สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาการเลี้ยงปลานิลในกระขังแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ : กรณีศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
เกวลิน หนูฤทธิ์ - กองนโยบายและแผนพัฒนาการประมง กรมประมง
ชื่อเรื่อง: การศึกษาการเลี้ยงปลานิลในกระขังแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ : กรณีศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): The Study of Tilapia Cage-Culture in the Contract and Independent Farming : A Case Study in the Northeastern Region of Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เกวลิน หนูฤทธิ์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kewalin Nooritthi
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การศึกษาการเลี้ยงปลานิลในกระชังแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ กรณีศึกษา : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เกวลิน หนูฤทธิ์ กองนโยบายและแผนพัฒนาการประมง กรมประมง บทคัดย่อ การศึกษาการเลี้ยงปลานิลในกระชังแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ กรณีศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลในกระชัง 2) วิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการเลี้ยงทั้งสองรูปแบบ 3) ศึกษาวิถีการตลาด วิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการตลาด และประเมินประสิทธิภาพการตลาด และ 4) ศึกษาปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไขปัญหาการเลี้ยงปลานิลในกระชัง โดยศึกษาเกษตรกรจำนวน 218 ราย ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา ยโสธร และอุบลราชธานี ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรเลี้ยงปลานิลในกระชังแบบเกษตรพันธสัญญา ร้อยละ 85.78 แหล่งน้ำที่ใช้เลี้ยงปลาอยู่ในบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ ร้อยละ 80.28 มีการเลี้ยงในแม่น้ำ ร้อยละ 19.72 และมีจำนวนรอบการเลี้ยงปลาเฉลี่ย 2 รอบต่อปี ใช้ระยะเวลาเลี้ยง 4-5 เดือนต่อรอบการเลี้ยง ต้นทุนการเลี้ยงปลานิลในกระชังแบบเกษตรพันธสัญญามีต้นทุน 54.46 บาทต่อกิโลกรัม ราคาจำหน่าย 60 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรมีกำไร 5.54 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนการเลี้ยงปลานิลในกระชังแบบอิสระมีต้นทุน 47.67 บาทต่อกิโลกรัม ราคาจำหน่าย 55 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรมีกำไร 7.33 บาทต่อกิโลกรัม จะเห็นได้ว่าการเลี้ยงปลานิลในกระชังแบบอิสระได้รับกำไรสูงกว่าการเลี้ยงปลาแบบเกษตรพันธสัญญา 1.79 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับวิถีการตลาดปลานิลในกระชัง เริ่มต้นจากเกษตรกรจำหน่ายผลผลิตให้บริษัทเกษตรพันธสัญญาและตัวแทนบริษัท คิดเป็นร้อยละ 90 ของผลผลิตทั้งหมด อีกร้อยละ 10 เป็นผลผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลแบบอิสระที่มีแผงตลาดขายปลาในตลาดสดทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ค้าส่ง ร้อยละ 7 และเป็นผู้ค้าปลีกตลาดนัดชุมชน ร้อยละ 3 จากนั้นผลผลิตกระจายต่อไปยังตลาดผู้ค้าส่ง ร้อยละ 87 และห้องเย็น ร้อยละ 10 และกระจายต่อไปยังตลาดผู้ค้าปลีก โดยเป็นผู้ค้าปลีกในตลาดสดเทศบาล/อำเภอ ร้อยละ 50 ตลาดนัดชุมชน ร้อยละ 25 และร้านอาหาร ร้อยละ 15 สำหรับผลผลิตที่เก็บไว้ในห้องเย็นร้อยละ 10 นำออกมากระจายให้กับผู้บริโภคในประเทศ ต้นทุนการตลาดเริ่มต้นจากบริษัทเกษตรพันธสัญญารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ราคาเฉลี่ย 60 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อจัดส่งไปยังผู้ค้าส่ง และจำหน่ายต่อในราคา 65 บาทต่อกิโลกรัม จากนั้นจึงขายต่อให้ผู้ค้าปลีกจำหน่ายต่อในราคา 75 บาทต่อกิโลกรัม เกิดส่วนเหลื่อมการตลาด 15 บาทต่อกิโลกรัม โดยสามารถจำแนกเป็นต้นทุนการตลาด 7.95 บาทต่อกิโลกรัม และกำไร 7.05 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ผู้ค้าปลีกจะมีกำไรต่อกิโลกรัมมากกว่าผู้ค้าส่ง แต่จะมีปริมาณการขายที่น้อยกว่า   ปัญหาอุปสรรคของการเลี้ยงปลาในกระชัง ได้แก่ (1) ปัญหาคุณภาพลูกพันธุ์และอาหารปลา (2) ต้นทุนการเลี้ยงสูง ไม่สามารถกำหนดราคารับซื้อผลผลิตเองได้ เนื่องจากเกษตรกรไม่ได้รับข่าวสารด้านราคา ทำให้ขาดอำนาจการต่อรอง (3) เกษตรกรไม่มีแหล่งจำหน่ายผลผลิต (4) บริษัทขาดการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด (5) เกษตรกรเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงหากเกิดภัยพิบัติ (6) การขาดความรู้ความเข้าใจเงื่อนไขนิติกรรมสัญญาในระบบเกษตรพันธสัญญา (7) ความไม่ซื่อสัตย์ของเกษตรกร (8) เกษตรกรมีความล่าช้าในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถขอใบรับรองมาตรฐานฟาร์มได้ แนวทางการแก้ไขปัญหาการเลี้ยงปลาในกระชัง ได้แก่ (1) ภาครัฐควรเร่งกระจายลูกพันธุ์ปลานิลที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง (2) ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันเพื่อแปรรูปอาหารและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต เป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงและสร้างอำนาจในการต่อรองราคา (3) สนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ผลิตสินค้าปลานิลในแต่ละภูมิภาค พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรมีการแปรรูปผลผลิตที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นการระบายผลผลิตในช่วงที่มีผลผลิตล้นตลาดและสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้ (4) ส่งเสริมให้เกษตรกรกระจายผลผลิตผ่านช่องทางการตลาดสินค้าออนไลน์ (5) จัดทำระบบประกันภัยความเสี่ยงผลผลิตสัตว์น้ำที่เกิดจากภัยธรรมชาติ (6) บริษัทเกษตรพันธสัญญาควรชี้แจงรายละเอียดเงื่อนไขนิติกรรมสัญญาให้กับเกษตรกรก่อนจะทำการลงนามในสัญญาทุกครั้ง (7) ภาครัฐควรเร่งรัดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อขอใบรับรองมาตรฐานฟาร์มต่อไป คำสำคัญ: ปลานิลในกระชัง, การเลี้ยงแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ประเทศไทย ผู้รับผิดชอบ: กองนโยบายและแผนพัฒนาการประมง กรมประมง ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0 2561 3353 Email: kewalin999@gmail.com
บทคัดย่อ (EN): The Study of Tilapia Cage-Culture in the Contract and Independent Farming : A Case Study in the Northeastern Region of Thailand Kewalin Nooritthi Fisheries Development Policy and Planning Division, Department of Fisheries Abstract The objectives of the study of Tilapia cage-culture in the contract and independent farming were : 1) to study socio-economic of Tilapia cage-culture farmers, 2) to analyze costs and returns for contract and independent Tilapia cage-culture farming, 3) to study marketing channels, marketing cost and evaluating market efficiency, and 4) to raise problems and suggested solutions in cage-culture Tilapia for farmers. Data were collected from 218 farmers in 7 provinces i.e., Kalasin, Khon Kaen, Chaiyaphum, Nakhon Phanom, Nakhon Ratchasima, Yasothon, and Ubon Ratchathani. The results of the study found that 85.78% of farmers preferred contract farming, with 80.28% of fishing activities happened in reservoirs and dams and 19.72% of cultural activities occurred in rivers. Usually, it took 4-5 months per crop and farmers can produce 2 crops annually. The cost of Tilapia cage-culture contract farming was 54.46 baht per kilogram, the selling price was 60 baht per kilogram, therefore the farmers got a profit of 5.54 baht per kilogram. The cost of Tilapia cage-culture independent farming was 47.67 baht per kilogram, the selling price was 55 baht per kilogram, therefore the farmers got a profit of 7.33 baht per kilogram. Consequently, independent Tilapia cage-culture farmers got a higher profit than contract farming about 1.79 baht per kilogram. The marketing channels began from 90% of farmers sold cage-cultured production to the contract farming company and company representatives, only 10% of production independent farmers sold to community markets. About 7% of production was from independent farmers who owned stalls in wholesale fish markets and 3% of farmers sold in community markets. The supply chain went beyond the wholesale market 87% of production, and cold storage 10% of production. The rest move to the retailer market, they were about 50% of the retailers in the municipal/district fresh market, 25% of the community market, and 15% of the restaurants that were in the supply chain. Another 10% kept in cold storage to distribute to consumers throughout the country.   Marketing costs happened when a contract farming company bought cage-cultured Tilapia at an average price of 60 baht per kilogram and wholesalers sold at 65 baht per kilogram. Then wholesalers sold to retailers that sold for 75 baht per kilogram, with a marketing margin of 15 baht per kilogram. The margin can be identified as marketing costs of 7.95 baht per kilogram and profits of 7.05 baht per kilogram. However, retailers were more profitable than wholesalers with a lesser amount of sales volumes. Problems and obstacles of cage-cultured Tilapia farmers were: (1) poor production quality, such as fish larvae breeding and feed mill; (2) high cost of production; (3) contract farming company bought cage-cultured Tilapia at the predetermined overhead rate, while farmers still lacked information about current market price, thus low bargaining power; (4) the contracting company management needs to be reorganized according to their production planning and market demand; (5) farmers bear a burden of investment and losses with lucrative profits going to the companies engaged in the system; (6) farmers did not have an insight into the contract detail provided by the companies; (7) farmers' dishonesty behavior toward the contract; and (8) a delayed of aquatic animal farmers registration delayed the aquatic farming certification procedure. Problems solving strategies were: (1) government sector action should be accelerated in developing a good quality breeding Tilapia and distributing them throughout the country to meet the demand of farmers; (2) Encouraging the formation of farmer groups to produce feed for reducing the cost of production; (3) assisting farmers to develop a production process to increase value-added products when oversupply and prolong shelf-life; (4) helping farmers to use online platforms to connect buyer and farmers under the demand-driven market system; (5) establishing insurance against losses from natural disasters; (6) contract farming companies should agree in advance teams and conditions for production and marketing of farm production before signed by both parties; and (7) encouraging farmers to register as aquatic animal farmers and applied for aquatic animal farm certification. Key words: Tilapia Cage-Culture, The Contract and Independent Farming, Northeastern, Thailand Corresponding author: Fisheries Development Policy and Planning Division, Department of Fisheries, Ladyao, Jatujak, Bangkok 10900 Tel. 0 2561 3353 E-mail: kewalin999@gmail.com
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เลขที่อ้างอิง: ไม่มี
เอกสารแนบ: http://file.fisheries.go.th/f/e900442129/?raw=1
เผยแพร่โดย: กองนโยบายและแผนพัฒนาการประมง กรมประมง
คำสำคัญ: ปลานิลในกระชัง, การเลี้ยงแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ประเทศไทย
คำสำคัญ (EN): Tilapia Cage-Culture, The Contract and Independent Farming, Northeastern, Thailand
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมประมง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาการเลี้ยงปลานิลในกระขังแบบเกษตรพันธสัญญาและแบบอิสระ : กรณีศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
กองนโยบายและแผนพัฒนาการประมง กรมประมง
2562
การเสริมเมล็ดมะขามในอาหารปลานิล การสืบค้นและการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันในไตส่วนหน้าและม้ามของปลานิล (Oreochromis niloticus) ที่ได้รับเชื้อ Streptococcus agalactiae เรณูวิทยาของพืชวงศ์ผักขม (Amaranthaceae) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ความสามารถทนเค็มของปลานิลลูกผสมและปลานิลผสมกลับ ชุดดินปลูกหม่อนเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประสิทธิภาพเชิงกำไรของการปลูกข้าวหอมมะลิ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ความแตกต่างทางพันธุกรรมของประชากรข้าววัชพืชจากภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พลวัตรของคาร์บอนในดินภายใต้การไถกลบตอซังข้าวโพดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การรับฟังวิทยุกระจายเสียงของเยาวชนชนบทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของการเลี้ยงปลานิลกระชังในบ่อดิน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก