้ทดแทนยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะการใช้ยาจากสมุนไพรหรือการใช้องค์ความรู้ของแพทย์ทางเลือกเพื่อช่วยในการรักษา ตารับยาอาโปธาตุตารับที่ 21 เป็นตารับยาในตาราโอสถพระนารายณ์ที่ช่วยรักษาอาการตกมูก ตกหนัก โดยตารับยาดังกล่าวประกอบด้วยสมุนไพร 2 ชนิดคือแก่นฝางและเปลือกมะขามป้อมนามาต้มน้าให้ผู้ป่วยรับประทาน แต่อย่างไรก็ตามตารับยาดังกล่าวยังไม่เคยมีรายงานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรรพคุณของตารับมาก่อน ดังนั้นวัตถุประสงค์ของงานวิจัยในครั้งนี้คือเพื่อศึกษาฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคท้องเสีย องค์ประกอบทางเคมี การศึกษาความคงตัวและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดตารับยาอาโปธาตุเพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร สมุนไพรในตารับได้แก่เปลือกมะขามป้อมและแก่นฝางจะถูกนามาตากแห้ง บดผงและชั่งน้าหนักตามที่ระบุในตาราโอสถพระนารายณ์คืออัตราส่วน 1:1 และนามาสกัดด้วยการต้มน้า นอกจากนั้นตารับยาดังกล่าวจะถูกนามาสกัดด้วยการแช่ในเอทานอล 95% เพื่อทดสอบฤทธิ์ยับยั้งจุลินทรีย์ของสารที่มีขั้วต่าถึงขั้วปานกลางที่เป็นองค์ประกอบหลักของสารสกัดชั้นเอทานอล เชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ในการทดสอบเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วงจานวน 8 ชนิดคือ Staphylococcus aureus, methicillin resistance S. aureus, Escherichia coli, Bacillus subtilis, Salmonella Typhi, Salmonella Typhimurium, Pseudomonas aeruginosa และ Candida albicans ผลที่ได้พบว่าสารสกัดชั้นน้าของตารับยาอาโปธาตุมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อดีกว่าสารสกัดชั้นเอทานอล โดยสารสกัดชั้นน้าสามารถยับยั้งเชื้อทั้ง 8 ชนิดได้โดยมีค่า MIC อยู่ระหว่าง 0.313-1.25 mg/mL กลไกการฆ่าเชื้อของสารสกัดชั้นน้าของตารับอาโปธาตุมีการออกฤทธิ์เป็นแบบ bactericidal สารสกัดดังกล่าวประกอบด้วยสารสาคัญที่เป็นองค์ประกอบหลักคือ brazilin โดยมีปริมาณเท่ากับ 5.19% w/w นอกเหนือจากนั้นยังพบสาร gallic acid เป็นองค์ประกอบโดยมีปริมาณเท่ากับ 0.73% w/w ในส่วนของการศึกษาความคงตัวของสารสกัดพบว่าสารสกัดดังกล่าวมีความคงตัวเมื่อทดสอบภายใต้สภาวะเร่งที่อุณหภูมิ 40±2°C ความชื้นสัมพัทธ์ 75 ± 5% เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือนพบว่าสารสกัดชั้นน้าของตารับอาโปธาตุมีความคงตัวโดยมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและสารสาคัญคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง สารสกัดชั้นน้าของตารับอาโปธาตุถูกนามาทดสอบก่อนการตั้งตารับโดยทาการทดสอบความ ตัวที่สภาวะกรด ด่าง ออกซิเดชัน และอุณหภูมิสูง ผลที่ได้พบว่าสารสกัดดังกล่าวไม่คงตัวที่สภาวะกรดและด่าง ดังนั้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้สารสกัดสัมผัสกับสารที่เป็นกรดหรือด่างสูงเพื่อป้องกันการสลายตัวของสารสาคัญที่มีในสารสกัด ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดชั้นน้าของตารับอาโปธาตุถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปของยาเม็ดเพื่อสะดวกในการกาหนดขนาดและการรับประทาน ยาเม็ดดังกล่าวจะถูกพัฒนาเป็นยาเม็ดที่มีน้าหนัก 500 mgต่อเม็ดและมีสารสกัดบรรจุอยู่ในปริมาณ 125 mg ต่อยา 1 เม็ด จากการศึกษาความคงตัวของยาเม็ดพบว่ายาเม็ดดังกล่าวมีความตัวของฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแต่ปริมาณสารสาคัญในยาเม็ดพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งอาจเกิดจากการสลายตัวหรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ brazilin และ gallic acid ไปเป็นสารชนิดอื่นที่ยังคงออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อจึงส่งผลให้ยายังมีฤทธิ์คงเดิม แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาประสิทธิผลของยาและการศึกษาความเป็นพิษในสัตว์ทดลองควรดาเนินการเพื่อศึกษาผลข้างเคียงของยาเม็ดจากสารสกัดตารับอาโปธาตุต่อไปในอนาคต
บทคัดย่อ (EN): The main cause of infection diarrhea is pathogen such as bacteria or virus. Infection diarrhea can be treated by oral dehydration salts solution or antibiotic for severe case. The overuse and misuse of antibiotics contribute to promote of antibiotic resistance. Currently, many researchers focus to replace antibiotic with new antimicrobial drugs, especially herbal medicines or alternative medicine. The 21st Apo-taat is in the Osod-Phra-Narai scripture to use for treatment of diarrhea. It consists of two ingredients, included heartwood of Caesalpinia sappan and bark of Phyllanthus emblica, and boiling with water for oral use in patients. However, there has no scientific reports of efficacy and antimicrobial effect of Apo-taat remedy. Thus, the objectives of this study were to investigated antimicrobial activity, chemical constituents, stability testing and product development of Apo-taat extract to treat infectious diarrhea. Plant ingredients of Apo-taat remedy, including heartwoods of C. sappan and barks of P. emblica, were dried, ground into powder, mixed in 1:1 ratio and boiled with water. Moreover, the powder drug of Apo-taat remedy was extracted by maceration in 95% ethanol to confirmed the antimicrobial effect of low and medium polarity of chemical constituents in the ethanolic extract. Eight testing microorganisms were Staphylococcus aureus, methicillin resistance S. aureus, Escherichia coli, Bacillus subtilis, Salmonella Typhi, Salmonella Typhimurium, Pseudomonas aeruginosa and Candida albicans that were associated with diarrhea. The results showed that the water extract of Apo-taat remedy had higher antimicrobial effect that the ethanolic extract with MIC ranges of 0.313-1.25 mg/mL. The water extract of Apo-taat remedy exhibited bactericidal effect. Its main chemical constituent was brazilin with the brazilin content of 5.19% w/w. Moreover, gallic acid was detected with 0.73% w/w in the water extract. For stability testing, the water extract of Apo-taat remedy was stable under accelerated condition with 40±2°C and 75 ± 5% humidity for 6 months and no change of the antimicrobial effect and chemical content. The water extract of Apo-taat was performed pre-formulation study into four conditions such as acid hydrolysis, alkaline hydrolysis, oxidative degradation and thermal degradation. These results showed that the water extract of Apo-taat was unstable under acid and alkaline hydrolysis, so the acid and alkaline condition should be avoided for product development of Apo-taat extract. In this study, the water extract of Apo-taat was developed to tablet for an accurately measured dosage of the active ingredient and convenience to use. A 500 mg of Apo-taat tablet contained 125 mg of Apo-taat extract. The stability of Apo-taat tablet showed that the antibacterial of Apo-taat table was stable, but chemical constituents of Apo-taat tablet has changed. It may cause of the degradation and changes in structural conformation of brazilin and gallic acid to other chemical compounds that still show antibacterial activity. However, the efficacy study and toxicity in animal should be performed to evaluate side effect of Apo-taat tablet in the future.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เลขที่อ้างอิง: ไม่ระบุ
เอกสารแนบ: http://ttdkl.dtam.moph.go.th/Module7/frmc_home_research_show.aspx?r_id=NDQ0
เผยแพร่โดย: ไม่ระบุ
คำสำคัญ: ไม่ระบุ
คำสำคัญ (EN): non applicable
เจ้าของลิขสิทธิ์: ไม่ระบุ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. "ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียของตำรับยำอาโปธาตุตำรับที่ 21 ในตำรับโอสถพระนารายณ์เพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อAntibacterial activity of the 21st formula of the A-Po-That remedy in the Osod--Phranarai scripture for gastrointestinal infection treatment". ไม่ระบุ. 2563

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. "ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียของตำรับยำอาโปธาตุตำรับที่ 21 ในตำรับโอสถพระนารายณ์เพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อAntibacterial activity of the 21st formula of the A-Po-That remedy in the Osod--Phranarai scripture for gastrointestinal infection treatment". ไม่ระบุ. 2563. Print.



TARR Wordcloud:
ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียของตำรับยำอาโปธาตุตำรับที่ 21 ในตำรับโอสถพระนารายณ์เพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อ
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ไม่ระบุ
2563
ไม่ระบุ
การเจริญของเชื้อ Macrophomina phaseolina ในส่วนต่าง ๆ ของพืชภายหลังการติดเชื้อของราก การวินิจฉัยโรคติดเชื้อ 9 ชนิดในกุ้งทะเลอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิค loop-mediated isothermal amplification (LAMP) โรคติดเชื้อ Streptococcus suis โรคติดเชื้อ Streptococcus agalactiae การผลิตแบคทีเรียให้สร้างอาร์เอ็นเอสายคู่มีฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสหัวเหลือง โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาโรคใบขาวของอ้อย การพัฒนาชุดตรวจแบบแถบสีสำหรับเชื้อ Vibrio parahaemolyticus และ V. vulnificus ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระดับโมเลกุลในแบคทีเรียกลุ่มดีไนตริไฟเออร์จากการวิเคราะห์ไนไทรท์รีดักเทสยีนโดยเทคนิคพีซีอาร์-อาร์เอฟแอลพี : รายงานวิจัยผลการวิจัย การใช้แบคทีเรียโพรไบโอติกเพื่อควบคุมโรค black disease ในไรน้ำนางฟ้าไทย, Branchinella thailandensis Sanoamuang, Saengphan & Murugan, 2002 การศึกษาแบคทีเรียในกระเพาะรูเมนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหารโค
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair