สืบค้นงานวิจัย
การวิเคราะห์ยาที่ไม่มีโครโมฟอร์ด้วยแคปิลลารีอิเล็กโทรโฟรีซีสโดยการตรวจหาด้วยวิธีโฟโตแมตริกทางอ้อม
Brompoj Prutthiwanasan - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การวิเคราะห์ยาที่ไม่มีโครโมฟอร์ด้วยแคปิลลารีอิเล็กโทรโฟรีซีสโดยการตรวจหาด้วยวิธีโฟโตแมตริกทางอ้อม
ชื่อเรื่อง (EN): Analysis of non-chromophore drugs by capillary electrophoresis using indirect photometric detection
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Brompoj Prutthiwanasan
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้ได้พัฒนาวิธีวิเคราะห์อนุพันธ์กรดแอลคิลฟอสฟอนิกที่ไม่มีหมู่โครโมฟอร์ ซึ่งได้แก่ ฟอสโฟ ไมซิน ฟอสเฟต กรดเอทิลฟอสฟอนิก โคลโดรเนทและอัลเลนโดรเนท โดยแคปิลลารีอิเล็กโทรโฟรีซิสด้วยการ ตรวจวัดวิธีโฟโตเมตริกทางอ้อม การพัฒนาวิธีวิเคราะห์ได้ศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการแยกของสารได้แก่ ความ เข้มข้นของกรดเบนโซอิค ค่าพีเอชของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ การใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มีตัวตรวจวัด หลายตัว (multiple probes) อุณภูมิและความต่างศักย์ไฟฟ้า การศึกษาพบว่าการใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มี ตัวตรวจวัดเพียงชนิดเดียวไม่สามารถให้พีคของโคลโดรเนทและอัลเลนโดรเนทที่สมมาตรได้ เนื่อง จากมีความ แตกต่างระหว่างความเร็วของสารและตัวตรวจวัด ดังนั้นจึงพัฒนาวิธีวิเคราะห์โดยใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มี ตัวตรวจวัดมากกว่าหนึ่งตัว พบว่าการใช้กรดซาลิไซลิกเป็นตัวตรวจวัดที่สองให้พีคอัลเลนโดรเนทที่สมมาตร แต่ พีคโคลโดรเนทยังคงมีลักษณะเบ้ขวา จากการศึกษาพบว่าสภาวะการวิเคราะห์ที่เหมาะสมได้แก่ การใช้ สารละลายอิเล็กโทรไลต์ซึ่งประกอบด้วย 30 มิลลิโมลาร์ของกรดเบนโซอิก 5 มิลลิโมลาร์ของกรดซาลิไซลิก และ 0.5 มิลลิโมลาร์ของเซทิลไตรเมทิลแอมโมเนียมโบรไมด์ที่พีเอช 3.8 อุณภูมิในการแยกสารที่ 30 องศาเซลเซียส และความต่างศักย์ไฟฟ้าในการแยกสารที่ -30 กิโลโวลต์ สภาวะดังกล่าวสามารถแยกสารได้อย่างสมบูรณ์ภายใน 5 นาที โดยมีค่าการแยกชัดมากกว่า 2.19 จำนวนเพลทมากกว่า 35,291 และ ค่า tailing factor ในช่วง 0.54- 3.03 วิธีที่พัฒนาได้ถูกนำมาประเมิน พบว่าให้ความสัมพันธ์เส้นตรงที่ดี (r2 > 0.999) มีความแม่นยำที่ดี (ค่าร้อย ละการเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ของเวลาการเคลื่อนที่ของสารน้อยกว่าร้อยละ 2.67 และของพื้นที่ใต้พีคน้อย กว่าร้อยละ 2.47) การตรวจสอบความถูกต้องโดยค่าเปอร์เซ็นต์การได้กลับคืนของฟอสโฟไมซิน โคลโดรเนท และอัลเลนโดรเนทอยู่ในช่วงร้อยละ 97.4-103.6 ค่าลิมิตการตรวจหาของฟอสโฟไมซิน ฟอสเฟต กรดเอทิล ฟอสฟอนิก โคลโดรเนท และ อัลเลนโดรเนทมีค่า 8, 8, 6, 30 และ 50 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรตามลำดับ และค่า ลิมิตการวิเคราะห์ปริมาณของฟอสโฟไมซิน ฟอสเฟต กรดเอทิลฟอสฟอนิก โคลโดรเนท และ อัลเลนโดรเนทมีค่า 20, 20, 15, 100 และ 80 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ วิธีวิเคราะห์ที่ผ่านการประเมินได้ถูกนำไป ประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์หาปริมาณของฟอสโฟไมซิน โคลโดรเนทและอัลเลนโดรเนทในตำรับยาที่มีจำหน่าย ในประเทศไทย
บทคัดย่อ (EN): g/mL for fosfomycin, dihydrogen phosphate, ethylphosphonic acid, clodronate and alendronate, respectively. Finally, the validated method was successfully applied for the determination of fosfomycin, clodronate and alendronate in pharmaceutical formulations available in Thailand
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=5924&obj_id=5712
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Electrophoresis
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: งานวิจัยนี้ได้พัฒนาวิธีวิเคราะห์อนุพันธ์กรดแอลคิลฟอสฟอนิกที่ไม่มีหมู่โครโมฟอร์ ซึ่งได้แก่ ฟอสโฟ ไมซิน ฟอสเฟต กรดเอทิลฟอสฟอนิก โคลโดรเนทและอัลเลนโดรเนท โดยแคปิลลารีอิเล็กโทรโฟรีซิสด้วยการ ตรวจวัดวิธีโฟโตเมตริกทางอ้อม การพัฒนาวิธีวิเคราะห์ได้ศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการแยกของสารได้แก่ ความ เข้มข้นของกรดเบนโซอิค ค่าพีเอชของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ การใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มีตัวตรวจวัด หลายตัว (multiple probes) อุณภูมิและความต่างศักย์ไฟฟ้า การศึกษาพบว่าการใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มี ตัวตรวจวัดเพียงชนิดเดียวไม่สามารถให้พีคของโคลโดรเนทและอัลเลนโดรเนทที่สมมาตรได้ เนื่อง จากมีความ แตกต่างระหว่างความเร็วของสารและตัวตรวจวัด ดังนั้นจึงพัฒนาวิธีวิเคราะห์โดยใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่มี ตัวตรวจวัดมากกว่าหนึ่งตัว พบว่าการใช้กรดซาลิไซลิกเป็นตัวตรวจวัดที่สองให้พีคอัลเลนโดรเนทที่สมมาตร แต่ พีคโคลโดรเนทยังคงมีลักษณะเบ้ขวา จากการศึกษาพบว่าสภาวะการวิเคราะห์ที่เหมาะสมได้แก่ การใช้ สารละลายอิเล็กโทรไลต์ซึ่งประกอบด้วย 30 มิลลิโมลาร์ของกรดเบนโซอิก 5 มิลลิโมลาร์ของกรดซาลิไซลิก และ 0.5 มิลลิโมลาร์ของเซทิลไตรเมทิลแอมโมเนียมโบรไมด์ที่พีเอช 3.8 อุณภูมิในการแยกสารที่ 30 องศาเซลเซียส และความต่างศักย์ไฟฟ้าในการแยกสารที่ -30 กิโลโวลต์ สภาวะดังกล่าวสามารถแยกสารได้อย่างสมบูรณ์ภายใน 5 นาที โดยมีค่าการแยกชัดมากกว่า 2.19 จำนวนเพลทมากกว่า 35,291 และ ค่า tailing factor ในช่วง 0.54- 3.03 วิธีที่พัฒนาได้ถูกนำมาประเมิน พบว่าให้ความสัมพันธ์เส้นตรงที่ดี (r2 > 0.999) มีความแม่นยำที่ดี (ค่าร้อย ละการเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ของเวลาการเคลื่อนที่ของสารน้อยกว่าร้อยละ 2.67 และของพื้นที่ใต้พีคน้อย กว่าร้อยละ 2.47) การตรวจสอบความถูกต้องโดยค่าเปอร์เซ็นต์การได้กลับคืนของฟอสโฟไมซิน โคลโดรเนท และอัลเลนโดรเนทอยู่ในช่วงร้อยละ 97.4-103.6 ค่าลิมิตการตรวจหาของฟอสโฟไมซิน ฟอสเฟต กรดเอทิล ฟอสฟอนิก โคลโดรเนท และ อัลเลนโดรเนทมีค่า 8, 8, 6, 30 และ 50 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรตามลำดับ และค่า ลิมิตการวิเคราะห์ปริมาณของฟอสโฟไมซิน ฟอสเฟต กรดเอทิลฟอสฟอนิก โคลโดรเนท และ อัลเลนโดรเนทมีค่า 20, 20, 15, 100 และ 80 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ วิธีวิเคราะห์ที่ผ่านการประเมินได้ถูกนำไป ประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์หาปริมาณของฟอสโฟไมซิน โคลโดรเนทและอัลเลนโดรเนทในตำรับยาที่มีจำหน่าย ในประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิเคราะห์ยาที่ไม่มีโครโมฟอร์ด้วยแคปิลลารีอิเล็กโทรโฟรีซีสโดยการตรวจหาด้วยวิธีโฟโตแมตริกทางอ้อม
Brompoj Prutthiwanasan
มหาวิทยาลัยมหิดล
2551
การวิเคราะห์ปริมาณไรโบฟลาวิน, ฟลาวิน อะดีนีน ไดนิวคลีโอไทด์, ฟลาวิน โมโนนิวคลีโอไทด์ เคลนบูเทอรอลและซาลบูทามอลด้วยเทคนิคแคปิลารีอิเลคโทรโฟรีซีส การค้นพบสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากคลังข้อมูลร่วมโดยเคฟิลลารีอิเล็กโทรฟอริซิสแบบจับจำเพาะที่ใช้ตัวรับทางชีวภาพเป็น การวิเคราะห์สารคาร์โบฟูแรนและพาราไธออน เมทธิลในผลสตรอเบอรี่โดยวิธีแคปิลารีอีเล็กโทรโฟเรซิส การพัฒนาเส้นใยไหมและเส้นใยกัญชงเสริมแรงด้วยท่อนาโนคาร์บอนโดยวิธีตกสะสมอิเล็กโทรโฟรีติก ผลของการจัดรูปแบบขั้วอิเล็กโทรดในการผลิตไบโอดีเซลด้วยสนามไฟฟ้า การศึกษาผลของอุณหภูมิที่มีต่อการผลิตแก๊สไฮโดรเจนจากกระบวนการอิเล็กโทรไลซิส อิทธิพลของอันตรกิริยาระหว่างยากับโพลิเมอร์ต่อคุณสมบัติทางเคมีกายภาพและการปลดปล่อยตัวยาจากยาเม็ดมาทริกซ์ การวิเคราะห์หาปริมาณโครเมียม(VI)ในน้ำโดยเทคนิคคะตะไลติกส์แอดซอร์พทีพแคโทดิกสทริปปิงโวลแทมเมตรี การทำนายค่าเวลาคงค้างของสารนอร์มัลอัลเคน (n-alkanes) ด้วยแก๊สโครมาโตกราฟีบนแคพิลลารีคอลัมน์สองชนิดที่ต่อกันแบบอนุกรม การหาปริมาณโลหะบางชนิดในดินตะกอน น้ำ และปลาโดยใช้เทคนิคอินดัคทีฟคัพเปิลพลาสมา อะตอมมิกอิมิสชันสเปกโตรสโคปี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก