สืบค้นงานวิจัย
วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการสืบพันธุ์กระบือและโคพื้นเมืองไทยแบบบูรณาการเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์อย่างยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชโลธร อัมพร - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการสืบพันธุ์กระบือและโคพื้นเมืองไทยแบบบูรณาการเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์อย่างยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Technology Transfer to Integrated Reproductive Managements for Sustainable Production and Expansion of Buffalos and Thai Native Cattle and Small Holder Farmers Networking in the Northeast of Thailand
บทคัดย่อ: การกลับสู่สฟภาพปกติของระบบสืบพันธุ์ในกระบือและโคพื้นเมืองหลังคลอดที่ล่าช้าส่งผลต่อความสมบูรณ์พันธุ์และการผสมติด ซึ่งเป็นข้อจำกัดต่อความสำเร็จในการจัดการการสืบพันธุ์และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของเกษตรกรรายย่อย สาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาผสมไม่ติดมีหลายสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีหลักฐานมากมายที่ระบุว่ากระบือและโคพื้นเมืองมักมีระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุลและมักจะมีความสมบูรณ์พันธุ์ต่ำ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อแก้ไขปัญหาการสืบพันธุ์ในกระบือและโคพื้นเมืองแรกคลอดที่เลี้ยงเกษตรกรรายย่อย โดยการบูรณาการการใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ในด้านชีววิทยาการสืบพันธุ์ร่วมกับการจัดการกระบือและโคพื้นเมืองหลังคลอด ดังนั้นการวิจัยนี้จึงได้ออกแบบการวิจัยออกเป็น 6 แผนการทดลอง โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design, CRD) เพื่อทดสอบสมมติฐาน แผนการทดลองที่ 1) โคพื้นเมืองไทยแบ่งกลุ่มทดลอง 3 กลุ่มคือ อีสานกลาง อีสานใต้ และอีสานเหนือ ผลการศึกษาพบว่าน้ำหนักแรกคลอด (births weigh) ประมาณ 15-25 กก. น้ำหนักหย่านม (weaning weigh) อยู่ระหว่าง 70-85 กก.เข้าสู่วัยหนุ่มสาว (puberty) เมื่ออายุ 20-30 เดือน ซึ่งไม่พบความแตกต่างกันทางสถิติกันในกลุ่มทดลองที่ศึกษาทั้ง 3 กลุ่ม (P>0.05) เช่นเดียวกับประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ เช่น วันท้องว่างหลังคลอด (day open) เฉลี่ยระหว่าง 80-135 วัน เปอร์เซ็นต์การผสมเทียมต่อการตั้งท้อง (artificial insemination/pregnancy) เฉลี่ย 1.1-1.4 ในโคสาว และ 2.1-2.4 ในโคนาง อย่างไรก็ตามผลจากการสำรวจนี้พบว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพื้นเมืองนิยมใช้พ่อพันธุ์ผสมจริงมากถึง 80% มากกว่า (P0.05) อย่างไรก็ตามกระบือในอีสานใต้มีน้ำหนักแรกคลอดและน้ำหนักหย่านมสูงกว่าอีสานเหนือ (34.33 กับ 30.09 และ 154.33 กับ 146.27 กก. ตามลำดับ, P0.05). แผนการทดลองที่ 5 กระบือนางที่ไม่ตั้งท้องจำนวน 24 ตัว แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กระบือได้รับโปรแกรม Ovsynch และ Doublesynch ผลการศึกษาพบว่ากระบือที่ได้รับโปรแกรม Ovsynch มีอัตราการตั้งท้อง 58.33% และ 41.67% ในกลุ่ม Doublesynch (P>0.05) เช่นเดียวกับการตอบสนองของการตกไข่ครั้งแรกหลังได้รับ GnRH เข็มแรกและขนาดของฟอลลิเคิลระยะก่อนการตกไข่ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) แผนการทดลองที่ 6 แม่กระบือระยะก่อนคลอด 1 เดือน จำนวน 40 ตัว แบ่งการทดลอง 2 กลุ่มคือ ไม่ได้รับการเสริมน้ำมันพืช กับกลุ่มที่ได้รับการเสริมในอาหารข้นขนาด 6% โดยทำการเสริมช่วงก่อนและหลังคลอด 1 เดือน ผลการศึกษานี้พบว่าสุขภาพของมดลูกและรังไข่ของแม่กระบือที่ได้รับการเสริมน้ำมันพืชดีกว่า (P<0.05) ที่ไม่เสริมน้ำมันพืชในอาหารข้น (กลุ่มควบคุม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่มดลูกเข้าอู่ การแสดงอาการเป็นสัดครั้งแรกหลังคลอด มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติอย่าง (P<0.05) โดยสรุปผลจากการศึกษาในครั้งนี้ในโคพื้นเมืองไทยมีรูปร่างลักษณะโดยทั่วไปและลักษณะทางการสืบพันธุ์ในเพศเมียไม่แตกต่างกันที่เลี้ยงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการเสริมน้ำมันพืชในอาหารข้นระยะก่อนและหลังคลอด 1 เดือนให้แก่แม่โคพื้นเมืองส่งผลดีต่อสุขภาพของมดลูกและรังไข่ของแม่โค นอกจากนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ในแม่โคพื้นเมืองด้วยการใช้โปรแกรมเหนี่ยวนำการเป็นสัดร่วมกับการเสริมฮอร์โมน GnRH ในวันที่ 5 หลังผสมเทียม ไม่ส่งผลดีต่ออัตราการผสมติด แต่สามารถลดวันท้องว่างเท่านั้นเอง สำหรับกระบือในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีความแตกต่างกันในรูปร่างลักษณะโดยทั่วไป และเกษตรกรนิยมผสมพันธุ์แม่กระบือด้วยการใช้พ่อพันธุ์ผสม จึงเป็นเหตุผลสำคัญก่อให้เกิดปัญหาเลือดชิด (inbreed) ในกระบือที่เลี้ยงในภูมิภาคนี้ นอกจากนั้นโปรแกรมเหนี่ยวนำการตกไข่ที่เหมาะสมในกระบือคือ Ovsynch และการเสริมน้ำมันพืชขนาด 6% ในอาหารข้นส่งผลดีต่อสุขภาพของมดลูกและรังไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้แม่กระบือคลอดง่าย รกไม่ค้าง และลดวันท้องว่างหลังคลอดในกระบือ คำสำคัญ: การเหนี่ยวนำการตกไข่ โคพื้นเมือง กระบือ การเสริมน้ำมันพืช
บทคัดย่อ (EN): The objectives for this study to improvement reproductive performance in postpartum Thai native cattle and buffalo cows infertility problems raised by the small holder farmers. Early postpartum buffalo cows were enrolled in 6 related experiments; Exp. I) Thai native cattle were divided into three groups (central, south and north ISAAN). The general characteristic: births weigh (15-25 kg), weaning weigh (70-85 kg), age of puberty (20-30 moth) did not differ (P>0.05). Similarly, reproductive performance such as day open (80-135 days) and artificial insemination/pregnancy (1.1-1.4 in heifer and 2.1-2.4 in cows) were not difference. However, the owners of cattle were used breeding with sire (80%) greater than artificial insemination (AI; 20%). Exp. II) Prepartum multiparous Thai native beef cows (n=40) were randomly allocated to receive dietary concentrate (control; n=20) plus one of two supplements (4% plant oil; n=20) 4-week prior to parturition. Following parturition, all cows were continually given the same dietary concentrate for 4 weeks. Uterine health and ovarian functions were greater in cows supplemented with plant oil. The uterine involution and first estrus postpartum of supplemented cows was recovered sooner than those control cows (P0.05). However, births weigh (15-25 kg), weaning weigh in south ISSAN were greater than north ISSAN groups (34.33 vs. 30.09 and 154.33 vs. 146.27 kg; P0.05). Exp. V) Nonpregnant buffalo cows (n = 24) were randomly assigned to each of 2 treatments to receive timed artificial insemination (TAI). Buffalo cows assigned to the first treatment (Ovsynch) as control and cows assigned to the second treatment (Doublesynch). The conception rate did not differ (58.33 vs. 41.67% for Ovsynch and Doublesynch, respectively; P>0.05). Exp. VI) Prepartum buffalo cows (n=40) were randomly allocated to receive dietary concentrate and control plus 6% plant oil supplements (treatment) 4 week prior to parturition. Following parturition, cows were continually given the same dietary concentrate for 4 weeks. Uterine health and ovarian functions were greater in cows supplemented with plant oil (P<0.05). Keyword: Synchronization of ovulation, , Thai native cattle, buffalo plant oil supplemented
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: เครือข่ายเกษตรกรรายย่อย
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการสืบพันธุ์กระบือและโคพื้นเมืองไทยแบบบูรณาการเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์อย่างยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชโลธร อัมพร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
30 กันยายน 2555
การศึกษาปัจจัยเสี่ยงและการระบาดของพยาธิใบไม้ในตับชนิด Fasciola gigantica ในโคและกระบือที่เลี้ยงในพื้นที่รอบทะเลสาบสงขลา การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเครือข่ายวนเกษตร การเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวโพดข้าวเหนียวพันธุ์ดีและถ่ายทอดงานวิจัยสู่เกษตรกรจังหวัดสระบุรี การประยุกต์ใช้การเจริญเติบโตทดแทนในการเพิ่มประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ในแพะพื้นเมืองไทยของเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การสร้างเครือข่ายและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ผลิตทุเรียนนอกฤดูกาล ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวก่ำของชุมชนชาวนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การใช้เทคโนโลยีการย้ายฝากตัวอ่อนและการแช่แข็งตัวอ่อนเพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์โคพื้นเมืองของเกษตรกรรายย่อย เรณูวิทยาของพรรณไม้วงศ์ฝ้าย (Malvaceae) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจทำเกษตรทฤษฎีใหม่ของเกษตรกรในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดการความรู้ของเกษตรกรที่ทำการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตำบลหินดาต อำเภอปาศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก