สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาการใช้พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิต กรณีศึกษา การเปรียบเทียบชุมชนกะเหรี่ยงบ
Preeyanee Prasopnate - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การศึกษาการใช้พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิต กรณีศึกษา การเปรียบเทียบชุมชนกะเหรี่ยงบ
ชื่อเรื่อง (EN): Medicinal plant utilization : a living case study comparison of Karen people at Tipuye village and Isan people at Thungnangkruan village at Thongphaphum, Kanchanaburi province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Preeyanee Prasopnate
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร และความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยทางเศรษฐกิจต่อการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร ระหว่างชุมชนกะเหรี่ยง บ้านทิพุเย กับ ชุมชนอีสาน บ้านทุ่งนางครวญ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยการวิจัยจะใช้ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณ ภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณจะใช้แบบสอบถามเพื่อสอบถามหัวหน้าครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่ศึกษา จำนวน 143 ครัวเรือน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพจะใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือ การประมวลผลจะใช้โปรแกรมสำเร็จ รูป SPSS for Window เพื่อการวิเคราะห์สถิติพรรณนาและการวิเคราะห์หาสถิติสหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ค่า ไคว์-แสควร์ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระต่าง ๆ กับการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร ผลการศึกษาพบว่า ชาวกะเหรี่ยงและชาวอีสานส่วนใหญ่ใช้พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิต ร้อยละ 69.0 และร้อยละ 78.2 โดยวิธีการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรนั้นมี 2 แบบ การใช้พืชสมุนไพรเพื่อเป็นยารักษาโรคเพียง อย่างเดียว และการใช้พืชสมุนไพรในการเป็นส่วนประกอบในอาหาร ชาวกะเหรี่ยงร้อยละ 35.7 ใช้พืชสมุนไพร แต่ละครั้งมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กรัมต่อครั้ง ในขณะที่ชาวอีสาน ร้อยละ 44.6 มีการใช้พืชสมุนไพรต่อครั้งอยู่ ระหว่าง 21-50 กรัม ความถี่ในการใช้พืชสมุนไพร พบว่า ชาวกะเหรี่ยง ร้อยละ 40.5 ใช้พืชสมุนไพรน้อยกว่า 1 ครั้งต่อเดือน และชาวอีสาน ร้อยละ 31.7 มีการใช้พืชสมุนไพรประมาณ 1-4 ครั้งต่อเดือน โดยชาวกะเหรี่ยง ร้อย ละ 28.6 และชาวอีสาน ร้อยละ 57.4 นิยมต้มพืชสมุนไพรดื่ม ขณะที่อายุและการประกอบอาชีพจะมีความสัมพันธ์ กับการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิตอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้ คือ ควรมีการสนับสนุนให้การศึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร แก่ชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ควรผลักดันให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจศึกษาความรู้เกี่ยวกับประโยชน์การใช้พืช สมุนไพรก่อนที่องค์ความรู้ด้านการรักษาพยาบาลของชุมชนจะเลือนหายไป
บทคัดย่อ (EN): using medicinal plants only, and using them as food ingredients. 35.7% and 44.6% respectively of Karen and Isan people used less than 1 gram of medicinal plants each time and 21-50 grams each time. For the frequency of utilization, 40.5% of Karen people used medicinal plants less than once each month while 31.7% of Isan people used medicinal plants about 1-4 times each month. For the mode of medicinal plant usage, decoction for drinking was the most commonly used (28.6% of Karen and 57.4% of Isan). The analysis of the dependent and the independent variables found that age and occupation had a significant positive correlation with the medicinal plant utilization at < 0.05 Based on this study it is recommended that medicinal plant utilization be promoted by providing education, fostering traditional wisdom about medicinal plants and encouraging the younger generation to be concerned about knowledge of medicinal plants before such knowledge vanishes.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2482&obj_id=1701
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Kanchanaburi
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร และความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยทางเศรษฐกิจต่อการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร ระหว่างชุมชนกะเหรี่ยง บ้านทิพุเย กับ ชุมชนอีสาน บ้านทุ่งนางครวญ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยการวิจัยจะใช้ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณ ภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณจะใช้แบบสอบถามเพื่อสอบถามหัวหน้าครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่ศึกษา จำนวน 143 ครัวเรือน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพจะใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือ การประมวลผลจะใช้โปรแกรมสำเร็จ รูป SPSS for Window เพื่อการวิเคราะห์สถิติพรรณนาและการวิเคราะห์หาสถิติสหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ค่า ไคว์-แสควร์ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระต่าง ๆ กับการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพร ผลการศึกษาพบว่า ชาวกะเหรี่ยงและชาวอีสานส่วนใหญ่ใช้พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิต ร้อยละ 69.0 และร้อยละ 78.2 โดยวิธีการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรนั้นมี 2 แบบ การใช้พืชสมุนไพรเพื่อเป็นยารักษาโรคเพียง อย่างเดียว และการใช้พืชสมุนไพรในการเป็นส่วนประกอบในอาหาร ชาวกะเหรี่ยงร้อยละ 35.7 ใช้พืชสมุนไพร แต่ละครั้งมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กรัมต่อครั้ง ในขณะที่ชาวอีสาน ร้อยละ 44.6 มีการใช้พืชสมุนไพรต่อครั้งอยู่ ระหว่าง 21-50 กรัม ความถี่ในการใช้พืชสมุนไพร พบว่า ชาวกะเหรี่ยง ร้อยละ 40.5 ใช้พืชสมุนไพรน้อยกว่า 1 ครั้งต่อเดือน และชาวอีสาน ร้อยละ 31.7 มีการใช้พืชสมุนไพรประมาณ 1-4 ครั้งต่อเดือน โดยชาวกะเหรี่ยง ร้อย ละ 28.6 และชาวอีสาน ร้อยละ 57.4 นิยมต้มพืชสมุนไพรดื่ม ขณะที่อายุและการประกอบอาชีพจะมีความสัมพันธ์ กับการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิตอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้ คือ ควรมีการสนับสนุนให้การศึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร แก่ชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ควรผลักดันให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจศึกษาความรู้เกี่ยวกับประโยชน์การใช้พืช สมุนไพรก่อนที่องค์ความรู้ด้านการรักษาพยาบาลของชุมชนจะเลือนหายไป
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาการใช้พืชสมุนไพรในการดำรงชีวิต กรณีศึกษา การเปรียบเทียบชุมชนกะเหรี่ยงบ
Preeyanee Prasopnate
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การใช้และการคงไว้ซึ่งสมุนไพรจากทรัพยากรป่าไม้ สมุนไพร ศักยภาพป่าชุมชนเพื่อการใช้ประโยชน์ของชุมชน ตำบลแม่ทราย อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ปัญหาอุปสรรคของการบริหารโครงการปลูกป่าชุมชน จังหวัดจันทบุรี : ศึกษากรณีชุมชนเขาทะลาย ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับมาตรการอนุรักษ์ดิน โดยใช้วัสดุอินทรีย์ในระบบพืชที่มีพืชน้ำมันเ ผลการใช้หลักสูตรท้องถิ่น เรื่อง พืชสมุนไพรพื้นบ้านสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 การทำนายความเปราะบางของพืชสมุนไพรที่ชาวกะเหรี่ยงใช้ใน จังหวัดเชียงใหม่ ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยแบบจ การประเมินประสิทธิภาพของการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรในโรงพยาบาลชุมชน : กรณีศึกษาโรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี การบำบัดดินที่ปนเปื้อนน้ำมันเตาโดยใช้พืช แนวทางที่เหมาะสมในการใช้ประโยชน์พื้นที่หินปูนที่เกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่น : กรณีศึกษาบริเวณเทือกเขาวง-หน้าพระลาน จ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก