สืบค้นงานวิจัย
กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านหนองอีดุม ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
อดุลย์ มูลละชาติ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านหนองอีดุม ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
ชื่อเรื่อง (EN): The Participatory Learning Process for Resuscitate of Growing Mulberry Feeds on Sufficiency Economy in Knongaedum Village, Srisomdet Community, Somdet District, Kalasin Province.
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อฟื้นฟูและศึกษากระบวนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแบบมีส่วนร่วมผ่านการเรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ที่นำไปสู่การพึ่งตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแบบยั่งยืน เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research, PAR) และการวิจัยทดลองในพื้นที่ของเกษตรกร คือ เริ่มการวิจัยจากชุมชน ชุมชนมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา เรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกันวางแผน คิดค้นหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นฉันทามติของชุมชน รวมทั้งร่วมรับผลของการพัฒนา โดยให้ชุมชนมีบทบาทหลักในการดำเนินการภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผลการจัดเวทีเสวนารับทราบปัญหา ความต้องการ และกิจกรรมที่จะขับเคลื่อนและฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม พบว่า เกษตรกรบ้านหนองอิดุมมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้าเป็นอาชีพเสริมกันมาแต่บรรพบุรุษ มีการถ่ายทอดสู่ลูกหลานต่อๆ กันมา พันธุ์หม่อนและพันธุ์ไหมก็เป็นพันธุ์พื้นเมือง ขาดความรู้เรื่องการดูแลแปลงหม่อนและวิธีการเลี้ยงไหมที่ถูกวิธี ส่วนความต้องการของทางกลุ่มก็คือมีความต้องการที่จะฟื้นฟูกิจกรรมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมขึ้นมาในหมู่บ้าน โดยเริ่มตั้งแต่การปลูกหม่อนจนถึงการพัฒนาเส้นไหมตามหลักวิชาการ รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนไหมจากวัสดุที่มีอยู่ ผลการวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิจัยและชุมชน พบว่านอกจากเกิดการเรียนรู้และหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันแล้ว ชุมชนกลุ่มผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมยังได้ทำการการปลูกหม่อนที่ถูกวิธีตามหลักวิชาการเปลี่ยนพันธุ์หม่อนจากพันธุ์พื้นเมืองเป็นพันธุ์สกลนคร และพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ทำให้ได้ผลผลิตใบหม่อนตามที่ต้องการและต่อเนื่องตลอดปี ในส่วนของการเลี้ยงไหมก็ใช้พันธุ์ไหมจากกรมหม่อนไหม ซึ่งให้ผลผลิตรังไหมที่สูงกว่าพันธุ์พื้นเมือง มีการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไหมระดับชุมชนตามแบบของกรมหม่อนไหม ซึ่งลงทุนไม่มาก ทำให้เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนไหมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของไหมก็ได้มีการพัฒนาคุณภาพเส้นไหมโดยการใช้เครื่องสาวไหมที่ได้รับการพัฒนาแล้ว เส้นไหมที่ได้ก่อนนำมาทอผ้าก็ใช้เทคโนโลยีการย้อมสีเส้นไหมด้วยวัสดุจากธรรมชาติ มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนไหมโดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำเยลลี่จากผลหม่อนและการทำสบู่จากรังไหม เป็นการเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน จากการจัดเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชนพบว่า นอกจากเกิดการเรียนรู้และหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันแล้ว ชุมชนกลุ่มผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านหนองอิดุมได้มีการฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกลับมาเหมือนเดิมอย่างยั่งยืน มีปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่ถูกวิธีตามหลักวิชาการ และสามารถเลี้ยงได้ครั้งละมากกว่าเดิม ได้เส้นไหมที่มีคุณภาพ จนมีผ้าไหมที่เป็นเอกลักษณ์ของทางกลุ่ม กลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้น และได้ตั้งชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มไหมสมเด็จ” จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มของผู้ที่ชื่นชอบผ้าไหม
บทคัดย่อ (EN): The objective of this research was to revive and study the process of community strengthening with participation through Sericulture that can bring self reliance following the Sustainable Sufficiency Economics. It was an action research using Participatory Action Research or PAR. The research was held on farmers’ farms. It started with the community research and then the community solved problem together, learned together, plan together, searched for problem solving method that could obtain commitment together and finally accepted the results together. The community played an important role in operating based on the Sufficiency Economics Theory. The forum was arranged to know problem, demand and the activities for driving and reviving Sericulture. It was found that the farmers in Ban Nong Idum had worked in Sericulture and weaving as their supplementary occupations since the age of their ancestors. The technologies were continuously transferred to their descendents using the indigenous breeds of mulberries and silk worms. It was lack of proper care of mulberry plantation and appropriate worm raising. The group wanted to revive the activities concerning Sericulture in the village. It started with mulberry growing and then developed silk thread properly. Moreover, mulberry and silk were also processed using the local resources. Based on the research from researchers and the community cooperation, it was found that besides the learning occurred and solving problem together, the community group which worked on Sericulture changed to grow mulberry more properly than usual. The used the new breeds of mulberry such as Sakon Nakhon and Burirum 60 instead of the indigenous breeds so that mulberry leaves could be produce continuously throughout the year. For worm raising, the worm breeds were brought from the department of Sericulture so that the cost was very low. Furthermore, the percentage of the worm death was obviously decreased. For silk, the silk threads were improved using the developed weaving machine. The obtained silk threads were dyed with the technology using natural dyes. The products of mulberry and silk were processed through the technology transfer to provide the new products for example: mulberry jelly and soap from silk cocoon. It was the way to add value to the products and it could make more income for the community to survive in the sustainable ways. The forum for data return was arranged. It was found that the learning was occurred and problems were together solved. In addition, The group of Sericulture in Ban Nong Idum had revived the Sericulture to sustainable resume. The mulberries were grown and the silk worms were raised properly and the productions were provided more often than usual. The high quality with group unique characteristics was obtained. The group was stronger and it was named as “Somdet Silk Group”. Up to now, it is very well-known among the silk lover groups.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: เศรษฐกิจพอเพียง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านหนองอีดุม ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
30 กันยายน 2557
การระบุเครื่องหมายโมเลกุลที่สัมพันธ์กับกลไกการตอบสนองต่อความเค็มของหม่อน ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การศึกษาผลการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในจังหวัดสุรินทร์ ระบบการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมผสมผสานกับการเลี้ยงปลา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและความต้องการการส่งเสริม ของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม ที่ดำเนินโครงการแปลงใหญ่หม่อนไหม กรณีศึกษาจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดน่าน และจังหวัดอุดรธานี สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร จังหวัดชุมพร สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตำบลประทาย จังหวัดนครราชสีมา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรในอำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก