สืบค้นงานวิจัย
เทคนิคการตรวจสอบเนื้อแก้วในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด
ผศ.อนุพันธ์ เทอดวงศ์วรกุล - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: เทคนิคการตรวจสอบเนื้อแก้วในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด
ชื่อเรื่อง (EN): Non Destructive Technique for Detection of Mangosteen Translucent Flesh by Nerar Infrared Spectroscopy
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ผศ.อนุพันธ์ เทอดวงศ์วรกุล
บทคัดย่อ:  <-p>

สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ได้สนับสนุนทุนวิจัยภายใต้โครงการ “เทคนิคการตรวจสอบเนื้อแก้วในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด” แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแก้วในมังคุดกับการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด และเทคนิคสำหรับคัดแยกมังคุดที่เป็นเนื้อแก้ว<-span><-o-p><-span><-h4>

ปัจจุบันมังคุดเป็นพืชเศรษฐกิจและมีความต้องการของตลาดสูงในด้านของคุณภาพเนื้อมังคุด แต่เกษตรกรประสบปัญหามังคุดเนื้อแก้ว ซึ่งทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ ทั้งนี้เกณฑ์คุณภาพของมังคุดส่งออกได้แก่ ผลต้องมีความสมบูรณ์ ปราศจากตำหนิและร่องรอยการทำลายของโรคและแมลง มีขนาดผลสม่ำเสมอ ไม่มีอาการผลแตก ไม่มีอาการก้นผลจีบ มีสีนวลตามธรรมชาติ ภายในผลต้องไม่มีอาการเนื้อแก้วและยางไหล พบว่า มังคุดเนื้อแก้วจะพบมากในแหล่งปลูกที่มีปริมาณน้ำฝนมาก ความชื้นสัมพัทธ์สูง และแสงแดด โดยเฉพาะอิทธิพลของน้ำต่อการเกิดลักษณะผิดปกติทางสรีรวิทยาในผลมังคุด การให้น้ำเหนือทรงพุ่มจะทำให้เกิดอาการเนื้อแก้วมากกว่าการให้น้ำเฉพาะใต้ทรงพุ่ม นอกจากนี้ มักพบกับเมล็ดใหญ่ที่สุดในผล หากเป็นทั้งผล เปลือกผลจะบางกว่าปกติและมีอาการฉ่ำน้ำ และบริเวณก้นผลจะมีวงสีเข้มกว่าสีผลบริเวณอื่นๆ ปัจจุบันมีวิธีการตรวจสอบความแข็งของเนื้อมังคุดแบบไม่ทำลายโดยใช้รังสีช่วงใกล้อินฟราเรดที่มีความคลื่น 850 นาโนเมตร หรือ 1,250 นาโนเมตร โดยทำการยิงรังสีช่วงใกล้อินฟราเรดทะลุผ่านผลมังคุดที่มีเนื้อปกติ และเนื้อแข็ง ซึ่งรูปแบบสัญญาณของรังสีที่ผ่านผลมังคุดแล้วหักเห และดูดซึมพลังงานตามความแข็งของเนื้อมังคุดที่ได้ จะมีความแตกต่างกัน จากการทดสอบเครื่องต้นแบบสามารถแบ่งแยกเนื้อมังคุดที่แข็งได้ถูกต้องประมาณ 70<-span>% และเทคนิคการคัดแยกมังคุดผลปกติ และผลที่มีอาการเนื้อแก้ว โดยใช้วิธีการลอยน้ำหรือใช้ความถ่วงจำเพาะเป็นเกณฑ์ พบว่าผลมังคุดที่มีความถ่วงจำเพาะมากกว่า 1 จะเป็นมังคุดเนื้อแก้ว 75.13<-span>% ส่วนผลมังคุดมีความถ่วงจำเพาะน้อยกว่า 1 จะเป็นมังคุดเนื้อปกติ 90.68<-span>%<-o-p><-span><-h4>

ประโยชน์ที่ได้รับของโครงการนี้คือ ทำให้เราได้ความสัมพันธ์ของมังคุดจากเทคนิคสำหรับคัดแยกมังคุดที่เป็นเนื้อแก้วโดยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแก้วในมังคุดกับการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด ซึ่งเป็นวิธีที่จะไม่ทำให้ผลมังคุดเสียหายอันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับธุรกิจการส่งออกมังคุดของประเทศไทย ตลอดจนการจำหน่ายผลผลิตมังคุดแก่ผู้บริโภคในประเทศไทยด้วยเช่นกัน  <-span><-o-p><-span><-h4>

บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: อินฟราเรด
คำสำคัญ (EN): infrared
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
เทคนิคการตรวจสอบเนื้อแก้วในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
25 มกราคม 2550
เทคนิคการตรวจสอบเนื้อแก้วในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด การวิเคราะห์ภาพการดูดกลืนพลังงานแสงย่านใกล้อินฟราเรดความละเอียดสูงสำหรับทำนายความสดของไข่ไก่ การพัฒนาวิธีการตรวจสอบปริมาณสารประกอบฟีนอลิกในมังคุดและ มะขามป้อมด้วยเทคนิคสเปกโตรสโคปีอินฟราเรดย่านใกล้ การทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคสเปกโตรสโกปีย่านใกล้อินฟราเรดสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพอ้อยในอุตสาหกรรมน้ำตาล การทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคสเปกโตรสโกปีย่านใกล้อินฟราเรดสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพอ้อยและดินที่ปนเปื้อนในอุตสาหกรรมน้ำตาล การวัดค่าความหวานของอ้อยด้วยแสงย่านใกล้อินฟราเรด การพัฒนาระบบอุปกรณ์วัดคุณภาพอาหารด้วยคลื่นแสงจำเพาะในช่วงอินฟราเรดย่านใกล้สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร การวัดปริมาณเนื้อยางแห้งในยางก้อนถ้วยด้วยการวิเคราะห์ภาพสเปกตรัมอินฟราเรดย่านใกล้ การพัฒนาเครื่องต้นแบบตรวจสอบคุณภาพและการปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบรวดเร็วด้วยคลื่นแสงอินฟราเรดย่านใกล้แบบเคลื่อนที่ การทำนายค่าอินทรียวัตถุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในดินโดยใช้แสงอินฟราเรดย่านใกล้
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก