สืบค้นงานวิจัย
การใช้ RFLPs ของชิ้นส่วนบริเวณ nodD1 และ nodA ของไรโซเบียมถั่วเหลืองระบุศักยภาพการตรึงไนโตรเจน
กาญจนา ชาญสง่าเวช - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชื่อเรื่อง: การใช้ RFLPs ของชิ้นส่วนบริเวณ nodD1 และ nodA ของไรโซเบียมถั่วเหลืองระบุศักยภาพการตรึงไนโตรเจน
ชื่อเรื่อง (EN): Use of nodD1 – nodA RFLP patterns of soybean rhizobia to predict nitrogen-fixing potential
บทคัดย่อ: ถั่วเหลืองเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้เป็นอาหารและแปรเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น น้ามันถั่วเหลือง น้านมถั่วเหลือง เต้าหู้ เต้าเจี้ยว และซีอิ๊ว นอกจากนี้ เกษตรกรบางรายปลูกถั่วเหลืองเป็นพืชหมุนเวียน เพราะที่ปมรากถั่วเหลืองมีแบคทีเรียไรโซเบียม ช่วยเปลี่ยนไนโตรเจนจากอากาศให้เป็นแอมโมเนียให้ถั่วเหลืองใช้ในการเจริญ เป็นการลดการใช้ปุ๋ยเคมีเช่น ยูเรีย เกษตรกรในประเทศที่เป็นผู้นาด้านการส่งออกถั่วเหลือง เช่นสหรัฐอเมริกา จึงปลูกถั่วเหลืองเป็นพืชหมุนเวียน สลับกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น เช่น ข้าวโพด เป็นการบารุงดินอย่างยั่งยืน ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทยลดลงเหลือประมาณ 831,000 ไร่ (1 ไร่ เท่ากับ 1,600 ตารางเมตร) เพราะราคาขายเฉลี่ยของถั่วเหลืองต่า (12 บาทต่อกิโลกรัม) ทาให้ไม่คุ้มทุนแก่เกษตรกรในการปลูกถั่วเหลืองเป็นพืชหมุนเวียน เกษตรกรไทยจึงใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืชชนิดอื่นที่ทารายได้ให้เกษตรกรสูงกว่าถั่วเหลือง เช่น ข้าว ข้าวโพด อ้อย ยางพารา ปาล์ม และมันสาปะหลัง ซึ่งการใช้ปุ๋ยเคมีปริมาณมากและใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทาให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากการใช้ปุ๋ยเคมีไม่ใช่การบารุงดิน แต่เป็นการอัดธาตุอาหารให้พืช โดยไม่มีการเติมอินทรียวัตถุเพิ่มลงในดิน และการใช้ปุ๋ยเคมียังเร่งอัตราการสลายตัวของอินทรียวัตถุในดิน ทาให้โครงสร้างของดินเสื่อมลง ดินจึงอัดตัวแน่น ไม่อุ้มน้าในฤดูแล้ง วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพการตรึงไนโตรเจนของไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าจานวน 58 สายพันธุ์กับ RFLPs ซึ่งในงานวิจัยนี้หมายถึงรูปแบบการเรียงตัวบนอกาโรสเจลของแถบดีเอ็นเอของชิ้นส่วนระหว่างยีน nodD1 และยีน nodA หลังจากตัดด้วยเรสตริกชั่นเอนไซม์ sphI ซึ่งถ้าตรวจพบความสัมพันธ์ดังกล่าว จะสามารถใช้รูปแบบการเรียงตัวหรือ RFLPs ดังกล่าวในการทานายศักยภาพการตรึงไนโตรเจนของไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้า ผลการทดสอบความสามารถของแบคทีเรียประเภทเพิ่มจานวนเร็วที่แยกจากอาเภอชาติตระการ อาเภอพรหมพิราม และอาเภอบางระกา จังหวัดพิษณุโลก จานวน 8 สายพันธุ์ที่แยกได้พร้อมกับการแยกไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้า และเติมลงในโหลเลียวนาร์ดที่เลี้ยงถั่วเหลืองแต่ละพันธุ์จานวน 7 พันธุ์ พบว่าแบคทีเรียทั้ง 8 สายพันธุ์ไม่สร้างปมที่รากถั่วเหลือง แบคทีเรียประเภทเพิ่มจานวนเร็วทั้ง 8 สายพันธุ์จึงไม่ใช่ไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนเร็ว ผลการหา RFLPs ของไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าจานวน 58 สายพันธุ์ พบว่าไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าจานวน 46 สายพันธุ์ มีชิ้นส่วนดีเอ็นเอบริเวณระหว่างยีน nodD1 และยีน nodA ซึ่งแยกโดยวิธีพีซีอาร์โดยใช้ nodYf (5’TGTACGCGGGTAAACC3’) และ nodYr (5’AGCGCAACGAGAAGAT3’) เป็นไพร์เมอร์ ขนาด 395 คู่เบส และไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าจานวน 12 สายพันธุ์ มีชิ้นส่วนดีเอ็นเอดังกล่าวขนาด 350 คู่เบส ทั้งนี้เมื่อแยกชิ้นส่วนดีเอ็นเอออกจากอกาโรสเจลและทาให้ดีเอ็นเอปราศจากสิ่งปนเปื้อนโดยใช้ชุดสาเร็จรูป Nucleospin?และตัดชิ้นส่วนดีเอ็นเอด้วยเรสตริกชั่นเอนไซม์ sphI ผลการทดลองพบรูปแบบ RFLPs จานวน 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 ประกอบด้วยชิ้นส่วนดีเอ็นเอขนาด 120 และ 275 คู่เบส รูปแบบที่ 2 ประกอบด้วยชิ้นส่วนดีเอ็นเอขนาด 395 คู่เบส และรูปแบบที่ 3 ประกอบด้วยชิ้นส่วนดีเอ็นเอขนาด 350 คู่เบส โดยไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าจานวน 16, 30, และ 12 สายพันธุ์มี RFLPs รูปแบบที่ 1, 2, และ 3 ตามลาดับ ทั้งนี้พบว่าไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าจานวน 12 สายพันธุ์ที่มีรูปแบบ RFLPs ที่ 3 มีแนวโน้มที่มีจานวนปมทั้งหมดที่รากในระดับปานกลาง (11-20 ปมต่อต้น) ส่วนไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าที่เหลือที่มีรูปแบบ RFLPs ที่ 1 และ 2 ประกอบด้วยไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าที่ทาให้เกิดจานวนปมทั้งในระดับน้อย (1-10 ปมต่อต้น) และระดับปานกลาง ทั้งนี้ควรใช้ไรโซเบียมถั่วเหลืองประเภทเพิ่มจานวนช้าในจานวนมากขึ้นในการทดลองต่อไป เพื่อให้ได้ผลการทดลองที่สรุปผลได้ดีมากยิ่งขึ้น
บทคัดย่อ (EN): Soybean is an economic plant which is used as food and feed and is modified into soybean oil, soybean milk, tofo, soybean paste, and soy sauce. In addition, some farmers grow soybean as a rotational crop because there are bacteria rhizobium in soybean root nodules which change nitrogen from the atmosphere into ammonia for soybean’s use for growth to reduce the extent of uses of chemical fertilizers such as urea. Farmers in countries which are leading soybean exporters grow soybean in rotation with other economic plants such as corn for sustainable soil maintenance. At present, soybean cultivation areas in Thailand have reduced to about 831,000 rais (1 rai equals 1,600 sq.m.) because the average sale price for soybean is 12 baht per kilogram. Therefore, Thai farmers tend to use chemical fertilizers to grow plants with higher return for investments, such as rice, corn, sugarcane, rubber plants, palm, and cassava. Usages of large quantities of chemical fertilizers continuously for a long time lead to soil infertility. The practice does not lead to soil fertility since it only adds plant mineral nutrients to soils. Moreover, chemical fertilizer usages lead to an increase in degradation of soil organic matters which leads to deterioration of soil structure resulting in soil compactness with less water holding capacity during dry periods. The aim of these experiments is to find correlation(s) between nitrogen-fixing potential of 58 strains of slow-growing soybean rhizobia and RFLP patterns of DNA region between nodD1 and nodA genes after cutting with the restriction enzyme sphI. If a correlation is found , the RFLP patterns might be used to predict nitrogen-fixing potential of slow-growing soybean rhizobia. Authentication tests of 8 fast-growing bacteria isolated at the same time of the isolation of the slow-growing soybean rhizobia indicated that the strains did not nodulate the 7 cultivars of soybeans used in the authentication tests in Leonard jars. Therefore, they were not fast-growing soybean rhizobia. Amplification of DNA fragments between nodD1 and nodA genes by PCR using nodYf (5’TGTACGCGGGTAAACC3’) and nodYr (5’AGCGCAACGAGAAGAT3’) as the primers showed a 395-bp DNA fragment for 46 slow-growing soybean strains and a 350-bp fragment for the remaining 12 strains. DNA fragments from agarose gels putified by Nucleospin?kit, restricted with sphI, and separated by agarose gel electrophoresis revealed 3 RFLP patterns or RFLPs. The first pattern consisted of 120 bp and 275 bp fragments, the second pattern consisted of a 395 bp fragment while the third pattern consisted of a 350 bp fragment. The number of slow-growing soybean rhizobia belonging to RFLPs 1, 2, and 3 were 16, 30, and 12 strains, respectively. All the 12 soybean rhizobium strain with RFLP pattern 3 tended to yield an average total number of root nodules in the medium range (11-20 nodules per plant) while the remaining strains with RFLP patterns 1 and 2 were found to yield average total root nodules in the low (1-10 nodules per plant) and medium ranges. More strains of slow-growing soybean rhizobia should be used in future experiments to obtain more conclusive results for the use of the RFLP pattern 3 to predict medium level of nodulation potential.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำสำคัญ: ปุ๋ยชีวภาพ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ RFLPs ของชิ้นส่วนบริเวณ nodD1 และ nodA ของไรโซเบียมถั่วเหลืองระบุศักยภาพการตรึงไนโตรเจน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
30 กันยายน 2551
การคัดเลือกพืชบางชนิดที่ไม่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศเพื่อใช้เป็นพืชมาตรฐานในการศึกษาปริมาณการตรึงไนโตรเจนของถั่วเหลืองโดย 15 N Dilution Method ก้าวใหม่ในการวัดการตรึงไนโตรเจน : การใช้ 15 N ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ การตอบสนองของถั่วเหลืองพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสภาพที่ขาดน้ำ ปริมาณการตรึงไนโตรเจนของถั่งเหลืองที่ปลูกในดินนา ภายใต้สภาพไถพรวน และไม่ไถพรวน จากการวัดโดยวิธีไอโซไทปเทคนิค การคัดเลือกสายพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีศักยภาพในการตรึงไนโตรเจนสูง การศึกษาพฤติกรรมของไรโซเบียมในดินที่มีความชื้นต่ำ การเพิ่มผลผลิตและการตรึงไนโตรเจนของถั่วเหลืองในประเทศไทย ไรโซเบียมจุลินทรีย์ตรึงไนโตรเจน และสร้างฮอร์โมน เพิ่มมวลชีวภาพถั่วพร้า อิทธิพลของ endophytic Streptomyces ไอโซเลท P4 และ Bradyrhizobium japonicum USDA 110 ต่อการเกิดปม การตรึงไนโตรเจน และผลผลิตของถั่วเหลือง [Glycine max (L.) Merrill] คัดเลือกไรโซเบียมที่มีประสิทธิภาพในการตรึงไนโตรเจนและผลิต Indole-3-acetic acid (IAA) เพื่อเพิ่มมวลชีวภาพสำหรับปอเทือง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก