สืบค้นงานวิจัย
การสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาและการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร
สุธาสินี ชิ้นทอง - มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ชื่อเรื่อง: การสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาและการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร
ชื่อเรื่อง (EN): Polysaccharides Extraction from Spirogyra spp. and Its Application in Food Products
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุธาสินี ชิ้นทอง
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ เพื่อศึกษาสภาวะการสกัดและคุณสมบัติเชิงหน้าที่ของพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์บางประเภท จากการศึกษาพบว่าการสกัด Autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที สามารถสกัดพอลิแซ็กคาไรด์ได้ปริมาณมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 16.65 พอลิแซ็กคาไรด์ที่สกัดได้มีสีคล้ำมาก (L = 26.72, a = 2.97 และ b = 3.78) มีค่าปริมาณน้ำอิสระ (Aw) เท่ากับร้อยละ 0.41 ปริมาณความชื้นร้อยละ 9.71 ปริมาณน้ำตาลทั้งหมดร้อยละ 51.10 และปริมาณคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 58.85 และมีความสามารถในการละลายในน้ำเย็นได้ร้อยละ 41.61 พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาที่ความเข้มข้นร้อยละ 3 มีความหนืด (9.74 cP) ใกล้เคียงกับสารให้ความคงตัวทางการค้า คือ คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลสร้อยละ0.1 และคาร์ราจีแนนร้อยละ 1 การเพิ่มอุณหภูมิส่งผลให้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาที่ความเข้มข้นร้อยละ 3 มีความหนืดเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ที่สภาวะความเป็นกรด-ด่าง เท่ากับ 7 พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตามีความหนืดสูงสุด (10.36 cP) และการเติมเกลือโซเดียมคลอไรด์ในปริมาณสูงขึ้น มีผลทำให้ความหนืดของพอลิแซ็กคาไรด์ลดลง (p < 0.05) เช่นเดียวกับสารให้ความคงตัวทางการค้า ขณะที่การเติมเกลือโพแทสเซียมคลอไรด์ส่งผลให้ความหนืด ของพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเพิ่มขึ้น (p < 0.05) การใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาที่ระดับร้อยละ 3 ในการเป็นสารให้ความคงตัวในผลิตภัณฑ์ไอศกรีมและนมรสช็อกโกแลต ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีสีคล้ำกว่าการใช้สารให้ความคงตัวทางการค้า คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (ร้อยละ 0.1) และคาร์ราจีแนน (ร้อยละ 1) ผลิตภัณฑ์ไอศกรีมรสช็อกโกแลต มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายได้ความหนืด ร้อยละการขึ้นฟู และค่าความเป็นกรด-ด่าง ไม่แตกต่างจากการใช้คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (p > 0.05) แต่มีอัตราการละลายสูงกว่าการใช้คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) จากการทดสอบความชอบต่อไอศกรีมช็อกโกแลตที่ใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเป็นสารให้ความคงตัว ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบโดยรวมอยู่ในระดับชอบปานกลาง สำหรับผลิตภัณฑ์นมรสช็อกโกแลต การใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเป็นสารให้ความคงตัว มีค่าความหนืดไม่แตกต่างจากการใช้คาร์ราจีแนน (p > 0.05) แต่พบปริมาณตะกอนของสารแขวนลอยมากกว่าการใช้คาร์ราจีแนน ระหว่างเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 วัน และจากการทดสอบความชอบต่อนมรสช็อกโกแลตที่ใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเป็นสารให้ความคงตัว ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบโดยรวมอยู่ในระดับชอบเล็กน้อย ดังนั้นพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเป็นสารให้ความคงตัวในผลิตภัณฑ์ไอศกรีมและนมรสช็อกโกแลต This research aimed to investigate the extraction conditions and functional properties of polysaccharides from Spirogyra spp. for utilization in some food products. The results showed that the highest yield of polysaccharides of 16.65% was obtained from the autoclave extraction at 121C for 60 minutes. Polysaccharides were dark (L = 26.72, a = 2.97 and b = 3.78) and shown 0.41% of water activity (Aw), 9.71% moisture content, 51.10% of sugar and 58.85% of carbohydrate. In addition, solubility of the extracted polysaccharides in cold water was 41.61%. The viscosity of polysaccharides from Spirogyra spp. at 3% (9.74 cP) was compatible to that of carboxymethylcellulose at 0.1% and carrageenan at 1%. As temperature increased, viscosity of polysaccharides at 3% was increased significantly (p < 0.05). Study on relationship of pH and viscosity of polysaccharides showed that at pH 7 polysaccharides had the highest viscosity (10.36 cP). Addition of NaCl decreased the viscosity of polysaccharides as same as it did in commercial stabilizer. Addition of KCl increased the viscosity of polysaccharides (p < 0.05). The application of these polysaccharides at 3% as stabilizer in chocolate ice cream and milk resulted in darker products than commercial stabilizer carboxymethylcellulose (0.1%) and carrageenan (1%). Results of total soluble solid, viscosity, %overrun and pH of chocolate ice cream using polysaccharides from Spirogyra spp. and carboxymethylcellulose had no significantly difference (p > 0.05) but melting rate was significantly higher than using carboxymethylcellulose (p < 0.05). Regarding sensory evaluation of chocolate ice cream using polysaccharides (3%) in term of overall liking, the result was acceptable at moderately liking. The quality of chocolate milk with 3% of polysaccharides were not significantly different (p > 0.05) in viscosity but sediment of suspensions was found higher than that using carrageenan during storage at 4C for 14 days. Moreover, sensory evaluation of chocolate milk using polysaccharides (3%) in term of overall liking, the result was acceptable at slightly liking. Therefore, polysaccharides from Spirogyra spp. are an alternative stabilizers for chocolate ice cream and milk.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
คำสำคัญ: ผลิตภัณฑ์อาหาร
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
รายละเอียด: งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ เพื่อศึกษาสภาวะการสกัดและคุณสมบัติเชิงหน้าที่ของพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์บางประเภท จากการศึกษาพบว่าการสกัด Autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที สามารถสกัดพอลิแซ็กคาไรด์ได้ปริมาณมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 16.65 พอลิแซ็กคาไรด์ที่สกัดได้มีสีคล้ำมาก (L = 26.72, a = 2.97 และ b = 3.78) มีค่าปริมาณน้ำอิสระ (Aw) เท่ากับร้อยละ 0.41 ปริมาณความชื้นร้อยละ 9.71 ปริมาณน้ำตาลทั้งหมดร้อยละ 51.10 และปริมาณคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 58.85 และมีความสามารถในการละลายในน้ำเย็นได้ร้อยละ 41.61 พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาที่ความเข้มข้นร้อยละ 3 มีความหนืด (9.74 cP) ใกล้เคียงกับสารให้ความคงตัวทางการค้า คือ คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลสร้อยละ0.1 และคาร์ราจีแนนร้อยละ 1 การเพิ่มอุณหภูมิส่งผลให้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาที่ความเข้มข้นร้อยละ 3 มีความหนืดเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ที่สภาวะความเป็นกรด-ด่าง เท่ากับ 7 พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตามีความหนืดสูงสุด (10.36 cP) และการเติมเกลือโซเดียมคลอไรด์ในปริมาณสูงขึ้น มีผลทำให้ความหนืดของพอลิแซ็กคาไรด์ลดลง (p < 0.05) เช่นเดียวกับสารให้ความคงตัวทางการค้า ขณะที่การเติมเกลือโพแทสเซียมคลอไรด์ส่งผลให้ความหนืด ของพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเพิ่มขึ้น (p < 0.05) การใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาที่ระดับร้อยละ 3 ในการเป็นสารให้ความคงตัวในผลิตภัณฑ์ไอศกรีมและนมรสช็อกโกแลต ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีสีคล้ำกว่าการใช้สารให้ความคงตัวทางการค้า คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (ร้อยละ 0.1) และคาร์ราจีแนน (ร้อยละ 1) ผลิตภัณฑ์ไอศกรีมรสช็อกโกแลต มีปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายได้ความหนืด ร้อยละการขึ้นฟู และค่าความเป็นกรด-ด่าง ไม่แตกต่างจากการใช้คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (p > 0.05) แต่มีอัตราการละลายสูงกว่าการใช้คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) จากการทดสอบความชอบต่อไอศกรีมช็อกโกแลตที่ใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเป็นสารให้ความคงตัว ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบโดยรวมอยู่ในระดับชอบปานกลาง สำหรับผลิตภัณฑ์นมรสช็อกโกแลต การใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเป็นสารให้ความคงตัว มีค่าความหนืดไม่แตกต่างจากการใช้คาร์ราจีแนน (p > 0.05) แต่พบปริมาณตะกอนของสารแขวนลอยมากกว่าการใช้คาร์ราจีแนน ระหว่างเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 วัน และจากการทดสอบความชอบต่อนมรสช็อกโกแลตที่ใช้พอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาเป็นสารให้ความคงตัว ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบโดยรวมอยู่ในระดับชอบเล็กน้อย ดังนั้นพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเป็นสารให้ความคงตัวในผลิตภัณฑ์ไอศกรีมและนมรสช็อกโกแลต This research aimed to investigate the extraction conditions and functional properties of polysaccharides from Spirogyra spp. for utilization in some food products. The results showed that the highest yield of polysaccharides of 16.65% was obtained from the autoclave extraction at 121C for 60 minutes. Polysaccharides were dark (L = 26.72, a = 2.97 and b = 3.78) and shown 0.41% of water activity (Aw), 9.71% moisture content, 51.10% of sugar and 58.85% of carbohydrate. In addition, solubility of the extracted polysaccharides in cold water was 41.61%. The viscosity of polysaccharides from Spirogyra spp. at 3% (9.74 cP) was compatible to that of carboxymethylcellulose at 0.1% and carrageenan at 1%. As temperature increased, viscosity of polysaccharides at 3% was increased significantly (p < 0.05). Study on relationship of pH and viscosity of polysaccharides showed that at pH 7 polysaccharides had the highest viscosity (10.36 cP). Addition of NaCl decreased the viscosity of polysaccharides as same as it did in commercial stabilizer. Addition of KCl increased the viscosity of polysaccharides (p < 0.05). The application of these polysaccharides at 3% as stabilizer in chocolate ice cream and milk resulted in darker products than commercial stabilizer carboxymethylcellulose (0.1%) and carrageenan (1%). Results of total soluble solid, viscosity, %overrun and pH of chocolate ice cream using polysaccharides from Spirogyra spp. and carboxymethylcellulose had no significantly difference (p > 0.05) but melting rate was significantly higher than using carboxymethylcellulose (p < 0.05). Regarding sensory evaluation of chocolate ice cream using polysaccharides (3%) in term of overall liking, the result was acceptable at moderately liking. The quality of chocolate milk with 3% of polysaccharides were not significantly different (p > 0.05) in viscosity but sediment of suspensions was found higher than that using carrageenan during storage at 4C for 14 days. Moreover, sensory evaluation of chocolate milk using polysaccharides (3%) in term of overall liking, the result was acceptable at slightly liking. Therefore, polysaccharides from Spirogyra spp. are an alternative stabilizers for chocolate ice cream and milk.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายเตาและการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
2558
การเปลี่ยนแปลงด้านเบตาบอลิสมในสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สายพันธุ์ Aphanothece halophytica ที่เจริญภายใต้ความเครียดของเกลือ ศักยภาพของพอลิแซคคาไรด์จากสาหร่ายเตา (Spirogyra spp.) ในการใช้เป็นพรีไบโอติก ผลของการเสริมขมิ้นชันในอาหารสุกรเล็ก การใช้มูลสัตว์เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงปลาในเขตที่สูงบริเวณหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน บ้านห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการวิจัยผลิตภัณฑ์จักสานและดอกไม้ประดิษฐ์โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ผลของการเสริมดอกปีปในอาหารสุกรขุนต่อสมรรถภาพการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีเตาเศรษฐกิจเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและรักษา-สิ่งแวดล้อมของชุมชนหนองหลวง อำเภอเมือง จังหวัดตาก ศึกษาการกระจายพันธุ์ของสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว ในสถาบันราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี ผลของการเสริมสมุนไพรฟ้าทะลายโจรหัวหอมแดงและลูกใต้ใบในอาหารไก่กระทงต่อ 1.ค่า Hl-titer ของโรคนิวคาสเซิล 2. สมรรถภาพการผลิต 3.คุณภาพซาก 4.ค่ามิชญวิทยาของตับ การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากเปลือกกุ้ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก