สืบค้นงานวิจัย
ผลของปุ๋ยคอกและซิลิเกตต่อการดูดซับและสะสมแคดแมียมในต้นโหระพา
Narupot Putwattana - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลของปุ๋ยคอกและซิลิเกตต่อการดูดซับและสะสมแคดแมียมในต้นโหระพา
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of cow manure and silicate fertilizer on uptake and accumulation of cadmium in ocimum basilicum
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Narupot Putwattana
บทคัดย่อ: พืชในวงศ์ Lamiaceae จัดเป็นพืชที่ใช้ในการบริโภคและในขณะเดียวกันยังสามารถนำมาสกัดน้ำมัน และเป็นสมุนไพรอีกด้วย Angelova et al. (2006) พบว่าพืชในกลุ่มนี้สามารถสะสมโลหะหนักและมีความ เป็นไปได้ที่สามารถนำพืชกลุ่มนี้เพื่อใช้ในการบำบัดดินบริเวณพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียม ดังนั้นการศึกษาครั้ง นี้จึงเป็นการศึกษาเพื่อบ่งบอกถึงความเหมาะสมของต้นโหระพาและแมงลักในการนำมาบำบัดดินที่ปนเปื้อนด้วย แคดเมียมรวมถึงในแง่ของการปลูกเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกในดินบริเวณที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียมอีกด้วย จากการศึกษาในภาวะไร้ดิน ได้ทำการศึกษาพืชทั้งสองชนิดคือโหระพา (Ocimum basilicum) และแมงลัก (O. citriodourum) โดยนำมาทดสอบด้วยแคดเมียมที่ความเข้มข้นต่างๆ กัน (2.5 และ 5 มก/ลิตร) เป็นเวลา 15 วัน พบว่าพืชทั้งสองชนิดมีการเจริญเติบโตได้ดี จากการเปรียบเทียบการเจริญเติบโตและการสะสมของแคดเมียมระหว่าง พืชทั้งสองชนิดพบว่าโหระพามีการเจริญเติบโตดีกว่าแมงลักที่แคดเมียม 5 มก/ลิตร นอกจากนี้ยังพบว่าแมงลักสามารถ สะสมแคดเมียมในส่วนต้นได้มากกว่าโหระพา โดยมีการสะสมแคดเมียมสูงสุดในลำต้นของแมงลัก (260.23 มก/กก) ที่ความเข้มข้น 5 มก/ลิตร ในวันที่ 15 แม้ว่าพืชทั้งสองชนิดมีการสะสมแคดเมียมส่วนใหญ่ที่บริเวณรากแต่เมื่อ พิจารณาการสะสมของแคดเมียมที่ใบ (20-30 มก/กก) พบว่ามีค่าที่สูงกว่าค่ามาตรฐานอย่างเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ ตามข้อมูลที่ได้นั้นไม่เพียงพอที่จะประเมินและสรุปค่าการสะสมของแคดเมียมในพืชที่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่ปนเปื้อน แคดเมียม ดังนั้นจึงทำการศึกษาต่อไปในต้นโหระพาโดยการทดลองในดิน เนื่องจากโหระพาสามารถทนทานต่อ แคดเมียมและถูกใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแมงลัก ทำการทดลองในดินโดยปลูกต้น โหระพาในดินที่มีแคดเมียม (20 มก/กก) และผสมด้วยปุ๋ยคอกและซิลิเกต พบว่าการใส่ปุ๋ยคอกช่วยให้โหระพามีการ เจริญเติบโตมากขึ้น 4.7 และ 1.7 เท่า ตามลำดับ จากการศึกษาการสะสมของแคดเมียมในพืช พบว่าปุ๋ยคอกสามารถ เพิ่มการสะสมของแคดเมียมในต้นเพิ่มจากเดิม 2 เท่า ในขณะเดียวกันการใส่ปุ๋ยซิลิเกตสามารถลดการสะสมของ แคดเมียมที่ใบได้ 3 เท่า จากผลการศึกษาทั้งหมด พอสรุปได้ว่า ต้นโหระพาสามารถเจริญเติบโตในดินที่มีการปนเปื้อน ของแคดเมียมในระดับปานกลางได้ อย่างไรก็ตามยังต้องการการศึกษาต่อไปโดยการทดลองภาคสนามเพื่อพิสูจน์ถึงผล ของการปรับปรุงสภาพดินต่อการเจริญเติบโตและการปนเปื้อนของแคดเมียมในใบ
บทคัดย่อ (EN): Plants of the Lamiaceae family are edible plants which are widely used in oil production and medicinal herbs. Angelova et al. (2006) suggested that some of these plants might be capable of accumulating heavy metals from contaminated soil and there is a possibility that such plants could be used in phytoremediation of heavy metal contaminated soil. This study was conducted to determine the suitability of Ocimum basilicum and O. citriodurum for phytoremediation or as alternative crops in Cadmium (Cd) contaminated soil. In hydroponic study, these plant species were exposed to different concentrations of Cd (2.5, 5 mg/L) for 15 days. Both species grew normally with 100% survival rate. When dry biomass and Cd accumulatiom between these plant species was compared, the dry biomass production of O. basilicum was higher than that of O. citriodurum in 5 mg/L Cd solution whereas Cd accumulation in shoots of O. citriodurum was higher than that of O. basilicum in every treatment. The highest Cd in shoots (260.23 mg/kg) was observed in O. citriodurum in 5 mg/L treatment on day 15. Although Cd accumulation was largely restricted to roots, it was noticeable that Cd accumulation in leaves (20-30 mg/kg) dramatically exceeded the permissible level according to the Codex Committee on Food Additives and Contaminants (CCFAC). However, the data was not enough to extrapolate Cd accumulation in the actual contaminated site. Thus, a pot study was performed by growing plants in Cd contaminated soil. O. basilicum were grown in soil with 20 mg/kg Cd and Cd soil amended with cow manure and silicate fertilizer for 3 months. Dry biomass production was increased by 4.7 and 1.7 fold in plants grown in soil with added with cow manure and silicate fertilizer, respectively. Moreover, Cd accumulation in shoots was increased by 2 fold when cow manure was added to the soil. In contrast, the application of silicate fertilizer (20%) resulted in a 3-fold decrease in Cd accumulation in leaves after 3 months of treatment. However, a field study is needed to evaluate the effect of soil amendment on Cd accumulation in leaves of O. basilicum.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=5487&obj_id=5256
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Soil amendments
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: พืชในวงศ์ Lamiaceae จัดเป็นพืชที่ใช้ในการบริโภคและในขณะเดียวกันยังสามารถนำมาสกัดน้ำมัน และเป็นสมุนไพรอีกด้วย Angelova et al. (2006) พบว่าพืชในกลุ่มนี้สามารถสะสมโลหะหนักและมีความ เป็นไปได้ที่สามารถนำพืชกลุ่มนี้เพื่อใช้ในการบำบัดดินบริเวณพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียม ดังนั้นการศึกษาครั้ง นี้จึงเป็นการศึกษาเพื่อบ่งบอกถึงความเหมาะสมของต้นโหระพาและแมงลักในการนำมาบำบัดดินที่ปนเปื้อนด้วย แคดเมียมรวมถึงในแง่ของการปลูกเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกในดินบริเวณที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียมอีกด้วย จากการศึกษาในภาวะไร้ดิน ได้ทำการศึกษาพืชทั้งสองชนิดคือโหระพา (Ocimum basilicum) และแมงลัก (O. citriodourum) โดยนำมาทดสอบด้วยแคดเมียมที่ความเข้มข้นต่างๆ กัน (2.5 และ 5 มก/ลิตร) เป็นเวลา 15 วัน พบว่าพืชทั้งสองชนิดมีการเจริญเติบโตได้ดี จากการเปรียบเทียบการเจริญเติบโตและการสะสมของแคดเมียมระหว่าง พืชทั้งสองชนิดพบว่าโหระพามีการเจริญเติบโตดีกว่าแมงลักที่แคดเมียม 5 มก/ลิตร นอกจากนี้ยังพบว่าแมงลักสามารถ สะสมแคดเมียมในส่วนต้นได้มากกว่าโหระพา โดยมีการสะสมแคดเมียมสูงสุดในลำต้นของแมงลัก (260.23 มก/กก) ที่ความเข้มข้น 5 มก/ลิตร ในวันที่ 15 แม้ว่าพืชทั้งสองชนิดมีการสะสมแคดเมียมส่วนใหญ่ที่บริเวณรากแต่เมื่อ พิจารณาการสะสมของแคดเมียมที่ใบ (20-30 มก/กก) พบว่ามีค่าที่สูงกว่าค่ามาตรฐานอย่างเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ ตามข้อมูลที่ได้นั้นไม่เพียงพอที่จะประเมินและสรุปค่าการสะสมของแคดเมียมในพืชที่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่ปนเปื้อน แคดเมียม ดังนั้นจึงทำการศึกษาต่อไปในต้นโหระพาโดยการทดลองในดิน เนื่องจากโหระพาสามารถทนทานต่อ แคดเมียมและถูกใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแมงลัก ทำการทดลองในดินโดยปลูกต้น โหระพาในดินที่มีแคดเมียม (20 มก/กก) และผสมด้วยปุ๋ยคอกและซิลิเกต พบว่าการใส่ปุ๋ยคอกช่วยให้โหระพามีการ เจริญเติบโตมากขึ้น 4.7 และ 1.7 เท่า ตามลำดับ จากการศึกษาการสะสมของแคดเมียมในพืช พบว่าปุ๋ยคอกสามารถ เพิ่มการสะสมของแคดเมียมในต้นเพิ่มจากเดิม 2 เท่า ในขณะเดียวกันการใส่ปุ๋ยซิลิเกตสามารถลดการสะสมของ แคดเมียมที่ใบได้ 3 เท่า จากผลการศึกษาทั้งหมด พอสรุปได้ว่า ต้นโหระพาสามารถเจริญเติบโตในดินที่มีการปนเปื้อน ของแคดเมียมในระดับปานกลางได้ อย่างไรก็ตามยังต้องการการศึกษาต่อไปโดยการทดลองภาคสนามเพื่อพิสูจน์ถึงผล ของการปรับปรุงสภาพดินต่อการเจริญเติบโตและการปนเปื้อนของแคดเมียมในใบ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของปุ๋ยคอกและซิลิเกตต่อการดูดซับและสะสมแคดแมียมในต้นโหระพา
Narupot Putwattana
มหาวิทยาลัยมหิดล
2551
การดูดซับและสะสมสารตะกั่วที่ปนเปื้อนในดินโดยหญ้าแฝก การดูดซับแก๊สโพรเพนด้วยตัวดูดซับชนิดถ่านที่เตรียมจากกะลามะพร้าวโดยการกระตุ้นด้วยซิงก์คลอไรด์ การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการดูดซับน้ำมันของเยื่อกระดาษและตัวดูดซับชนิดโพลีโพรไพลีน ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินที่มีต่อการดูดซับและสะสมคาร์บอนของสวนยางพาราพื้นที่อนุรักษ์ธรร การพัฒนาและปรับปรุงวัสดุดูดซับราคาถูกเพื่อใช้ในการดูดซับสีย้อมรีแอคทีฟ และสีย้อมเบสิก การศึกษาประสิทธิภาพการดูดซับแคดเมียมของตัวดูดซับชีวภาพที่ได้จากการตรึงชีวมวลสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล Sargassum polycystum ด้วยไคโตซานในระบบคอลัมน์ การใช้คลื่นอุลตราโซนิคช่วยกระบวนการคายสารดูดซับ สำหรับระบบดูดซับแบบของแข็งที่ใช้ถ่านกัมมันต์และเมทานอล ผลของความชื้นต่อการดูดซับไอระเหยสารอินทรีย์ด้วยถ่านกัมมันต์ การจำลองเครื่องลดความชื้นแบบหมุนโดยการดูดซับ การใช้วัสดุดูดซับทางธรรมชาติในการกำจัดคราบน้ำมัน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก