สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในการล้างผัก ผลไม้และพื้นผิววัสดุ(ชื่อข้อเสนอการวิจัยเดิม : การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในการล้างผัก ผลไม้และพื้นผิว)
ปิยะวรรณ กาสลัก - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในการล้างผัก ผลไม้และพื้นผิววัสดุ(ชื่อข้อเสนอการวิจัยเดิม : การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในการล้างผัก ผลไม้และพื้นผิว)
ชื่อเรื่อง (EN): Quality and effective biosurfactant development for cleaning fruits and vegetables and surface washing materials (project name before : Quality and effective biosurfactant development for fruits and vegetables and surface washing)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ปิยะวรรณ กาสลัก
บทคัดย่อ: การทัฒนาการผลิตสารลแรงตึงผิวชีวภาพด้วยการประยุกใช้สารตั้งตันในกระบวนการหมักจาก วัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร ได้แก่ มะเฟือง (Averrhoa carambol- L. ) นำมาผลิตสารลดแรงตึงผิว ชีวภาพด้วยกระบวนการหมักแบบ spontaneous fermentation ซึ่งเป็นหมักด้วยวิธีการธรรมชาติ ที่อาศัย แบคทีเรีย ยีสต์ และเ เชื้อรา ในวัตถุดิบ จุสินทรีย์เหล่านี้จะสามารถเจริญในสภาวะการหมักแบบ facultative fermentation ทำให้สามารถช้สารตั้งตันในวัตถุดิบผ่านกระบวนการเมตาบอสิซึมของเซลล์ ผลการติดตาม กิจกรรมและสารเมทาบอไลท์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลากรหมัก สรุปว่าสารเมทาบอไลท์และหรือสารที่ ออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญที่ส่งผลต่อคุณสมบัติทางเคมี จุสินทรีย์ และกายภาพที่ดีที่สุดต่อผลิตภัณฑ์สารลด แรงตึงผิวชีวภาพ คือ การหมักเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทำให้ได้สารลดแรงตึงผิวชีวภาพที่มีความเป็นสารลด แรงตึงผิวประเภทไม่มีประจุไฟฟ้าเท่ากับ 1,272.58 pPm ปริมาณสารซาโปนิน 2.91 Mg/๓l ค่าแรงตึงผิว (surface tension) 43.43 MN/m ค่าความเข้มข้นวิกฤตของไมเซลล์ ((MC) ของสารลดแรงตึงผิวชีวภาพอยู่ที่ ระดับความเข้มขัน 636.29 ppm และมีคุณสมบัติในการยับยั้งจุสินทรีย์ก่อโรค Staphylococcus aureus และ salmonella spp. ด้วยคุณสมบัติข้างตันจึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นสารฆ่าเชื้อ (biosanitizer) สำหรับล้างในผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้สด โดยเฉพาะมะเขือเทศ และโหระพา ที่มีปริมาณการปนเปื้อนจุสินทรีย์ กลุ่ม Staphylococcus aureus และ Salmonella spp. พบว่าสารลดแรงตึงผิวชีวภาพที่ความเข้มขันต่ำสุด 50 ppm มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณ Staphytococcus cureus ในมะเขือเทศ และโหระพา ลงได้ถึง 2 และ 1 Log ตามลำดับ และที่ความเข้มขันที่ต่ำที่สุดอย่างน้อย 100 ppm สามารถควบคุม Salmonella spp. ให้ตรวจไม่พบนตัวอย่างมะเขือทศและโหระพาที่ผ่านการล้างวยสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ เพื่อให้เกิด กระบวนการล้างด้วยสารลดแรงตึงผิวชีวภาพให้มีประสิทธิภาพสูงสุด วิธีการล้างที่ดีที่สุ ดคือการล้างด้วย น้ำประปาด้วยวิธีการแช่นาน 2 นาที แล้วนำไปล้างในน้ำที่ผ่านการเตรียมด้วยสารลดแรงตึงผิวชีวภาพด้วย วิธีการแช่นาน 5 นาที่ ส่วนการใช้สำหรับล้างพื้นผิวที่สัมผัสกับอาหารโตยตรง ได้แก่พื้นผิวประเภทสแตนเลส ซึ่งเป็นพื้นผิวที่นิยมใช้และส่วนประกอบของภาชนะที่ใช้สัมผัสอาหารโดยตรงในอุตสาหกรรมอาหาร จากผลการวิเคราะห์ และทดสอบทำให้ทราบว่าจะต้องใช้สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในระดับความเข้มที่สูงกว่า การล้างผักผลไม้ ซึ่งความเข้มขันที่เลือกใช้ในการทดสอบ คือ 200, 400 และ 600 pPm พบว่าสามารถลต ปริมาณเชื้อ 5. oureus บนพื้นผิวดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ความเข้มข้น 600 pวm มี ประสิทธิภาพในการควบคุมและลดปริมาณ 5. cureus ได้ดีที่สุด และที่ความเข้มขันต่ำสุด 200 ppm เพียงพอต่อการควบคุมและลด salmonello spp.
บทคัดย่อ (EN): Production and development of biosurfactant (BSF) using Carambola (Averrhoa carambola L.) waste as substrate for bacteria, yeast and mold under spontaneous fermentation. These microorganisms could grow and utilize a substrate via microbial metabolic pathways. The chemical, microbiological and physical properties of BSF at three month fermentation were shown that the non-ionic BSF, saponin, surface tension, and CMC of BSF were approximately 1,272.58 ppm, 2.91 mg/ml, 43.43 mN/m, 636.29 ppm, respectively, as well as its properties could minimize Staphylococcus aureus and Salmonella spp. Therefore, those BSF properties mentioned above can be applied as biosanitizer for washing the vegetable, especially tomato and sweet basil which contaminated by S. aureus and Salmonella spp. The S. aureus was reduced with 50 ppm BSF, in tomato and sweet basil to 1 and 2 log CFU/g, respectively. Meanwhile, Salmonella spp. was not detected of both vegetables. In order to gain the most effective surface cleaning, such as stainless which normally used as food utensils in food industries, soaking with tap water was done for 2 min, followed by soaking with BSF for 5 min, therefore, were performed. Results from this research showed that the BSF 200, 400 and 600 ppm of which higher than that of vegetable washing could minimize the S. aureus. At 600 ppm BSF could effectively control and decrease the number of S. aureus, however, of which 200 ppm adequately controlled Salmonella spp. not to be presented.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/290174
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
คำสำคัญ: สารเคมีตกค้าง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในการล้างผัก ผลไม้และพื้นผิววัสดุ(ชื่อข้อเสนอการวิจัยเดิม : การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิวชีวภาพในการล้างผัก ผลไม้และพื้นผิว)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
30 กันยายน 2557
การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการข้าวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระยะที่ 2 การพัฒนาโครงร่างการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน : เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตำรับยาสมุนไพรไทยต้านมะเร็งจากฐานข้อมูลคัมภีร์ตำรายาสมุนไพรไทย ปีที่ 3 การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี การตรวจสอบความสุกและคุณภาพของผักและผลไม้ด้วยเครื่อง NIR แบบพกพาราคาถูก การพัฒนาระบบล้างเพื่อกำจัดเพลี้ยแป้งในเงาะ การพัฒนาเครื่องมือเก็บเกี่ยวผลไม้ นํ้าผัก - ผลไม้พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพ การพัฒนาแบคทีเรียที่ผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและการฟื้นฟูสภาพที่ปนเปื้อนด้วยสารกลุ่มปิโตรเคมี การกำจัดแคดเมียมและสังกะสีในดินโดยใช้สารลดแรงตึงผิวชีวภาพที่ผลิตจากแบคทีเรีย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก