สืบค้นงานวิจัย
การจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน
อานัฐ ตันโช - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน
ชื่อเรื่อง (EN): Soil and Plant Nutrition Management on the reduction of Conversion Period for Sustainable Organic Farming Production
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อานัฐ ตันโช
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Arnat Tancho
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
  1. คณะผลิตกรรมการเกษตร
บทคัดย่อ: การศึกษาวิจัยเรื่องการจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตร อินทรีย์อย่างยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงการใช้ผลิตผลจากไส้เดือนดิน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับ เชื้ออาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา และรวมถึงการศึกษาผลการใช้ปุ๋ยเคมีต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมี ของดิน ต่อการนาไปใช้ในการลดระยะและหาแนวทางในการปรับเปลี่ยนระบบเกษตรเคมีไปสู่ระบบ เกษตรอินทรีย์ โครงการย่อยที่ 1 ผลตกค้างของการใช้ปุ๋ยเคมีถือเป็นประเด็นสา คัญในการกา หนดระยะเวลาการ ปรับเปลี่ยนจากระบบเกษตรเคมีสู่เกษตรอินทรีย์ ดังนั้นการศึกษาถึงสมบัติของดินที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากการหยุดใช้ปุ๋ยเคมีจะทา ให้สามารถนา ข้อมูลที่ได้ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งประกอบการพิจารณาเพื่อลด ระยะเวลาดังกล่าว การทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสมบัติทางเคมีของดิน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว โดยได้ทา การทดลองในระยะเวลา 12 เดือน ณ คณะผลิตกรรมการเกษตร ม.แม่ โจ้ วางแผนการทดลองแบบ Factorial 3x3x5 in CRD ประกอบด้วยปัจจัยหลักได้แก่ ชนิดดิน (S2; ดินหางดง , S2, สันทราย; และ S3; แม่แตง) ระดับอินทรียวัตถุในดิน ( O0;ไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, O1; ใส่ 1 กก และ O2 ใส่ 2 กก.ต่อถัง) และชนิดปุ๋ยเคมี ( F0; ไม่ใส่ปุ๋ยเคมี, F1; 46-0-0, F2; 18-24-24, F3; 0-0-60, และ F4; 16-16-16) จา นวน 3 ซ้า ทา การบ่มดินเป็นระยะเวลา 12 เดือนในสภาพ aerobic และรักษาระดับความชื้นให้อยู่ที่ Field capacity ตลอดการทดลอง เก็บตัวอย่างดินที่ระยะเวลา 1, 4, 9, และ 12 เดือน ที่ระดับความลึก 0-25 และ 25 - 50 ซม. เพื่อวิเคราะห์ สมบัติทางเคมีของดิน จากการทดลองพบว่าชนิดดิน ระดับอินทรียวัตถุและชนิดปุ๋ยเคมีมีผลต่อ pH ปริมาณ OM, N-NH4 +, N-NO3 -, P และ K ในดินเมื่อระยะเวลาผ่านไป 12 เดือนอย่างมี นัยสา คัญ (P<0.05) ซึ่งปริมาณ N-NH4 +, N-NO3 -, P และ K ในดินที่ 12 เดือนขึ้นอยู่กับกับชนิดของปุ๋ยเคมีที่ ใส่ลงไปในดินทั้ง 3 ชนิดทั้ง 2 ระดับความลึก ในขณะที่ปริมาณการตกค้างของ N-NH4 +, N-NO3 -, P และ K พบในดินสันทราย (S2) น้อยกว่าดินหางดง (Hd) และแม่แตง (Mt) จากการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าชนิดดิน ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน และสูตรปุ๋ย มีผลต่อปริมาณการ ตกค้างของปุ๋ยเคมีในดินหลังจากเวลาการบ่มผ่านไป 12 เดือนโดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ชัดเจนที่ ระยะเวลา 1 เดือน หลังการใส่ปุ๋ยเคมีและอินทรียวัตถุลงไปหลังจากนั้นค่า pH ปริมาณอินทรียวัตถุ อนินทรีย์ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมจะลดลงและมีแนวโน้มคงที่ไปจนถึงเดือนที่ 12 โครงการย่อยที่ 2 การศึกษาเทคนิคการเพิ่มอัตราการย่อยสลายทางชีวภาพของสารพิษตกค้างในดิน เพื่อลดระยะเวลาการปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์โดยการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินและน้า หมักมูล ไส้เดือนดิน มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงผลการใช้มูลไส้เดือนดินและน้า หมักมูลไส้เดือนดินในการลด ปริมาณสารพิษตกค้างในดินของสารกลุ่ม Organophosphates และ Pyrethroids ภายใต้สภาวะปกติและขังน้า ทา การศึกษาในห้องปฏิบัติการ โดยเก็บตัวอย่างดินจากแปลงของเกษตรกรในระบบเกษตรเคมีมา ศึกษาถึงผลการใช้มูลไส้เดือนดินและน้า หมักมูลไส้เดือนดิน ช่วยเร่งการย่อยสลายสารพิษ 3 ชนิด คือ Cypermethrin, Chlorpyrifos และ Profenofosโดยทา การตรวจวัดปริมาณสารพิษตกค้างในดินตัวอย่าง 5 ช่วงเวลาหลังทดลองที่ 0 วัน 7 วัน 15 วัน, 30 วัน และ 60 วัน ในสภาวะการบ่ม 2 รูปแบบคือสภาพปกติและ น้า ขัง พบว่า ค่าการสลายตัวของ Chlorpyrifos ที่ตกค้างในดินทดสอบนั้นจะสลายตัวหมดภายในระยะเวลา 60 วัน โดยการใส่น้า หมักมูลไส้เดือนดินและบ่มดินในสภาพขังน้า มีค่าการสลายตัวเกิดขึ้นสูงสุด สูงกว่าการ ใส่มูลไส้เดือนดินและตา รับควบคุม ในส่วนของค่าการสลายตัวของ Profenofos ในดินทดสอบพบว่า สลายตัวหมดภายในระยะเวลาการบ่มนาน 15 วัน และไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ แต่ในส่วนของ Cypermethrin สลายตัวหมดภายในระยะเวลามากกว่า 60 วัน โดยการใส่มูลไส้เดือนดินและน้า หมักมูล ไส้เดือนดินและบ่มดินในสภาพปกติมีการสลายตัวของ Cypermethrin เกิดขึ้นมากกว่าในตา รับควบคุม (P<0.01) การศึกษาครั้งนี้ พบว่า ในสภาพดินน้า ขังการใส่น้า หมักมูลไส้เดือนดินจะช่วยเพิ่มอัตราการสลายตัว ของ Chlorpyrifos ได้ดีกว่าการไม่ใส่ ส่วนในสภาพดินปกติทั่วไปการใส่ทั้งมูลไส้เดือนดินและน้า หมักมูล ไส้เดือนดินจะเพิ่มอัตราการสลายตัวของ Cypermethrin ได้ดีกว่าดินที่ไม่ใส่ ดังนั้นการใช้ปุ๋ยหมักมูล ไส้เดือนดิน และน้า หมักมูลไส้เดือนดิน สามารถเป็นตัวเลือกหนึ่งในการใช้เพิ่มอัตราการย่อยสลายทาง ชีวภาพของสารพิษที่ตกค้างในดินได้ นอกจากการใช้ปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินแล้วโครงการย่อยที่ 3 การปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวภายใต้ระบบเกษตรเคมีมาเป็นเกษตรอินทรีย์ โดย การใช้อาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เป็นแนวทางที่มีศักยภาพที่สามารถนา ไปสู่การปฏิบัติของ เกษตรกรได้ ซึ่งจะทา ให้สมบัติของดินต่างๆ เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของข้าว งานวิจัยนี้จึงมี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการปรับเปลี่ยนจากการทา การเกษตรเคมีมาสู่เกษตรอินทรีย์ของดินปลูกข้าว บ้านดอนเจียง ตา บลสบเปิ ง อา เภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และผลของการปลูกข้าวแบบต่างๆ ต่อสมบัติ ทางเคมี ฟิสิกส์ และการหายใจของดิน ความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและอนินทรีย์ฟอสฟอรัสรูปแบบ ต่างๆ รวมไปถึงผลของชนิดปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับเชื้อราไมคอร์ไรซาต่อการเจริญเติบโตของพืชและสมบัติของ ดิน โดยการสา รวจพื้นที่ เก็บตัวอย่างดิน และเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มตัวอย่าง แบ่ง ออกเป็นกลุ่มเกษตรอินทรีย์ 11 แปลง และกลุ่มเกษตรเคมี 11 แปลงและวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Design (RCBD) โดยกา หนดทรีตเม้นท์ของการปลูกข้าวแบบต่างๆ ชนิดดิน การ จัดการน้า และชนิดปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับเชื้อราไมคอร์ไรซาสายพันธุ์ต่างๆ แล้วจึงวิเคราะห์หาสมบัติทางเคมี ฟิสิกส์ และการหายใจของดินของดิน พบว่าผลของการเปลี่ยนระบบการปลูกข้าวนาดา จากระบบเคมีมาเป็น ระบบอินทรีย์ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของชนิดและจา นวนเชื้อราอาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาอย่างหลากหลาย และ ยังส่งผลให้สมบัติของดิน ได้แก่ ค่า pH, P, Fe, Zn, N และ OM มีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ค่า EC และ K มีปริมาณ ลดลง จา นวนเชื้อราอาบัสคูราไมคอร์ไรซาเพิ่มขึ้น การเพิ่มระยะเวลาในการปลูกข้าวไร่จาก 1 ปี มาเป็น 2 ปี ทา ให้ค่า pH, EC, NH4 +, NO3, Available P, SOC, WSC, HWSC, FPOM, Tgloและ WAS มีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ LPOM, POC และ E gloลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งการปลูกข้าวไร่ในระยะเวลา 2 ปี ส่งผลให้ชนิดและ จา นวนเชื้อราอาบัสคู-ลาร์ไมคอร์ไรซามีปริมาณลดลง ส่วนปริมาณการเก็บรักษาคาร์บอนในส่วนของ TOC ในดินนาอินทรีย์สูงกว่าดินนาเคมี แต่ CPOM-C, FPOM-C และ POXC ในดินนาเคมีมีปริมาณสูงกว่าดิน อินทรีย์และมีปริมาณสูงสุดที่ระดับ 15-30 cm. และดินนาเคมีพบปริมาณอนินทรีย์ฟอสฟอรัสสูงกว่าดินนา อินทรีย์ หลังจากที่มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา พบว่า การใส่เชื้อ G.etunicatum ทา ให้ปริมาณ อินทรียวัตถุมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมมากที่สุด ส่วนชนิดของดินแต่ละชนิด มีผลให้ปริมาณจุลธาตุในดินมี ความแตกต่างกัน พบปริมาณ Cu สูงสุดที่ระดับความชื้น 30% การจัดการน้า WL พบปริมาณ Fe ในดิน สูงสุดและพบว่ารูปแบบการจัดการน้า ไม่มีผลให้ปริมาณ Mn และ Zn ในดิน มีความแตกต่างกัน จากการทดลองจะเห็นได้ว่าการใช้เชื้อราอาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เป็นแนวทาง หนึ่งที่มีศักยภาพในการช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของดินที่ผ่านการทา การเกษตรในระบบเคมีมาเป็นระบบ อินทรีย์ ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของชนิดและจา นวนเชื้อราอาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาของดินในนาข้าว อีกทั้งยังส่งผลให้สมบัติของดินในด้านของปริมาณธาตุอาหารบางค่า มีปริมาณเพิ่มขึ้น จึงทา ให้ดินมีความ เหมาะสมต่อการปลูกข้าวอินทรีย์มากยิ่งขึ้น
บทคัดย่อ (EN): Research on soil and plant nutrition management for reduction of conversion period in order to sustainable organic farming production.The aim of this research are studying the usage of product earthworm produce.The use of organic fertilizer with arbuscular mycorrhizal fungi and including the study on the effect of chemical fertilizer on soil chemical.Application for reduction of conversion period and find the solution to modify the agricultural chemical system to organic farming production. Sub project 1 The residuals of chemical fertilizers are an important issue in determining the transition period from agricultural chemical to organic farming. Therefore, the study of soil properties that have changed after use of chemical fertilizer will enable the data to be used as part of the consideration to reduce the time. This experiment was aimed at studying the changes of soil chemical properties during this reduce period. The experiments were 12 months at Faculty of Agricultural Production, Maejo University. Experimental design by 3x3x5 in CRD main factors include: soil types (S2; Hang Dong soil, S2,San sai; and S3 Mae Taeng; Organic matter level in soil (O0; no organic fertilizer, O1; Put 1 kg and O2 put 2 kg per tank) and chemical fertilizers (F0; no chemical fertilizer F1; 46-0-0, F2; 18-24-24, F3; 0- 0-60, and F4; 16-16-16) make three replicates and incubated for 12 months in aerobic conditions and humidity were maintained at the field capacity throughout the 1, 4, 9, and 12 month and pick soil samples at 0-25 and 25-50 cm depth to analyze soil of chemical properties. The experiment found that the soil type the levels of organic matter and chemical fertilizers influenced the pH of OM, N-NH4 +, N-NO3-, P and K in soil when the period passes 12 months (p <0.05). N-NO3-, P and K in soil 12 months, depending on the type of fertilizer applied to the soil 3 types 2 depths, while the residues of N-NH4 +, N-NO3- P and K were found in san sai(S2) less than Hang Dong (Hd) and Mae Taeng(Mt) Sub project 2 study of technique for increased degradation rate of synthetic chemical residues in soil for shorten conversion period to organic farming by vermicompost and vermicompost liquid found that the using of vermicompost and vermicompost liquid in soil treated with organophosphates, pyrethroids (Chlorpyrifos and Profenofos) showed that the degradation rate of Chlorpyrifos synthetic chemical residues in soil would within 60 days and treated vermicompost liquid in submerged soil would have degradation rate higher than put vermicompost and control. The degradation rate of Profenofos in soil samples found the degradation out within 15 days of incubate periods and found no statisticallysignificant difference. However, Cypermethrin degradation out within more 60 days by put vermicompost and vermicompost liquid faster than normal soil degradation rate of Cypermethrin and control (P<0.01) This study conclusion that added vermicompost liquid in submerged soil would increased the degradation rate of Chlorpyrifos better than not added. Vermicompost and vermicompost liquid in normal soil may increase degradation rate of Cypermethrin better not added. so that added vermicompost and vermicompost liquid were one option in use for increasing degradation rate of synthetic chemical residues in soilnot only used for improving soil fertility. This study found that trapped in water soil by adding Vermicompost will help increase the degradation rate of chlorpyrifos better than no add. In normal soil conditions, the addition Vermicompost and vermicompost liquid will increase the degradation rate of cypermethrin better than no add .So the use of compost mite and worm Vermicompost can option to increase the rate of degradation of toxins in the soil. In addition to improving the fertility of the soil. Sub project 3 Adaptation from rice cultivation under chemical agricultural system to organic agriculture by using arbuscular mycorrhizal fungi and organic fertilizer is a potential approach that cans a farmer's practice. The aim of this research to study adaptation from making chemical agricultural to organic agriculture of the soil growth of rice of Ban Don Chieng, Tambon Sop Phe, Mae Taeng District, Chiang Mai Province and the effect of growing rice on chemical, physical and soil properties. Use fulness of Phosphorus and Inorganic Phosphorus types including the effect of organic fertilizer with arbuscular mycorrhizal fungi on plant growth and soil properties. By exploring the area,soil sample collection and interviewed farmers.Divided organic agriculture 11 plot groups and chemical agriculture 11 plot groups, and a randomized complete design (RCBD) is set up for the treatment of various types of rice, soil, water and organic fertilizecollaboratemycorrhizal speciesand making analyze the physical, chemical and physical properties of soil found that the effect of changing the system of rice cultivation from chemical system to organic system resulted in an increase in the number and type of arbuscular mycorrhizal fungi variety and effect of soil pH, P, Fe, Zn, N and OM were increased but EC and K decreased. Increase of arbuscular mycorrhizal fungi. Increasing the planting rice period from 1 year to 2 years increased pH, EC, NH4 +, NO3, Available P, SOC, WSC, HWSC, FPOM, Tglo and WAS increase but LPOM, POC and E glo fell slightly. The two-year rice field crop has resulted in a decrease in the number and species ofarbuscular mycorrhizal fungi. The amount of carbon in TOC in organic soils was higher than that of chemical soils, but CPOM-C, FPOM-C and POXC in chemical soil were higher than organic soils.and the highest levels were 15-30 cm and the chemical soil showed higher inorganic phosphorus than organic soil. After using organic fertilizer, Albacruzmycorrhiza found that the addition of G.etunicatum increased the amount of organic matter. Each type of soil has effect the amount of micronutrients in the soil was different. The highest Cu content was at 30% moisture content. WL treatment showed highest Fe content in soil and found that the water management model did not affect the Mn and Zn content in difference soil. The experiments show that the use of arbuscular mycorrhizal fungi collaborate organic fertilizer is one of the potential ways to improve the properties of farmed soils in the chemical system.The effect resulted in an increase in the type and number of arbuscular mycorrhizal fungi in the paddy. It also results in soil properties in terms of some nutrients increased. This makes the soil more suitable for growing organic rice.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: ระบบเกษตรอินทรีย์
คำสำคัญ (EN): Organic farming
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

อานัฐ ตันโช. "การจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนSoil and Plant Nutrition Management on the reduction of Conversion Period for Sustainable Organic Farming Production". มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2558

อานัฐ ตันโช. "การจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนSoil and Plant Nutrition Management on the reduction of Conversion Period for Sustainable Organic Farming Production". มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2558. Print.



TARR Wordcloud:
การจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน
อานัฐ ตันโช
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2558
การจัดการดินและธาตุอาหารพืชเพื่อลดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสู่ระบบการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน การศึกษาความสัมพันธ์ของปริมาณธาตุอาหารพืชในดินกับชุดดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านต่างๆ เพื่อการจัดการดินอย่างยั่งยืน กรณีศึกษาเขตพัฒนาที่ดิน ของ สพข. 8 การวางแผนฟื้นฟูสวนมะม่วงเพื่อปรับเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ การวางแผนฟื้นฟูสวนน้อยหน่าเพื่อปรับเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ การศึกษาอัตราและระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ผลกระทบจากสารพิษกับสมดุลธาตุอาหารพืช ระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ฮอร์โมน 17 alpha methyltestosterone ในการผลิตลูกปลานิลแปลงเพศ ระบบน้ำหมุนเวียน ศึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพของกรมพัฒนาที่ดินในระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อการปลูกหน้าวัวทางภาคใต้ตอนบน การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการปลูกทุเรียนในระบบเกษตรอินทรีย์ การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการปลูกลองกอง ในระบบเกษตรอินทรีย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair