สืบค้นงานวิจัย
โครงการชะลอการแข็งตัวของสารเกลือแป้งฝนหลวง
พัฒนา อนุรักษ์พงศธร - กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการชะลอการแข็งตัวของสารเกลือแป้งฝนหลวง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พัฒนา อนุรักษ์พงศธร
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Patana Anurakpongsatorn
บทคัดย่อ: กระบวนการปฏิบัติการฝนหลวง โดยใช้เกลือแป้ง (Sodium Chloride, NaCI) เป็นสารเคมีสร้างแกนกลั่นตัวของ อากาศ ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติเป็นแกนดูดชับความชื้นให้เข้มาเกาะและกลั่นตัวกลายเป็นเม็ดน้ำจำนวนมาก และใช้ในขั้นตอน การโจมตี (attack) เพื่อให้ฝนตกลงมา ซึ่งในการเตรียมสารให้พร้อมในการขึ้นโปรยนั้น สารจะต้องเป็นผงละเอียด มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 200-300 ไมครอน มีความชื้นไม่เกินร้อยละ 0.6 ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การแข็งตัวของเกลือแป้ง ระหว่างการเก็บรักษา จับตัวเป็นก้อนมีลักษณะตามสภาพของถุงที่บรรจุ ทำให้มีสมบัติไม่เหมาะสมต่อการนำขึ้นไปปฏิบัติการ ฝนหลวง สาเหตุอาจเนื่องมาจากเกลือแป้งที่มีสมบัติในการดูดความชื้นได้อย่างเร็ว ทำให้เกิดการแข็งตัวขึ้น จึงมีความจำเป็น ที่ต้องหาวิธีการจัดการกับปัญหาการแข็งตัว ทั้งนี้ต้องไม่ลดคุณสมบัติการเป็นแกนดูดซับความชื้นของเกลือแป้งในการทำฝน หลวง การหาสารอื่นที่มีสมบัติในการดูดชับความชื้นที่ดีกว่ามาเป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยป้องกันการแข็งตัวของเกลือแป้ง ระหว่างการเก็บรักษา อีกทั้งวิจัยเพื่อหาบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ป้องกันความชื้นและ/หรือสามารถนำกลับมาใช้ช้ รวมทั้งการออกแบบให้ใช้งานง่ายขึ้น และทนต่อการกดทับโดยไม่เกาะแข็งตัว การจับตัวกันของเกลือแป้ง (Caking of powder) แต่ละชนิด ได้แก่ เกลือแป้งฝนหลวงเกลือทะเล เกลือแป้งฝน หลวงเกลือสินเธาว์ และสารดูดความชื้นที่นำมาศึกษา ได้แก่ แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO.) แคลเซียมคลอไรด์ (Cacl.) และแมกนีเซียมคาร์บอเนต (MgcO.) ที่บรรจุในกาชนะพลาสติกมีฝาปิดและตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง เมื่อเวลาผ่านไป 27 วัน เกลือทะเลและเกลือสินเธาว์ มีความชื้นสูงที่สุดคือ 70.1 และ 65.8%RHI ตามลำดับ และมีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่ ปริมาณมาก ติดที่ฝาและข้างภาชนะเล็กน้อย ส่วนแคลเชียมคาร์บอเนตและแมกนีเซียมคาร์บอเนต มีความชื้นสูงที่สุด คือ 68.7 และ 70.9 %RI ตามลำดับ มีการจับตัวเป็นก้อนขนาดเล็กและปานกลาง ติดที่ ข้างภาชนะเล็กน้อยแคลเซียมคลอไรด์มีความชื้นสูงสุด คือ 18.7%RH และวันที่ 20 ของการทดลอง พบว่า มีลักษณะเป็นน้ำใส มีผลึกสีขาว นอนก้น การหาสัดส่วนที่เหมาะสมในการเติมสารดูดความชื้นลงในสารเกลือแป้ง 0.5, 1, 1.5 และ 2% ดวบคุมความชื้นโดย เก็บสารตัวอย่างไว้ในตู้ดูดความชื้น ในกรณีเกลือแป้งเกลือทะเล แคลเซียมคาร์บอเนตให้ผลดีที่สุดโดยสามารถลดความชื้น ได้ 52.22% ในเวลา 4 วัน เมื่อเติมไป 0.5 % ส่วนแมกนีเซียมคาร์บอเนตสามารถลดความชื้นได้ 50.00% ในเวลา 6 วัน เมื่อเติมไป 1% ส่วนแคลเซียมคลอไรด์สามารถลดความชื้นได้เพียง 10.68% ในเวลา 6 วัน เมื่อเติมไป 2% ในกรณีเกลือแป้งเกลือสินเธาว์ ผลของสารดูดความชื้นทั้ง 3 ชนิดมีประสิทธิภาพลดความชื้นได้ต่ำเมื่อเทียบกับเกลือแป้งฝน หลวงเกลือทะเล การชะลอการแข็งตัวของสารเกลือแป้งฝนหลวง ในกรณีศึกษาของบรรจุภัณฑ์ละการจัดเก็บ พบว่า การใช้ ถุงพลาสติกแบบเดิมบรรจุเกลือแป้งจำนวน 2 ชั้น และมีการปิดปากถุงที่สนิท สามารถจัดเก็บไว้ในที่ขึ้น 60%RH ได้ 6 เดือน โดยไม่มีการซึมของความชื้น ซึ่งเทียบเท่ากับถุงพลาสติกแบบกันขึ้น แต่พลาสติกทั้งสองมีความข้อดีและเสียต่างกันด้านราคาและความทนทาน ความสามารถในการรับน้ำหนักในการจัดเก็บ เนื่องจากในการจัดเก็บในโกดัง มีการวางถุงเกลือแป้งแบบ ทับซ้อนกันเป็นชั้น และมีจำนวนชั้นที่แตกต่างกัน ซึ่งการรับน้ำหนักของแต่ละถุงน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการแข็งตัวของเกลือ แป้งด้วย จากการเก็บผลการศึกษาเมื่อครบระยะเวลา 6 เดือน พบว่ามีการแข็งตัวของเกลือแป้งในบางถุงอย่างไม่เป็น ระเบียบ เมื่อทำการศึกษาแรงรับน้ำหนักด้วยเครื่องกดอัดในการทำให้เกลือแป้งอัดตัวเป็นก้อน พบว่าแรงอัดเฉลี่ยในการท่ ให้เป็นก้อนลดลงเมื่อเกลือแป้งมีความชื้นมากขึ้น ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เกลือแป้งที่ชื้นจะจับตัวกันเป็นก้อนจะเกิดได้ง่าย เมื่อมีจำนวนชั้นที่ซ้อนทับมากขึ้น สามารถอธิบายแนวโน้มที่ว่าเกลือแป้งที่อยู่ชั้นล่างๆ ถูกเร่งให้เกิดการแข็งตัวด้วยน้ำหนักที่ กดทับ สำหรับถุงเกลือเป้งที่อยู่ด้นบนสุดแข็งตัวได้ เนื่องจากรอยเชื่อมของถุงพลาสติกชั้นนอกมีชีดจำกัดในการรับน้ำหนัก ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะการเชื่อม ในการจัดการเพื่อป้องกันการสูญเสียสามารถดำเนินการได้โดย การปรับปรุงวิธีการปิดปากถุง ชั้นนอก การปรับเปลี่ยนชนิดของถุงพลาสติก การพัฒนาบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนด้วย หลักการ 3R โดยมีเป้าหมายให้เป็นโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://164.115.23.116:8060/Frontend/download?DocumentID=36&fileIndex=0&originalFileName=16%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87.pdf
เผยแพร่โดย: กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
คำสำคัญ: การจัดเก็บสารฝนหลวง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการชะลอการแข็งตัวของสารเกลือแป้งฝนหลวง
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
2551-
การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี โครงการพัฒนาแผนแบบเครื่องลดความชื้นและบดย่อยสารฝนหลวงให้พร้อมใช้งานบนอากาศยาน โครงการย่อยที่ 5 โครงการวิเคราะห์ปริมาณสาร THC ในเฮมพ์ โครงการย่อยที่ 1 โครงการคัดเลือกสายพันธุ์เฮมพ์ที่มีปริมาณสาร THC ต่ำ ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณแป้งและสารโรตีในนในรากหางไหล (Derris elliptica Benth.) ที่อายุต่าง ๆ การพัฒนาแป้งกล้วยน้ำว้าดิบ สาร 3-MCPD กับซอสถั่วเหลือง โครงการประเมินปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โครงการพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศและโอกาสความสำเร็จ ในการปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาเกณ์การตัดสินใจในการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มเติมน้ำฝนเพื่อการปฏิบัติการฝนหลวง ให้เกษตรกรและผู้ใช้น้ำในลุ่มน้ำของประเทศไทยตอนบน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก