สืบค้นงานวิจัย
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดและการแพร่กระจายดินเค็มในบริเวณ อ.พังโคน จ.สกลนคร
ชัยนาม ดิสถาพร - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดและการแพร่กระจายดินเค็มในบริเวณ อ.พังโคน จ.สกลนคร
ชื่อเรื่อง (EN): Factors affecting on salinization and distribution of salt affected soil at Pangkhon District, Sakon Nakhon Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชัยนาม ดิสถาพร
บทคัดย่อ: การเพิ่มผลผลิตข้าวทนเค็มในบริเวณอำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ดำเนินการโดยการ พัฒนาระบบ ระบายน้ำผิวดินแบบร่องเปิด ในนาข้าวเพื่อ ช่วยในการ ล้างดิน และใช้ปุยอินทรีย์ ในการ ปรับปรุงสมบัติทางเคมี ของดิน และเพิ่มผลผลิตของข้าว ทนเค็มขาวดอกมะลิ 105 ทำการทดลองใน บริเวณหนองบักดอน บ้านฮหย่อง ตำบลไฮหย่อง อำภอพังโคน จังหวัดสกลนคร กลุ่มชุดดินที่ 20 ชุดดินอุดร เป็นดินกรดแก่ มีค่าการนำไฟฟ้า 5.7 เดซิซีเมนต่อเมตร เปอร์เซ็นต์โซเดียมที่แลกเปลี่ยนได้ มากกว่า 15 อินทรียวัตถุอยู่ในระดับปานกลาง ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโพแทสเชียมที่เป็นประ โยขน์อยู่ในระดับ ต่ำ โซเ ดียมที่ละลายได้และคลอไรด์ที่ละลาย เป็นเกลือที่ละลายได้หลักในก าร ก่อให้เกิดปั ญหาดินเค็ม ดำเนินการทดลอง ในฤดูปลูก พ.ศ. 2552 และ พ .ศ. 2553 วางแผนการ ทดลองแบบ Split-plot 3 ซ้ำ Main-plot factor เป็นระบบระบายน้ำ ประกอบด้วยควบคุมและ ระบบระบายน้ำผิวดินแบบร่องเปิด ขนาด 50"50 เชนติเมตร อยู่บริเวณด้านบนและล่างของแปลง Subplot factor เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ประกอบด้วยควบคุม ไถกลบโสนอัฟริกันอายุ 60 วัน ร่วมกับปุย คอกอัตรา 1 ตันต่อไร่ และใส่น้ำหมักชีวภาพในนาอัตรา 15 ลิตรต่อไร่ ทุก 30 วัน ไถกลบโสนอัฟริกัน อายุ 60 วัน ร่วมกับแกลบอัตรา 1 ตันต่อไร่ และใส่น้ำหมักชีวภาพในนาอัตรา 15 ลิตรต่อไร่ ทุก 30 วัน และปุ๋ยคอกอัตรา 1 ตันต่อไร่ ร่วมกับแกลบอัตรา 1 ตันต่อไร่ และใส่น้ำหมักชีวภาพในนาอัตรา 15 ลิตรต่อไร่ ทุก 30 วันผลการศึกษาใน 2 ฤดูปลูกพบว่า การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในรูป ปุ๋ยคอกร่วมกับ แกลบ และน้ำหมัก ชีวภาพให้ผลผลิตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 สูงสุดและแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งกับแปลง ควบคุมแต่ไม่แตกต่างกันทางสถิติกับการปลูกพืชปุ๋ยสดโสนอัพริกันแล้วไถกลบเมื่ออายุ 60 วัน ร่วมกับ แกลบปรือปุยคอก และน้ำหมักชีวภาพ แต่การตอบสนองของผลผลิตของข้าวต่อปัยอินทรีย์ในระบบ การปลูกข้าวที่มีระบบระบายน้ำและไม่มีระบบระบายน้ำเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ระบบระบายน้ำผิว ดินแบบร่องเปิดในนาข้าวไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต ผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตของข้าว ปุ๋ยอินทรีย์ไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดเป็นด่างของดิน การนำไฟฟ้า ของดิน ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ โพแทสเชียมที่เป็นประโยชน์ แคลเซียมที่ละลายได้ แมกนีเซียมที่ละลายได้ โซเดียมที่ละลายได้และคลอไรด์ที่ละลายได้ โดยดินมีความเป็นกรดเป็นด่างในระดับกรดแก่ ค่าการ นำ ไฟของดินเพิ่มขึ้นไปในระดับดินเค็มจัดในดิน ที่ระดับความลึก 0-20 เชนติเมตร มีการสะสมของ โซเดียมและคลอไรด์ที่ละลายได้ใน ที่ระดับความลึก 0-20 เซนติมตร แสดงให้เห็นว่าการล้างดินโดย การขังน้ำในนาและปลูกข้าวไม่สามารถ ชะล้างเกลือที่ละลายน้ำได้ให้เคลื่อนที่ลึกลงไปในชั้ นดินทั้งนี้ อาจจะเนื่องจากน้ำใต้ดินที่เต็มในบริเวณดังกล่าวอยู่ภายใต้แรงดัน ารใช้ยอินทรีย์เพิ่มปริมาณ อินทรียวัตถุในดินที่ระดับความลึก 0-20 เชนติเมตร แต่ปริมาณอินทรียวัตถุที่ระยะเก็บเกี่ยวอยู่ในระดับต่ำ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์อยู่ในระดับต่ำ และต่ำ มาก การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินเค็มโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ต้องอาศัยระยะเวลาในการสะสมธาตุ อาหารพืชเนื่องจากความเค็มมีผลกระทบต่อกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน การใช้ปุ๋ยคอกร่วมกับแกลบ ในการปลูกข้าวที่มีระบบระบายน้ำผิวดินแบบร่องเปิดทำให้ดินมีค่าการนำไฟฟ้า แคลเซียมที่ละลายได้ แมกนีเซียมที่ละลายได้ โซเดียมที่ละลายได้และคลอไรด์ที่ละลายได้ลดลง ย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การใช้ปุ๋ยคอกร่วมกับแกลบและน้ำหมักชีวภาพ และระบบระบายน้ำผิวดินแบบร่องเปิดมี ปฏิกิริยา ร่วมกันในการชะล้างเกลือที่ละลายได้ทำให้ลดผลกระทบของความเค็มต่อผลผลิตของข้าว เกษตรกร สามารถเลือกใช้ ปุ๋ยคอก แกลบที่สามารถหาได้ในท้องถิ่นมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปลูกโสนอัฟริกันไถ กลบเป็นปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตข้าวทนเค็มขาวดอกมะลิ 105 ในพื้นที่ดินเค็มสามารถปรับเปลี่ยนเป็น การผลิตข้าวในระบบเกษตรอินทรีย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ทดแทนผลผลิตที่ลดลงเนื่องจาก ดินเป็นกรด จัด มีความอุดมสมบูรณ์ของดินระดับต่ำและมีความเค็มสูง การพัฒนาระบบระบายน้ำที่สามารถ ควบคุมการเคลื่อนที่ขึ้นมาสะสมของสารละลายโซเดียมและคลอไรด์ การทำคันนาให้สูงขึ้นเพื่อเก็บกัก น้ำให้สูงขึ้นอาจจะสามารถลดการเคลื่อนที่ขึ้นมาของน้ำใต้ดินและเพิ่มประสิทธิภาพของการล้างดิน ควบคุมความเป็นกรดเป็นด่างของดิน และการเพิ่มปริมาณธาตุอาหารพืช เป็นวิธีการแก้ปัญหาดินเค็ม ได้อย่างยั่งยืน
บทคัดย่อ (EN): The study on the increasing of salt tolerance rice yield in saline soil by developed the field ditch in paddy field in order to promote the leaching of salt and application of organic fertilizers as soil amendments for improving the chemical and physical properties of saline soil as well as the rice yield of salt tolerance rice, Khaw Daw Mali 105. The experiment was conducted at NongBugdon BanHaiyong Subdistrict Haiyong Pangkhon District Sakon Nakhon Province during the rice growing season of 2009 and 2010. Soil was identified as Udon Soil Series of Soil Group number 20. The chemical analysis of soils indicated that it had strong acidity with the electrical conductivity of 5.7 dS/m. The exchangeable sodium percentage was greater than 15. The organic matter was in the medium class while other plant nutrients were low. The dominant soluble salts were sodium and chloride. The experiment design of Split-plot in RCB with 3 replications was laid out. The main-plot factor was drainage system consisting of control and field ditch with 50 centrimeter in width and depth. The subplot factors was organic fertilizer consisting of control, incorporated of 60 days old Sesbania rostrata and a ton per rai of manure and 15 liters of bio- fermented liquid, incorporated of 60 days old of Sesbania rostrata and a ton per rai of rice husk and 15 liters of bio-fermented liquid and incorporated of manure and rice husk at the rate of a ton per rai and 15 liters of bio-fermented liquid.The results of the study during 2 rice planting seasons indicated that the application of organic fertizer in the form of manure and rice husk gave the highest yield of rice which was highly significant from control. It was not showed any statistical different between the other two organic fertilizers. The interaction between drainage system and organic fertizer on rice yield could not be statistic observed. It was indicated that drainage system in saline paddy field did not enhance the growth, yeield component and yield of rice. The application of organic fertilizers increased only the amount of organic matter of soil at the depth of 0-20 centrimeter from soil surface. The soil acidity was in the range of high acidity. The electrical conductivity of surface soil was increased to severely salt affected soil. There were accumulation of soluble sodium and chloride in the upper soil surface. It should be noticed about the unsuceed of ponding water in the paddy on the leaching of soluble salt as the salty shallow groundwater dominated in this area. But there were observed that application of manure and rice husk with the field ditch reduced the electrical conductivity of soil as well as the soluble magnesium, soluble calcium, soluble sodium and soluble chloride of soil at the depth of 0-20 centrimeter from soil surface. The leaching process was enhanced by rice husk and field ditch which decreased the impact of salinity on rice yield. Farmer can easily find manure and rice husk which are available in the local or they can produce the organic fertilizer by planting salt tolerance Sesbania rostrata and incorporating after 60 days after planting. The production of salt tolerance rice, Khawdawmali 105 in the saline soil can be changed into organic farming system as its market price is more expensive than normal one. It could compensate the yield losses due to strong acidity, low soil fertility and high salinity in the saline soil. There should develop the draiage system which could be control the accumulation of soluble sodium and chloride in the upper soil. The high acidity of sandy soil should be alleviated as well as the application of organic fertilizer is the best way to increase the availability of soil nutrition. The earthen bund should be raised up in order to keep more water and suppress the upward of artesian salty groundwater. These measures would enhance the sustainable of rice production in saline soil.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: จ.สกลนคร
คำสำคัญ (EN): Sakon Nakhon Province
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดและการแพร่กระจายดินเค็มในบริเวณ อ.พังโคน จ.สกลนคร
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2553
การเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจายคราบเกลือบนผิวดินหลังจากการพัฒนา ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ ตำบลด่านช้าง ตำบลขุนทอง อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา การยอมรับโครงการป้องกันการแพร่กระจายดินเค็มของเกษตรกร การศึกษาการแพร่กระจายของปลิงทะเล พื้นที่ชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การศึกษาสภาพความชื้นและสถานภาพธาตุอาหารในดินเพื่อประเมินการแพร่กระจายดินเค็มและการปลูกพืชที่เหมาะสม การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อศึกษาการแพร่กระจาย ดินเค็ม บริเวณตำบลพลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ชีววิทยาและการแพร่กระจายของปลิงทะเล บริเวณแหลมทุ่งทรายตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร การศึกษาการขจัดความเค็มของดินด้วยการเร่งให้เกลือเคลื่อนที่ออกจากดิน อิทธิพลของฤดูกาลต่อการแพร่กระจายของหญ้าทะเลบริเวณชายฝั่งจังหวัดระยอง องค์ประกอบชนิด ปริมาณ และการแพร่กระจายของสัตว์หน้าดินในบึงบอระเพ็ด (ชื่อเดิม องค์ประกอบของชนิดและการแพร่กระจายของสัตว์หน้าดินในบึงบอระเพ็ด) การแพร่กระจายและอัตราการสะสมของโลหะหนักในสัตว์น้ำ บริเวณแม่น้ำเพชรบุรี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก