สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกร ตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ปี 2542-2546
สุวรรณ ธุระแสง - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกร ตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ปี 2542-2546
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุวรรณ ธุระแสง
บทคัดย่อ: การศึกษาเรื่องการใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกร ตำบลหนองโน อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคามมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1)ข้อมูลพื้นฐานบางประการของเกษตรกร 2)สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร 3)สภาพการใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกร และ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการใช้โรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกร เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 53 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรส่วนมาก เป็นหญิง มีอายุเฉลี่ย 52 ปี ส่วนมากจบประถมศึกษา พื้นที่ทำการเกษตรเฉลี่ย 17.9 ไร่ มีที่ดินเป็นของตัวเอง มีอาชีพหลักทำนา มีอาชีพรองปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สมาชิกในครอบครัวเฉลี่ย 5 คน มีแรงงานเฉลี่ย 3 คน มีรายได้ภาคการเกษตรเฉลี่ย 11,679.20 บาทต่อปี นอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 16,009.40 บาทต่อปี ส่วนมาก เป็นสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรพบว่ามีประสบการณ์ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเฉลี่ย 10.4 ปี ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอาชีพเสริม มีพื้นที่ปลูกหม่อนเฉลี่ย 1.8 ไร่ ดินเป็นดินทราย ใช้น้ำฝนในการปลูกหม่อน ส่วนมากปลูกหม่อนพันธุ์ บร.60 ใช้ระยะปลูกหม่อน 0.75 x 2 เมตร มีการใส่ปุ๋ยคอกอัตราเฉลี่ย 680.8 กิโลกรัมต่อไร่ มีการใช้ปุ๋ยเคมีอัตราเฉลี่ย 25.9 กิโลกรัมต่อไร่ มีการตัดแต่งกิ่งหม่อนเฉลี่ย 2.5 ครั้งต่อปี ส่วนมากกำจัดวัชพืชโดยใช้แรงงานคน มีแรงงานปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเฉลี่ย 2 คน มีการจ้างแรงงานเฉลี่ย 4 คน ในขั้นตอนการกำจัดวัชพืช เลี้ยงไหมเฉลี่ย 4.1 รุ่นต่อปี เลี้ยงไหม 1 แผ่นต่อรุ่น ส่วนมากเลี้ยงวัยอ่อน - เก็บผลผลิต ทั้งหมดมีการทำความสะอาดห้องเลี้ยงไหม ส่วนมากมีการใช้สารโรยตัวไหม ส่วนมากเลี้ยงไหมพันธุ์พื้นเมือง ส่วนมากเก็บพันธุ์ไว้เอง ทั้งหมดจะนำรังไหมไปสาวเป็นเส้นไหม ส่วนมากเคยรับการฝึกอบรม เกษตรกรจะขอรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร การใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนพบว่าทั้งหมดมีการรวมกลุ่มผู้เลี้ยงไหม เป็นสมาชิกกลุ่มเลี้ยงไหมวัยอ่อน มีคณะกรรมการบริหารกลุ่มผู้เลี้ยงไหมวัยอ่อน โดยเกษตรกรเป็นผู้คัดเลือก ทุก 5 ปี มีการประชุมกลุ่มปีละ 1 ครั้ง ทั้งหมดมีการใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อน ในรูปกลุ่ม ทั้งหมดรับไหมวัยอ่อน (1 - 3) จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนมาเลี้ยงปีละ 3 รุ่น ปัญหาในการใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนได้แก่ ราคาไหมต่ำ ไข่ไหม ปริมาณใบหม่อน คุณภาพใบหม่อน การเข้าทำลายของโรค การจำหน่ายไหมวัยอ่อน จำนวนผู้รับไหมวัยอ่อน การทำลายของแมลง การทำความสะอาด อบฆ่าเชื้อ การบริหารงาน การเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ ความรู้ความชำนาญ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ระบบไฟฟ้า และ ข้อเสนอแนะให้ทางราชการจัดสร้างห้องเลี้ยงไหม จัดฝึกอบรม วัน ติดตั้งระบบน้ำหยด สนับสนุนหม่อนพันธุ์ดี และการประกันราคาเส้นไหม
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: ปี 2542-2546
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกร ตำบลหนองโน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ปี 2542-2546
กรมส่งเสริมการเกษตร
2546
การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี การใช้ประโยชน์จากโรงเลี้ยงไหมวัยอ่อนของเกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2535-2542 การมีส่วนร่วมของเกษตรกรในโครงการเพิ่มรายได้นอกภาคเกษตร ปี 2542 สภาพการผลิตเบญจมาศของเกษตรกรอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย การเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยลูกผสมของเกษตรกรจังหวัดชัยภูมิ สภาพการผลิตหน่อไม้ฝรั่งของเกษตรกรตำบลท่าสองคอน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม สภาพการผลิตข้าวโพดหวานของเกษตรกรตำบลห้วยแอ่ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม การใช้เทคโนโลยีในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรจังหวัดสระแก้ว ปี 2547 สภาพการผลิตมันแกวของเกษตรกร กิ่งอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม สภาพการผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ของเกษตรกร ตำบลแวงน่าง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก