สืบค้นงานวิจัย
ความเป็นไปได้ในการกำจัดโลหะหนักที่ปนเปื้อนในบ่อกุ้งโดยแบคทีเรียสังเคราะห์ แสงกลุ่มที่ไม่สะสมซัลเฟอร์
บรรจง วิทยวีรศักดิ์ - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ชื่อเรื่อง: ความเป็นไปได้ในการกำจัดโลหะหนักที่ปนเปื้อนในบ่อกุ้งโดยแบคทีเรียสังเคราะห์ แสงกลุ่มที่ไม่สะสมซัลเฟอร์
ชื่อเรื่อง (EN): Potential to Remove Heavy Metals in Contaminated Shrimp Farms by Purple Nonsulfur Photosynthetic Bacteria
บทคัดย่อ: บทคัดย่อ จากการศึกษาปริมาณการปนเปื้อนของโลหะหนักและโซเดียมไอออนในน้ำที่ใช้สำหรับ การเลี้ยงกุ้ง รวมทั้งการคัดแยกเชื้อแบคทีเรียสังเคราะห์แสงกลุ่มไม่สะสมซัลเฟอร์เพื่อนำมาศึกษา ความสามารถในการบำบัดการปนเปื้อนดังกล่าว จากบ่อเลี้ยงกุ้งในภาคใต้ของประเทศไทยจำนวน 31 บ่อ พบว่าปริมาณของโลหะหนักสูงสุดที่ตรวจสอบในดินตะกอนมี (หน่วยเป็นมิลลิกรัม/กิโลกรัมของน้ำหนัก แห้ง) แคดเมียม 0.75 ตะกั่ว 62.63 ทองแดง 34.60 และ สังกะสี 58.50 ซึ่งปริมาณที่พบในตัวอย่างดินตะกอน ทั้งหมดยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานดินตะกอนที่ขุดลอกของฮ่องกง ในขณะที่ปริมาณของทองแดง (9-30 ไมโครกรัม/ลิตร) และสังกะสี (140-530 ไมโครกรัม/ลิตร) ในตัวอย่างน้ำจำนวน 32 และ 61 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ มีค่าเกินมาตรฐานสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของกรมควบคุมมลพิษ ประเทศไทย (8 และ 50 ไมโครกรัม/ลิตรตามลำดับ) จากแบคทีเรียสังเคราะห์แสงที่แยกได้ทั้งหมด 120 สายพันธุ์ นำมาคัดเลือกสาย พันธุ์ที่ทนต่อโลหะหนักได้จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ NW16 และ KMS24 จากการเทียบเคียงโดยอาศัย คุณสมบัติทางชีวเคมีและการใช้ยีนส์ 16S rRNA พบว่าสายพันธุ์ NW16 เป็นเชื้อ Rhodobium marinum ในขณะที่สายพันธุ์ KMS24 เป็นเชื้อ Rhodobacter sphaeroides ทั้งสองสายพันธุ์สามารถเจริญในอาหารที่มี ความเข้มข้นของโลหะหนักปริมาณสูงสุดที่ตรวจพบในดินตะกอนและมีเกลือ 3 เปอร์เซ็นต์ จากการศึกษา กลไกในการกำจัดโลหะหนักแบบยับยั้งกระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolic inhibition) และแบบอาศัย กระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolic dependent) สรุปได้ว่าทั้งสองสายพันธุ์สามารถกำจัดโลหะหนักได้ โดยอาศัยทั้งกระบวนการ biosorption และ bioaccumulation โดยสภาวะที่เหมาะสมในการกำจัดโลหะหนัก ของสายพันธุ์ NW16 คือ ปริมาณชีวมวลของเซลล์ในระยะ log phase ใช้เซลล์สดเทียบเท่า 4.5 มิลลิกรัม น้ำหนักแห้งต่อมิลลิลิตร พีเอช 6.0 อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส และระยะเวลาในการดูดซับ 30 นาที โดยมี เปอร์เซ็นต์การกำจัดโลหะหนักเฉลี่ย คือ ตะกั่ว 86.50 ทองแดง 64.00 สังกะสี 42.50 และ แคดเมียม 25.50 สำหรับสายพันธุ์ KMS24 พบว่าสภาวะที่เหมาะสมในการกำจัดโลหะหนักคือ ปริมาณชีวมวลของเซลล์ใน ระยะ log phase ใช้เซลล์สดเทียบเท่า 5.0 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งต่อมิลลิลิตร พีเอช 5.5 และอุณหภูมิ 35 องศา เซลเซียส เป็นเวลา 45 นาที (ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การกำจัดตะกั่ว 96 ทองแดง 75 สังกะสี 46 และแคดเมียม 30) และพบว่าการมีแคลเซียมไอออน และแมกนีเซียมไอออน มีผลทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดโลหะหนัก ของทั้งสองสายพันธุ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเชื้อผสมของทั้งสองสายพันธุ์มีประสิทธิภาพในการกำจัด โลหะหนักได้มากกว่าเชื้อบริสุทธิ์ของแต่ละสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังพบว่าสาร exopolymeric substances (EPS) ที่สร้างจากทั้งสองสายพันธุ์สามารถกำจัดโลหะหนักได้สูงถึง 90.19 -98.32 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้สภาวะมี อากาศเล็กน้อย-มีแสง และสภาวะมีอากาศ-ไร้แสง ในขณะที่การใช้ตัวเซลล์กำจัดได้เพียง 10.71-80.02 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการศึกษาศักยภาพในการกำจัดโลหะหนักของทั้งสองสายพันธุ์ในดินตะกอนและน้ำหลัง การเพาะเลี้ยงจากบ่อกุ้งที่มีการปนเปื้อนด้วยโลหะหนัก รวมทั้งศึกษาความเป็นพิษต่อพืชหลังการบำบัดโดย ทดสอบการงอกของเมล็ด พบว่าในตัวอย่างน้ำ ชุดทดสอบที่มีเชื้อธรรมชาติร่วมกับเชื้อผสมสามารถกำจัด ทองแดงได้ 75 เปอร์เซ็นต์ สังกะสี 31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าชุดปราศจากเชื้อที่เติมเชื้อผสม สำหรับตัวอย่าง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
คำสำคัญ: การบำบัดโดยวิธีการทางชีววิทยา
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความเป็นไปได้ในการกำจัดโลหะหนักที่ปนเปื้อนในบ่อกุ้งโดยแบคทีเรียสังเคราะห์ แสงกลุ่มที่ไม่สะสมซัลเฟอร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
30 กันยายน 2553
การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของแร่ธาตุบางชนิดในพลาสมาของกุ้งขาววัยรุ่น (Litopenaeus vannamei) ในสภาวะช็อก การกระตุ้นการเจริญของแบคทีเรียสังเคราะห์แสงด้วยน้ำหมักชีวภาพเพื่อบำบัดน้ำเสียจากการทำยางแผ่นและการติดตามความหลากหลายของกลุ่มแบคทีเรียสีม่วงที่ไม่สะสมซัลเฟอร์ในระบบ ประสิทธิภาพของสารสกัดเปลือกมังคุด (Gracinia mangostana, Linn) ในการกำจัดจุลชีพที่ก่อให้เกิดโรคในกุ้งทะเล ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระดับโมเลกุลในแบคทีเรียกลุ่มดีไนตริไฟเออร์จากการวิเคราะห์ไนไทรท์รีดักเทสยีนโดยเทคนิคพีซีอาร์-อาร์เอฟแอลพี : รายงานวิจัยผลการวิจัย วิธีที่เหมาะสมในการลำเลียงกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei) ให้มีชีวิตแบบแห้งที่อุณหภูมิต่ำ การเปลี่ยนแปลงสรีระเคมีในรอบวงจรลอกคราบของกุ้งขาว(Litopenaeus vannamei) การศึกษายีนของไวรัสตัวแดงดวงขาวและกุ้งกุลาดำที่เกี่ยวข้องกับกลไกการตายของเซลล์ ศึกษาสารคงตัวที่เหมาะสมในการเตรียมตัวอย่าง Escherichia coli ในกุ้งที่ใช้สำหรับทดสอบความสามารถระหว่างห้องปฏิบัติการ การปนเปื้อนแบคทีเรีย โลหะหนัก และ คุณภาพน้ำบริเวณแหล่งเลี้ยงหอยนางรม(Saccostrea coccullata Born, 1778 )จังหวัดจันทบุรี การเสริมแร่ธาตุตามอัตราส่วนในน้ำที่เลี้ยงกุ้ง ต่อการเจริญเติบโต การรอดตาย อัตราการแลกเนื้อ ความถี่ของการลอกคราบ และสรีระเคมีของกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก