สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาวิธีการทอผ้าไหมผสมฝ้าย
ฉัตรชัย อาภรณ์รัตน์ - กรมหม่อนไหม
ชื่อเรื่อง: การศึกษาวิธีการทอผ้าไหมผสมฝ้าย
ชื่อเรื่อง (EN): MethodofSilkandCottonweaving
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ฉัตรชัย อาภรณ์รัตน์
บทคัดย่อ: การศึกษาวิธีการทอผ้าไหมผสมฝ้าย เพื่อศึกษาหาสัดส่วนที่เหมาะสมของเส้นใยไหมและเส้นใยฝ้ายที่จะนำมาทอเป็นเส้นยืนและเส้นพุ่ง เพื่อวิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติของเส้นไหมและฝ้ายที่นำมาทอร่วมกัน ดำเนินการที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ สุรินทร์ กลุ่มวิจัยศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ระหว่างเดือน ตุลาคม 2550 – กันยายน 2552 โดยใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านพันธุ์สำโรงชนิดเส้นไหมน้อยและไหมลืบ เส้นฝ้ายพันธุ์ตากฟ้า 2 ชนิดเส้นฝ้ายเข็นมือและเส้นฝ้ายโรงงานที่มีขนาดเล็ก นำมาทอแบบลายขัดธรรมดาโดยใช้เส้นพุ่งและเส้นยืนจากเส้นใยทั้ง 4 ชนิดได้ทั้งหมด 170 กรรมวิธี พบว่าการใช้เส้นที่มีขนาดและชนิดของเส้นใยแตกต่างกัน ทำให้เกิดลักษณะของเนื้อผ้าหลายรูปแบบ ซึ่งผ้าทอที่ใช้เส้นด้ายที่มีขนาดต่างกันทำให้เกิดลักษณะของสันนูนตามแนวของเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่า และในกรณีที่ใช้เส้นที่มีขนาดหรือชนิดต่างกันโดยจัดเรียงในแนวเส้นยืนแบบเป็นเส้นบนและเส้นล่าง ทำให้เกิดเนื้อผ้า 2 ด้านแตกต่างกัน ส่วนการใช้เส้นยืนแบบสลับชนิดและขนาดเส้นใยแตกต่างกันก็ทำให้เนื้อผ้ามีลวดลายเป็นสันนูนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จากนั้นนำไปวิเคราะห์ความแข็งแรงต่อแรงดึงขาด ผลการวิเคราะห์พบว่า SC 5-6 ซึ่งเส้นยืนบนและล่างเป็นไหมลืบ เส้นพุ่งไหมน้อยสลับฝ้ายเข็นมือ มีความแข็งแรงสูงที่สุดของการทอเส้นไหมผสมเส้นฝ้ายคือมีค่าความแข็งแรงต่อแรงดึงขาด 1,102.56 นิวตัน ส่วนกรรมวิธีการใช้เส้นยืนแบบสลับที่มีความแข็งแรงต่อแรงดึงขาดสูงที่สุดคือ SC 11-4 เป็นเส้นยืนไหมน้อยสลับไหมลืบ แล้วพุ่งด้วยเส้นฝ้ายเข็นมือ มีค่า 667.43 นิวตัน และ SC 17-4 ซึ่งเป็นกรรมวิธีเส้นยืนบนไหมน้อยสลับฝ้ายเข็นมือและเส้นยืนล่างฝ้ายโรงงานสลับไหมลืบแล้วพุ่งด้วยฝ้ายเข็นมือ มีค่าความแข็งแรงต่อแรงดึงขาดสูงสุดคือ 272.88 นิวตัน การนำเส้นใยชนิดต่าง ๆ มาทอผสมกันพบว่าผ้าทอที่มีสัดส่วนของเส้นไหมลืบและฝ้ายเข็นมือเป็นสัดส่วนหลักของเส้นยืนจะมีความแข็งแรงต่อแรงดึงขาดมากกว่าเส้นยืนชนิดอื่น รวมไปถึงการใช้เป็นเส้นพุ่งด้วย จากนั้นนำผ้าทอทั้ง 170 ตัวอย่างไปทดสอบความมันวาวและความพึงพอใจพบว่า SC12-3 และSC17-7 มีค่ามันวาวสูงสุดคือ 2.25 และSC17-7 มีความพึงพอใจสูงสุดเท่ากับ 2.90
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมหม่อนไหม
คำสำคัญ: การทอผ้าไหมผสมฝ้าย
คำสำคัญ (EN): Silkand Cottonweavingtextiles
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาวิธีการทอผ้าไหมผสมฝ้าย
กรมหม่อนไหม
30 กันยายน 2552
กรมหม่อนไหม
การเปรียบเทียบธุรกิจผ้าไหมระหว่างกลุ่มทอผ้าบ้านหนองหญ้าปล้อง และกลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น ปฏิกิริยาของฝ้ายต่อ 2,4-D ความเข้มข้นระดับต่าง ๆ พฤติกรรมการบริโภคผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมในย่านธุรกิจการค้าของกรุงเทพมหานคร การผลิตผ้าไหมของสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทอผ้าไหม บ้านหนองบั่ว อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น สำรวจ รวบรวม อนุรักษ์เชื้อพันธุกรรมไหมเพื่อการใช้ประโยชน์ การพัฒนาสีของเส้นใยฝ้ายเขียวโดยรังสีแกมม่า การใช้รังสีแกมมาเพื่อเพิ่มผลผลิตของไหมพันธุ์ไทย การศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ของไหมพันธุ์ใหม่ A10 และ A11 บันทึกอบรมผู้เข้าร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงไหม (2514) การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน กรณีศึกษา วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ในปี พ.ศ.2561
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก