สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดฝักอ่อน
จิราลักษณ์ ภูมิไธสง - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดฝักอ่อน
ชื่อเรื่อง (EN): Enhancing Productivity of Baby Corn
บทคัดย่อ: การตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยของข้าวโพดฝักอ่อนในพื้นที่ดินเหนียว-ร่วนเหนียว พบว่า การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 7.5-5-5, 15-5-5, 22.5-5-5, 15–0-5, 15–2.5-5. 15-7.5-5, 15-5-0, 15-5-2.5 และ 15-5-7.5 (กก.N-P2O5-K2O/ไร่) ให้น้ำหนักฝักอ่อนทั้งเปลือก และน้ำหนักฝักอ่อนปอกเปลือก ไม่แตกต่างกันทางสถิติ แต่สูงกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0-5-5 (กก.N-P2O5-K2O/ไร่) อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง เมื่อศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ย พบว่า การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 22.5-5-5 และ 15-5-5 (กก.N-P2O5-K2O/ไร่) ให้น้ำหนักฝักทั้งเปลือกและน้ำหนักฝักปอกเปลือกสูงกว่าการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 7.5-5-5 และ 0-5-5 (กก.N-P2O5-K2O/ไร่) และผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก และปอกเปลือกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถ้าใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราที่สูงกว่า 1.5 เท่าตามค่าวิเคราะห์ไนโตรเจน 22.5-5-5 (กก.N-P2O5-K2O/ไร่) ขณะที่การตอบสนองต่อปุ๋ยฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ให้ค่าไม่แตกต่างกันทางสถิติ การตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยของข้าวโพดฝักอ่อนในพื้นที่ดินร่วน-ร่วนปนทราย พบว่า การใส่ปุ๋ยเคมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ที่ระดับสูงขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตจำนวนฝัก น้ำหนักฝักอ่อนทั้งเปลือก น้ำหนักฝักอ่อนปอกเปลือกสูงขึ้น การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-4-10 กก.N-P2O5-K2O ต่อไร่ ซึ่งเป็นปุ๋ยอัตรา 1 เท่าของค่าวิเคราะห์ดิน เพียงพอต่อการให้ผลผลิตของข้าวโพดฝักอ่อน โดยทำให้จำนวนฝัก น้ำหนักฝักอ่อนทั้งเปลือก น้ำหนักฝักอ่อนปอกเปลือกสูงสุด แต่การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในอัตรา 1.5 เท่าของค่าวิเคราะห์ดิน ส่งผลให้ผลผลิตข้าวโพดฝักอ่อนลดลงอย่างเห็นได้ชัด การตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจน และฟอสฟอรัส ให้ค่าไม่แตกต่างทางสถิติ แต่การใส่ปุ๋ยโพแทสเซียมที่ระดับ 1.5 เท่าของค่าวิเคราะห์ K 15-4-15 กก.N-P2O5-K2O ต่อไร่ ให้จำนวนฝักต่อไร่ น้ำหนักฝักทั้งเปลือก และน้ำหนักฝักปอกเปลือกลดลงจากการให้ปุ๋ย 1 เท่าตามค่าวิเคราะห์ดิน 15-4-10 กก.N-P2O5-K2O ต่อไร่ การใช้ปุ๋ยอย่างผสมผสานในการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนที่เหมาะสมในพื้นที่ดินเหนียว-ร่วนเหนียว พบว่า การใส่หรือไม่ใส่เศษซากพืช และการใส่ปุ๋ยทุกอัตรา ให้ผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือกไม่แตกต่างกันทางสถิติ มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1,829-1,993 และ 1,801-2,025 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมทั้งหมดในต้นและเปลือกของข้าวโพดฝักอ่อน พบว่า ทุกกรรมวิธีทั้งการใส่หรือไม่ใส่เศษซากพืช และการใส่ปุ๋ยทุกอัตรา ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ การใส่ปุ๋ย 0.5 เท่าปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินร่วมกับปุ๋ยมูลวัว มีปริมาณโพแทสเซียมทั้งหมดในฝักไม่แตกต่างทางสถิติกับการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำ แต่สูงกว่าการใส่ปุ๋ย 0.5 เท่าปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน+กากตะกอนอ้อย และการใส่หรือไม่ใส่เศษซากพืช มีปริมาณโพแทสเซียมทั้งหมดในฝักไม่แตกต่างกันทางสถิติ ขณะที่กรรมวิธีการใส่หรือไม่ใส่ซาก และการใส่ปุ๋ยทุกอัตรา มีปริมาณไนโตรเจน และมีปริมาณฟอสฟอรัสไม่แตกต่างกันทางสถิติ การใช้ปุ๋ยอย่างผสมผสานในการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนที่เหมาะสมในพื้นที่ดินร่วน-ร่วนปนทราย พบว่า ไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพีจีพีอาร์กับการจัดการปุ๋ยแบบต่างๆ แต่การใส่ 0.5 เท่าปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินร่วมกับน้ำล้างคอกวัวนม ทำให้ข้าวโพดมีการเจริญเติบโต ผลผลิตฝัก น้ำหนักแห้งตอซัง ปริมาณการดูดใช้ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในฝัก ตอซัง และเปลือกไม่แตกต่างกับการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ดังนั้น การใส่ 0.5 เท่าปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินร่วมกับน้ำล้างคอกวัวนม จึงเป็นการลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนลง ทำให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (VCR) จากการใช้ปุ๋ยในการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนสูงสุด การให้น้ำในการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนที่เหมาะสมในพื้นที่ดินเหนียว-ร่วนเหนียว พบว่า ปีที่ 1 และปีที่ 2ไม่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์ระหว่างการให้น้ำและการใส่ปุ๋ยในส่วนของน้ำหนักฝักทั้งเปลือก และน้ำหนักฝักปอกเปลือก โดยปีที่ 1 การให้น้ำทุกอัตรา ให้น้ำหนักฝักทั้งเปลือกและน้ำหนักฝักปอกเปลือกไม่แตกต่างกันทางสถิติ แต่มีความแตกต่างทางสถิติในกรรมวิธีการใส่ปุ๋ย โดยการใส่ปุ๋ย 15-5-5 ให้น้ำหนักฝักทั้งเปลือกสูงกว่าการใส่ปุ๋ย 7.5-2.5-2.5 และการไม่ใส่ปุ๋ยอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง แต่การใส่ปุ๋ย 15-5-5 ให้น้ำหนักฝักปอกเปลือกไม่แตกต่างทางสถิติกับการใส่ปุ๋ย 7.5-2.5-2.5 และ 3.75-5-5 ร่วม 3.75-0-0 ปีที่ 2 การใส่ปุ๋ย 3.75-7.5-7.5 ร่วม 3.75-0-0 ให้น้ำหนักฝักทั้งเปลือก สูงกว่า 7.5-2.5-2.5 และการไม่ใส่ปุ๋ยอย่างมีนัยสำคัญ แต่การใส่ปุ๋ย 3.75-7.5-7.5 ร่วม 3.75-0-0 และ 15-5-5 ให้น้ำหนักฝักปอกเปลือกสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยอย่างมีนัยสำคัญ ประสิทธิภาพการใช้น้ำชลประทานของพืช พบว่า ไม่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์ระหว่างการให้น้ำและอัตราปุ๋ย การให้น้ำทุกอัตราให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำชลประทานไม่แตกต่างกันทางสถิติ แต่การใส่ปุ๋ย 15-5-5 และ3.75-7.5-7.5 ร่วม 3.75-0-0 มีประสิทธิภาพการใช้น้ำชลประทานสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยอย่างมีนัยสำคัญ การใช้ประโยชน์จากเศษซากข้าวโพดต่อข้าวโพดฝักอ่อนที่ปลูกตาม ผลของการปลูกข้าวโพดฝักอ่อนตามของ crop 2 และ crop 3 พบว่า ไม่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์ระหว่างการใส่ซาก และการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ข้าวโพดฝักอ่อน crop ที่ 2 เมื่อมีการใส่หรือไม่ใส่ซากข้าวโพดฝักอ่อน มีน้ำหนักฝักทั้งเปลือก และน้ำหนักฝักปอกเปลือกไม่แตกต่างกันทางสถิติ แต่การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 20-40 กิโลกรัมต่อไร่ มีน้ำหนักฝักอ่อนทั้งเปลือก สูงกว่าการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ประมาณ 33-42 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ น้ำหนักฝักปอกเปลือกให้ผลในทำนองเดียวกับน้ำหนักฝักทั้งเปลือก โดยการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน อัตรา 20-40 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตสูงกว่าการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ประมาณ 35-31 เปอร์เซ็นต์ ระบบการผลิตและการตลาดข้าวโพดฝักอ่อนในภาคกลางและภาคตะวันตก จากการสำรวจเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดฝักอ่อน จำนวน 87 ราย แยกเป็นเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 54 ราย จังหวัดราชบุรี จำนวน 19 ราย และจังหวัดนครปฐม จำนวน 14 ราย ผลการสัมภาษณ์ พบว่า การผลิตข้าวโพดฝักอ่อนของเกษตรกร ส่วนใหญ่ใช้ประสบการณ์ในการปลูก ไม่เคยติดต่อหน่วยงานราชการเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการผลิตข้าวโพดฝักอ่อน และไม่เคยเข้ารับการฝึกอบรมการผลิตข้าวโพดฝักอ่อน การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนครั้งที่ 1 ไถเตรียมดินและยกร่องปลูก ระยะปลูก 50x30-35 เซนติเมตร ปลูกแบบสลับฟันปลา หยอดเมล็ด 3-4 เมล็ดต่อหลุม ไม่มีการถอนแยก การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนเป็นครั้งที่ 2-4 ไม่มีการไถพรวน ใช้วิธีการยกร่องน้ำของครั้งที่ผ่านมาเป็นร่องปลูก และใช้ร่องปลูก เป็นร่องน้ำสลับกันไป พันธุ์ข้าวโพดฝักอ่อนที่เกษตรกรใช้ปลูกคือ พีเอ 271 เอสจี 17 และพันธุ์ซีพี 468 การให้น้ำข้าวโพดฝักอ่อน ให้แบบร่องปลูก (furrow) และสปริงเกอร์ ใส่ปุ๋ยโดย แบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อข้าวโพดมีอายุ 15-20 วันหลังปลูก และครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดอายุ 40-45 วัน หรือช่วงก่อนออกช่อดอกตัวผู้ ผลผลิตฝักอ่อนทั้งเปลือก เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1,000-2,500 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตปอกเปลือกเฉลี่ยระหว่าง 184-400 กิโลกรัมต่อไร่ การจำหน่ายข้าวโพดฝักอ่อนของเกษตรกร มี 3 รูปแบบ คือ ฝักอ่อนทั้งเปลือก ฝักอ่อนปอกเปลือกหรือกรีดเปลือย และฝักอ่อนกรีดฝักทำหัวโต จากการสำรวจทัศนคติเกษตรกรส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนคุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากใช้ต้นสดสำหรับเลี้ยงโคนม และมีการใช้สารเคมีน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพืชอื่น แต่มีเกษตรกรจำนวน 18.4 เปอร์เซ็นต์ ที่ให้ความเห็นว่า การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ไม่ทราบว่าจะปลูกพืชอะไร และใช้ผลพลอยได้ต้นสดสำหรับเลี้ยงโคนม ส่วนเกษตรกรอีก 22.9 เปอร์เซ็นต์ ให้ความเห็นว่า ไม่แน่ใจว่าคุ้มทุนหรือไม่ เนื่องจากไม่เคยคิดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการผลิต และเป็นเกษตรกรรายใหม่เพิ่งปลูกเป็นครั้งแรก
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: การตลาดข้าวโพดหวาน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดฝักอ่อน
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2555
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเพื่อเพิ่มคุณภาพโปรตีน ศึกษาวิธีปลูกข้าวโพดฝักสดหลังการปลูกข้าวและผลตอบแทน วันเก็บเกี่ยวข้าวโพดเทียนพันธุ์บ้านเกาะที่ให้คุณภาพฝักและเมล็ดพันธุ์สูงสุด ปกป้องสายตาด้วยข้าวโพด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับเทคโนโลยีการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดชุมชนจังหวัดพะเยา โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดหวาน การใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพของดินและผลผลิตข้าวโพดฝักอ่อนในระบบเกษตรอินทริย์ การวิจัยแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตข้าวของชุมชน ตำบลเบิกไพร จังหวัดราชบุรี การใช้ประโยชน์จากเศษเหลือทิ้งของข้าวโพดฝักอ่อนจากโรงงานอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง การวิจัยและพัฒนากั้งตั๊กแตนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก