สืบค้นงานวิจัย
อิทธิพลของอินทรียวัตถุต่อความหลากหลายของกลุ่มจุลินทรีย์ในพื้นที่นาข้าวดินเค็ม
มนัสนันท์ ไชยนุรัตน์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: อิทธิพลของอินทรียวัตถุต่อความหลากหลายของกลุ่มจุลินทรีย์ในพื้นที่นาข้าวดินเค็ม
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of Organic matters to Comparison of Diversity of Soil Organism in Saline Soils.
บทคัดย่อ: การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาผลของอินทรียวัตถุชนิดต่างๆที่ใช้ในการปรับปรุงพื้นที่ดินเค็มและผลต่อปริมาณและความหลากหลายของจุลินทรีย์โดยเฉพาะกลุ่มแบคทีเรียในนาข้าว โดยได้ติดตามกลุ่มจุลินทรีย์จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่ตรึงไนโตรเจน กลุ่มที่ละลายฟอสฟอรัส และกลุ่มที่ละลายโพแทสเซียม ในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตของข้าว ได้แก่ในดินก่อนการทดลอง ช่วงหลังการสับกลบโสนอัฟริกัน ช่วงข้าวแตกกอ และหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยวางแผนการทดลองแบบ Randomize Completely Block Design (RCBD) มี 7 ตำรับการทดลอง จำนวน 3 ซ้ำ ได้แก่ ตำรับที่ 1 แปลงควบคุม, ตำรับที่ 2 ใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 2 ตันต่อไร่, ตำรับที่ 3 ใส่แกลบอัตรา 2 ตันต่อไร่, ตำรับที่ 4 หว่านโสนอัฟริกันอัตราเมล็ด 5 กิโลกรัมต่อไร่, ตำรับที่ 5 ใช้ปุ๋ยหมักอัตรา 2 ตันต่อไร่ + หว่านโสนอัฟริกันอัตราเมล็ด 5 กิโลกรัมต่อไร่, ตำรับที่ 6 ใส่แกลบอัตรา 2 ตันต่อไร่ + หว่านโสนอัฟริกันอัตราเมล็ด 5 กิโลกรัมต่อไร่ และตำรับที่ 7 ใส่ปุ๋ยหมัก 1 ตันต่อไร่+ แกลบ 1 ตันต่อไร่ ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ตรึงไนโตรเจนจะพบมากในช่วงหลังสับกลบโสนอัฟริกันและช่วงข้าวแตกกอ โดย ตำรับที่หว่านโสนอัฟริกันอัตราเมล็ด 5 กิโลกรัมต่อไร่และตำรับที่ใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 2 ตันต่อไร่พบมากที่สุดมีค่าเท่ากับ 3.67 x 103 เซลล์ต่อมิลลิกรัมตัวอย่าง กลุ่มจุลินทรีย์ที่ละลายฟอสฟอรัส พบว่าจะมีความสัมพันธ์กับปริมาณความชื้นในดิน โดยในดินก่อนปลูกในดินจะมีจุลินทรีย์กลุ่มนี้ค่อนข้างสูงเพราะมีทั้งแบคทีเรียและเชื้อรา แต่เมื่อมีการขังน้ำในช่วงสับกลบจนถึงข้าวแตกกอปริมาณจุลินทรีย์ที่ละลายฟอสฟอรัสจะเริ่มลดลงและเพิ่มขึ้นในช่วงเก็บเกี่ยวโดยพบว่าตำรับที่ 5 ใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 2 ตันต่อไร่ร่วมกับการหว่านโสนอัฟริกันอัตราเมล็ด 5 กิโลกรัมต่อไร่ มีปริมาณจุลินทรีย์ที่ละลายฟอสฟอรัสสูงที่สุดและพบว่ามีปริมาณฟอสฟอรัสในดินสูงที่สุด เท่ากับ 31.44 มิลลิกรัมกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนกลุ่มจุลินทรีย์ที่ละลายโพแทสเซียม พบว่ามีความสัมพันธ์กับแกลบโดยตำรับที่มีการใส่แกลบจะพบจุลินทรีย์กลุ่มที่ละลายโพแทสเซียมมากที่สุดแต่ไม่มีผลต่อการเพิ่มผลผลิตข้าว และพบว่าการใส่อินทรียวัตถุทุกชนิดมีความต่อการเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน และลดปริมาณโซเดียมในดิน ทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับตำรับควบคุม และพบว่าผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 สูงสุดในตำรับที่ใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 2 ตันต่อไร่ ผลผลิตเท่ากับ 313 กิโลกรัมต่อไร่ รองลงมาคือตำรับที่ 5 ใช้ปุ๋ยหมักอัตรา 2 ตันต่อไร่ + หว่านโสนอัฟริกันอัตราเมล็ด 5 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิต 256 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ
บทคัดย่อ (EN): The aims of this study were: (i) to study the suitable organic matter for improve soil salinity in paddy field. (ii) to measure activity and diversity of micro-organisms (Nitrogen fixation group , Phosphorus dissolving micro-organisms and Potassium dissolving microorganisms) in different time ;before planting , after incorporated Sesbania rostrata 15 days, tillering stage and after harvested in different organic matter. This study was established on Kula Ronghai soil serie at Banphai district, Khon Kaen province. The experiment consisted of 7 treatments, i.e. T1: control plot, T2: compost at the rate 2 ton/rai ,T3: rice husk 2 tons/rai, T4 Sesbania rostrata 5 kg./rai ,T5: T2+T4, T6: T3+T4, T7: compost at the rate 1 ton/rai + rice husk 1tons/rai. A randomized complete block with 3 replicates was used in this experiment. The results showed that the highest volume of Nitrogen fixation microorganism was founded in treatment 4 and treatment 2 at the time after incorporated Sesbania rostrata and tillering stage. Phosphorus dissolving microorganisms had related with soil moisture and founded highest volume in the soil before planting in both of bacteria and fungi. However, flooding during incorporated Sesbania rostrata and tillering stage induced the numberof Phosphorus dissolving microorganisms decreased but increased again in harvested stage. Treatment 2 had the most Phosphorus dissolving microorganisms (31.44 milligrams/ kilogram.) Potassium dissolving microorganisms was founded highest volume in treatment with the rice husk but no effect on rice yield. All of organic matters had increased soil organic matter, reduced sodium in the soil and increased yield. The highest yield (313 kilograms/rai) was founded in T2 and followed by T5 (256 kilograms/rai) and the results showed that was not significantly difference.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ดินเค็ม
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
อิทธิพลของอินทรียวัตถุต่อความหลากหลายของกลุ่มจุลินทรีย์ในพื้นที่นาข้าวดินเค็ม
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2556
การเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจายคราบเกลือบนผิวดินหลังจากการพัฒนา ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ ตำบลด่านช้าง ตำบลขุนทอง อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ศึกษาการเจริญเติบโตของไม้ยืนต้นทนเค็มภายหลังการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มในพื้นที่ลุ่มน้ำลำสะแทด การจัดการดินเค็มในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ข้าวให้พลังงานผสานคุณค่าอาหาร การใช้โสนอัฟริกันร่วมกับปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินต่อผลผลิตข้าวเจ้าพันธุ์ต่างๆ ในพื้นที่ลุ่มน้ำลำสะแทด การประเมินปริมาณอินทรียวัตถุในดินด้วยเทคนิค Near Infared Spectroscopy ความหลากหลายของเชื้อราจากดิน ซากพืชและการนำไปใช้ประโยชน์ ชุดตรวจสอบอินทรียวัตถุในดิน : แนวทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์ การตรวจสอบความใช้ได้ของเทคนิคเนียร์อินฟราเรดในการทำนายค่าวิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุในดินกรณีศึกษา : ปัจจัยด้านปริมาณอนุภาคดินเหนียวของดินในประเทศไทย การกักเก็บคาร์บอนในดินเค็มจากการใช้วัสดุอินทรีย์ปรับปรุงดินในการผลิตข้าว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก