สืบค้นงานวิจัย
สถานะภาพของจุลธาตุอาหารและการแก้ไขการขาดจุลธาตุอาหารในพืชเศรษฐกิจที่ปลูกในดินเนื้อปูน
ชัยภัทร คงแก้ว - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: สถานะภาพของจุลธาตุอาหารและการแก้ไขการขาดจุลธาตุอาหารในพืชเศรษฐกิจที่ปลูกในดินเนื้อปูน
ชื่อเรื่อง (EN): Micronutrient status and correction of micronutrient deficency in economic crops on calcareous soils
บทคัดย่อ: ศึกษาสถานะภาพของจุลธาตุอาหาร (เหล็ก แมงกานีส สังกะสี และทองแดง)ในดินเนื้อปูนที่ปลูกข้าวโพดและถั่วลิสงในบริเวณพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทยและการแก้ไขการขาดจุลธาตุอาหารของข้าวโพดและถั่วลิสงที่ปลูกในดินดังกล่าว ผลการศึกษาสถานะภาพของจุลธาตุอาหารในดินเนื้อปูนพบว่าดินเนื้อปูนที่ปลูกข้าวโพดและถั่วลิสง ซึ่งปฎิกิริยาดินเป็นด่าง (pH 7.4-8.1) จุลธาตุอาหารที่มักพบว่ามีระดับความเป็นประโยชน์ต่ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ สังกะสี และเหล็ก สำหรับแมงกานีส และทองแดง พบว่าระดับความเป็นประโยชน์ของจุลธาตุอาหารทั้งสองในดินอยู่ในระดับสูงเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช ในการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีในรูปซิงค์ซัลเฟต (ZnSO4.7H2O) และซิงค์อีดีทีเอ (ZnEDTA) ของข้าวโพดที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินชัยบาดาลและชุดดินบุรีรัมย์ซึ่งมีปริมาณสังกะสีที่เป็นประโยชน์ในดินอยู่ในระดับต่ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าข้าวโพดตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีทั้งสองรูป โดยการเจริญเติบโต ผลผลิตฝัก ผลผลิตน้ำหนักแห้งและปริมาณการดูดใช้สังกะสีของข้าวโพดจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ไม่ใส่ปุ๋ยสังกะสีอย่างเด่นชัด ประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดและความเป็นประโยชน์ของสังกะสีในดินเนื้อปูนต่อข้าวโพดของปุ๋ยสังกะสีในรูป ZnEDTA สูงกว่า ZnSO4.7H2O ส่วนการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กในรูปเฟอรัสแอมโมเนียมซัลเฟต (Fe(NH4)2 SO4.6H2O) และเหล็กอีดีดีเอชเอ (FeEDDHA) ของข้าวโพดที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินตาคลี ซึ่งมีระดับความเป็นประโยชน์ของเหล็กในดินต่ำ พบว่าข้าวโพดตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กทั้งสองรูปโดยการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพดจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ไม่ใส่ปุ๋ยเหล็กอย่างเด่นชัด ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต และผลผลิตของข้าวโพดของปุ๋ยเหล็กในรูป Fe(NH4)2SO4.6H2O และ FeEDDHA ใกล้เคียงกัน ในการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กของถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินตาคลี ซึ่งมีระดับความเป็นประโยชน์ของเหล็กในดินต่ำ ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าถั่วลิสงตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กอย่างเด่นชัด โดยการเจริญเติบโต ผลผลิตฝักและเมล็ด ผลผลิตน้ำหนักแห้งและปริมาณการดูดใช้เหล็กของถั่วลิสงที่ได้รับการใส่ปุ๋ยเหล็กจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ไม่ใส่ปุ๋ยเหล็ก ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตและความเป็นประโยชน์ของเหล็กในดินเนื้อปูนต่อถั่วลิสงของปุ๋ยเหล็กในรูป FeEDDHA สูงกว่าปุ๋ยเหล็กในรูปเหล็กดีทีพีเอ (FeDTPA) และในรูป Fe(NH4)2SO4.6H2O และในการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กในรูป FeDTPA และ FeEDDHA ของถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินลพบุรีที่มีปริมาณเหล็กที่เป็นประโยชน์ต่ำ พบว่าการใส่ปุ๋ย FeDTPA และ FeEDDHA มีผลในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตฝัก และเมล็ด และปริมาณการดูดใช้เหล็กของถั่วลิสงที่ปลูกในดินดังกล่าว ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตและปริมาณการดูดใช้เหล็กของถั่วลิสงของ FeEDDHA สูงกว่า FeDTPA สำหรับการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีในรูป ZnSO4.7H2O และ ZnEDTA ของถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินชัยบาดาลที่มีปริมาณสังกะสีที่เป็นประโยชน์ต่ำ พบว่าถั่วลิสงตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีดังกล่าวโดยปริมาณการดูดใช้สังกะสีการเจริญเติบโตผลผลิตน้ำหนักแห้งของถั่วลิสงจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่ไม่ใส่ปุ๋ยสังกะสี ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตน้ำหนักแห้งและความเป็นประโยชน์ของสังกะสีในดินเนื้อปูนต่อถั่วลิสงของ ZnEDTA สูงกว่า ZnSO4.7H2O จากผลการศึกษานี้อาจกล่าวได้ว่าปัญหาการขาดจุลธาตุอาหารของข้าวโพด และถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนบริเวณพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทยที่ทำการศึกษา คือการขาดสังกะสีและการขาดเหล็ก ในการแก้ไขการขาดสังกะสีของข้าวโพดและถั่วลิสง การใส่ปุ๋ยสังกะสีในรูป ZnEDTA จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า ZnSO4.7H2O ส่วนการแก้ไขการขาดเหล็กของข้าวโพด การใส่ปุ๋ยเหล็กในรูป Fe(NH4)2SO4.6H2O และในรูป FeEDDHA จะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน สำหรับการแก้ไขการขาดเหล็กของถั่วลิสงควรใส่ปุ๋ยเหล็กในรูป FeEDDHA จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด ศึกษาสถานะภาพของจุลธาตุอาหาร (เหล็ก แมงกานีส สังกะสี และทองแดง)ในดินเนื้อปูนที่ปลูกข้าวโพดและถั่วลิสงในบริเวณพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทยและการแก้ไขการขาดจุลธาตุอาหารของข้าวโพดและถั่วลิสงที่ปลูกในดินดังกล่าว ผลการศึกษาสถานะภาพของจุลธาตุอาหารในดินเนื้อปูนพบว่าดินเนื้อปูนที่ปลูกข้าวโพดและถั่วลิสง ซึ่งปฎิกิริยาดินเป็นด่าง (pH 7.4-8.1) จุลธาตุอาหารที่มักพบว่ามีระดับความเป็นประโยชน์ต่ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ สังกะสี และเหล็ก สำหรับแมงกานีส และทองแดง พบว่าระดับความเป็นประโยชน์ของจุลธาตุอาหารทั้งสองในดินอยู่ในระดับสูงเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช ในการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีในรูปซิงค์ซัลเฟต (ZnSO4.7H2O) และซิงค์อีดีทีเอ (ZnEDTA) ของข้าวโพดที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินชัยบาดาลและชุดดินบุรีรัมย์ซึ่งมีปริมาณสังกะสีที่เป็นประโยชน์ในดินอยู่ในระดับต่ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าข้าวโพดตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีทั้งสองรูป โดยการเจริญเติบโต ผลผลิตฝัก ผลผลิตน้ำหนักแห้งและปริมาณการดูดใช้สังกะสีของข้าวโพดจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ไม่ใส่ปุ๋ยสังกะสีอย่างเด่นชัด ประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดและความเป็นประโยชน์ของสังกะสีในดินเนื้อปูนต่อข้าวโพดของปุ๋ยสังกะสีในรูป ZnEDTA สูงกว่า ZnSO4.7H2O ส่วนการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กในรูปเฟอรัสแอมโมเนียมซัลเฟต (Fe(NH4)2 SO4.6H2O) และเหล็กอีดีดีเอชเอ (FeEDDHA) ของข้าวโพดที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินตาคลี ซึ่งมีระดับความเป็นประโยชน์ของเหล็กในดินต่ำ พบว่าข้าวโพดตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กทั้งสองรูปโดยการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพดจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ไม่ใส่ปุ๋ยเหล็กอย่างเด่นชัด ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต และผลผลิตของข้าวโพดของปุ๋ยเหล็กในรูป Fe(NH4)2SO4.6H2O และ FeEDDHA ใกล้เคียงกัน ในการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กของถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินตาคลี ซึ่งมีระดับความเป็นประโยชน์ของเหล็กในดินต่ำ ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าถั่วลิสงตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กอย่างเด่นชัด โดยการเจริญเติบโต ผลผลิตฝักและเมล็ด ผลผลิตน้ำหนักแห้งและปริมาณการดูดใช้เหล็กของถั่วลิสงที่ได้รับการใส่ปุ๋ยเหล็กจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ไม่ใส่ปุ๋ยเหล็ก ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตและความเป็นประโยชน์ของเหล็กในดินเนื้อปูนต่อถั่วลิสงของปุ๋ยเหล็กในรูป FeEDDHA สูงกว่าปุ๋ยเหล็กในรูปเหล็กดีทีพีเอ (FeDTPA) และในรูป Fe(NH4)2SO4.6H2O และในการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยเหล็กในรูป FeDTPA และ FeEDDHA ของถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินลพบุรีที่มีปริมาณเหล็กที่เป็นประโยชน์ต่ำ พบว่าการใส่ปุ๋ย FeDTPA และ FeEDDHA มีผลในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตฝัก และเมล็ด และปริมาณการดูดใช้เหล็กของถั่วลิสงที่ปลูกในดินดังกล่าว ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตและปริมาณการดูดใช้เหล็กของถั่วลิสงของ FeEDDHA สูงกว่า FeDTPA สำหรับการศึกษาการตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีในรูป ZnSO4.7H2O และ ZnEDTA ของถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนชุดดินชัยบาดาลที่มีปริมาณสังกะสีที่เป็นประโยชน์ต่ำ พบว่าถั่วลิสงตอบสนองต่อปุ๋ยสังกะสีดังกล่าวโดยปริมาณการดูดใช้สังกะสีการเจริญเติบโตผลผลิตน้ำหนักแห้งของถั่วลิสงจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่ไม่ใส่ปุ๋ยสังกะสี ประสิทธิภาพในการเพิ่มการเจริญเติบโต ผลผลิตน้ำหนักแห้งและความเป็นประโยชน์ของสังกะสีในดินเนื้อปูนต่อถั่วลิสงของ ZnEDTA สูงกว่า ZnSO4.7H2O จากผลการศึกษานี้อาจกล่าวได้ว่าปัญหาการขาดจุลธาตุอาหารของข้าวโพด และถั่วลิสงที่ปลูกในดินเนื้อปูนบริเวณพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทยที่ทำการศึกษา คือการขาดสังกะสีและการขาดเหล็ก ในการแก้ไขการขาดสังกะสีของข้าวโพดและถั่วลิสง การใส่ปุ๋ยสังกะสีในรูป ZnEDTA จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า ZnSO4.7H2O ส่วนการแก้ไขการขาดเหล็กของข้าวโพด การใส่ปุ๋ยเหล็กในรูป Fe(NH4)2SO4.6H2O และในรูป FeEDDHA จะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน สำหรับการแก้ไขการขาดเหล็กของถั่วลิสงควรใส่ปุ๋ยเหล็กในรูป FeEDDHA จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด
บทคัดย่อ (EN): Micronutrients (iron, manganese, zinc and cropper) status and correction of micronutrient deficiency in corn and groundnut grown on calcareous soils in the central part of Thailand were studied. The results showed that the calcareous soils studied were low in available zinc and available iron content. However, they had high available manganese and copper status. It was found that corn grown on the calcareous soils with low available zinc content, Chai Badan and Buri Ram series, significantly responded to zinc fertilizers application either in the form of zinc sulfate (ZnSO4.7H2O) or zinc EDTA (ZnEDTA). The effectiveness of ZnEDTA in increasing corn yield and the availability of zinc in the soil to corn was higher than that of ZnSO4.7H2O. Application of iron fertilizers in the form of ferrous ammonium sulfate (Fe(NH4)2SO4.6H2O) or iron EDDHA (FeEDDHA) significantly increased growth and yield of corn grown on the calcareous soil with low content of available iron, Takhli series. The effectiveness of Fe(NH4)2SO4.6H2O and FeEDDHA in increasing corn yield were simlar. It was found that groundnut grown on the calcareous soil, Takhli series, with low content of available iron significantly responded to iron fertilizers. The effectiveness of FeEDDHA in increasing growth, yield and total iron uptake of groundnut grown on Takhli series was higher than those of iron DTPA (FeDTPA) and Fe(NH4)2SO4.6H2O. Groundnut grown on the calcareous soil, Lop Buri series, with low available iron content was deficient in iron. Application of iron fertilizers in the form of FeEDDHA and FeDTPA significantly increased yield and total iron uptake of groundnut grown on Lop Buri series. However, the effectiveness of FeEDDHA in increasing yield and total uptake of groundnut was better than that of FeDTPA. It was also found that groundnut grown on calcareous soil with low content of available Zinc, Chai Badan series, significantly responded to zinc fertilizers. The effectiveness of ZnEDTA in increasing dry matter yield and availability of zinc in the soil to groundnut was higer than that of ZnSO4.7H2O. Accordingly, it can be concluded that zinc deficiency and iron deficiency are the important problems of micronutrient deficiency of corn and groundnut grown on calcareous soils in central Thailand. For correction of zinc deficiency in corn and groundnut grown on calcareous soils, ZnEDTA application was superior to ZnSO4.7H2O. Application of Fe(NH4)2SO4.7H2O and FeEDDHA give similar effectiveness for correcting iron deficiency in corn grown on calcareous soils, whereas for correction of iron deficiency in groundnut, application of FeEDDHA is recommended. Micronutrients (iron, manganese, zinc and cropper) status and correction of micronutrient deficiency in corn and groundnut grown on calcareous soils in the central part of Thailand were studied. The results showed that the calcareous soils studied were low in available zinc and available iron content. However, they had high available manganese and copper status. It was found that corn grown on the calcareous soils with low available zinc content, Chai Badan and Buri Ram series, significantly responded to zinc fertilizers application either in the form of zinc sulfate (ZnSO4.7H2O) or zinc EDTA (ZnEDTA). The effectiveness of ZnEDTA in increasing corn yield and the availability of zinc in the soil to corn was higher than that of ZnSO4.7H2O. Application of iron fertilizers in the form of ferrous ammonium sulfate (Fe(NH4)2SO4.6H2O) or iron EDDHA (FeEDDHA) significantly increased growth and yield of corn grown on the calcareous soil with low content of available iron, Takhli series. The effectiveness of Fe(NH4)2SO4.6H2O and FeEDDHA in increasing corn yield were simlar. It was found that groundnut grown on the calcareous soil, Takhli series, with low content of available iron significantly responded to iron fertilizers. The effectiveness of FeEDDHA in increasing growth, yield and total iron uptake of groundnut grown on Takhli series was higher than those of iron DTPA (FeDTPA) and Fe(NH4)2SO4.6H2O. Groundnut grown on the calcareous soil, Lop Buri series, with low available iron content was deficient in iron. Application of iron fertilizers in the form of FeEDDHA and FeDTPA significantly increased yield and total iron uptake of groundnut grown on Lop Buri series. However, the effectiveness of FeEDDHA in increasing yield and total uptake of groundnut was better than that of FeDTPA. It was also found that groundnut grown on calcareous soil with low content of available Zinc, Chai Badan series, significantly responded to zinc fertilizers. The effectiveness of ZnEDTA in increasing dry matter yield and availability of zinc in the soil to groundnut was higer than that of ZnSO4.7H2O. Accordingly, it can be concluded that zinc deficiency and iron deficiency are the important problems of micronutrient deficiency of corn and groundnut grown on calcareous soils in central Thailand. For correction of zinc deficiency in corn and groundnut grown on calcareous soils, ZnEDTA application was superior to ZnSO4.7H2O. Application of Fe(NH4)2SO4.7H2O and FeEDDHA give similar effectiveness for correcting iron deficiency in corn grown on calcareous soils, whereas for correction of iron deficiency in groundnut, application of FeEDDHA is recommended.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ถั่ว
คำสำคัญ (EN): micronutrient
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สถานะภาพของจุลธาตุอาหารและการแก้ไขการขาดจุลธาตุอาหารในพืชเศรษฐกิจที่ปลูกในดินเนื้อปูน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
การสะสมปริมาณธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง จุลธาตุอาหาร และโลหะหนักของพืชผักและไม้ผลระยะเก็บเกี่ยว ในพื้นการเกษตรศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ การเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุสังกะสีด้วยซิงค์ฮิวเมทที่เตรียมจากพีตสำหรับข้าวโพดหวานที่ปลูกในดินเนื้อปูน การพัฒนาแนวทางการจัดการธาตุอาหารหลัก รอง และจุลธาตุอาหารตามหน่วยสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยตอในจังหวัดสระแก้ว การจัดการดินโดยใช้ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับพืชปุ๋ยสดและปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงในระบบปลูกพืชถั่วเขียว ; ข้าวโพดหวาน กลุ่มชุดดินที่ 35 การปลูกถั่วอาหารสัตว์ 5 ชนิดหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเขตจังหวัดสระแก้ว ศึกษาการใช้พืชตระกูลถั่วพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อปรับปรุงบำรุงดินสำหรับการปลูกข้าวโพด การศึกษาธาตุอาหารในพืช สำหรับพืชอาหารสัตว์ในพื้นที่ต่างๆ 1. สถานะธาตุอาหารพืช ที่มีผลต่อผลผลิต และความเข้มข้นของธาตุอาหารของหญ้าชันอากาดในชุดดินบ้านทอน การศึกษาธาตุอาหารพืช สำหรับพืชอาหารสัตว์ในพื้นที่ต่างๆ 2. สถานะธาตุอาหารพืช ที่มีผลต่อผลผลิตและความเข้มข้นของธาตุอาหารของหญ้าซิกแนลเลื้อยในชุดดินบ้านทอน การเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยโดยการจัดการธาตุ อาหารรอง จุลธาตุอาหาร การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงานอตุสาหกรรม การศึกษาระดับการเกิดฮิวมิกของปุ๋ยหมัก และผลของการเป็นสารคีเลตต่อความสามารถในการปลดปล่อยจุลธาตุอาหาร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก