สืบค้นงานวิจัย
กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การทำเกษตรพื้นที่หนึ่งไร่ ได้เงินหนึ่ง แสนบาท ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านดงหวาย ตำบลโคกสมบูรณ์ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
อดิศร สราวิช - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การทำเกษตรพื้นที่หนึ่งไร่ ได้เงินหนึ่ง แสนบาท ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านดงหวาย ตำบลโคกสมบูรณ์ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
ชื่อเรื่อง (EN): The Participatory Learning Process of One Rai Farming to Receive One hundred thousand Baht According to Self Sufficient Economic Idea of Ban Dongwai Community, Koksomboon Sub-district, kamalasai District, Kalasin Province
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแบบมีส่วนร่วมผ่านการเรียนรู้ระบบการทำการเกษตรในพื้นที่ 1 ไร่เพื่อให้ได้ 1 แสนบาท ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านดงหวาย ตำบลโคกสมบูรณ์ ที่นำไปสู่การพึ่งตนเอง และการสร้างภูมิคุ้มกันให้ชุมชน เป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นหาความจริงเชิงประจักษ์ ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพทำการเกษตรในโครงการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research, PAR) และการวิจัยทดลองในแปลงของเกษตรกร คือ เริ่มการวิจัยจากชุมชน ชุมชนมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา คิดค้นหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นฉันทามติของชุมชน รวมทั้งร่วมรับผลของการพัฒนา โดยมีนักวิจัยทำหน้าที่เป็นเพียงผู้เอื้ออำนวยหรือวิทยากรกระบวนการร่วมกับนักวิจัยชุมชนที่เป็นผลจากการจัดเวทีเรียนรู้การทำการเกษตร 1 ไร่ ให้ได้เงิน 1 แสนบาทในชุมชน พบว่า การทำการเกษตร 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน บาท ที่ผ่านมาทำตามที่ตนเองถนัดทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ไม่มีการวางแผนการทำการเกษตร ไม่ได้นำเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ พืชที่ปลูกบางชนิดไม่รู้วิธีการบำรุงรักษาที่ถูกวิธี บางคนเข้ามาทำเพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่ได้เปล่า ส่วนมากยังไม่มีการทำบัญชีครัวเรือนที่ชัดเจน ไม่มีการคิดต้นทุนกำไร การขายยังไม่เป็นกลุ่ม ต่างคน ต่างขาย ทำให้บางครั้งผลผลิตออกมามากเกินไปทำให้ไม่ได้ราคา บางคนยังก็มีการทำเกษตรเคมี ที่สำคัญต่างก็ไม่ทราบว่าตนเองถือครองพื้นที่จำนวนเท่าไหร่ จึงได้ช่วยกันลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อหาทางออกเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการทำการเกษตร 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท รวมทั้งลงมือปฏิบัติตามที่ได้ตัดสินใจ โดยได้กำหนดแผนงานที่จะทำดังนี้ สำรวจวัดพื้นที่ของตนเองว่ามีเท่าไหร่ และทำแผนที่รวม มีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ร่วมกันวางแผนในการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ที่ชัดเจน ทำการลดต้นทุนในการผลิตโดยเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง และการทำปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกองแทนการใช้ปุ๋ยเคมี มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพื่อปรับปรุงคุณภาพของดิน ใช้เทคโนโลยีการปลูกข้าวต้นเดี่ยวแบบประณีต (System of Rice Intensification, SRI) ในการทำนาเพื่อลดต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ และง่ายต่อการจัดการแปลงนา มีการจัดทำบัญชีครัวเรือนที่ชัดเจน ผลการวิจัยครั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกษตรกรที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ในการวางแผนการผลิต โดยมีการวางแผนจัดแบ่งพื้นที่เป็นส่วนๆ ปลูกผักสวนครัว ปลูกไม้ยืนต้น ปลูกข้าว และเลี้ยงสัตว์ครบทุกอย่างจะมีรายได้ค่อนข้างสูง พบว่า ผู้ที่มีรายได้เกิน 1 แสนบาท มี 2 คนส่วนผู้มีรายได้เกิน 50,000 บาท มี 3 คน จากเกษตรกรผู้ร่วมวิจัย 11 คน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเลี้ยงสัตว์ที่ต้องขยันและดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ส่วนเกษตรกรที่รายได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ถึงแม้จะทำตามแผนงานที่ร่วมกันวางไว้ ส่วนใหญ่มาจากการขาดการดูแลเอาใจใส่ ไม่มีเวลา เนื่องจากมีพื้นที่ทำกินอยู่แล้วในหมู่บ้าน และบางช่วงประสบภัยแล้งก็ทิ้งเลยไม่สนใจ โครงการ 1 ไร่ ณ จุดนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ 1 แสน ตามเป้าหมายของโครงการ แต่ก็ทำให้รู้และเข้าใจว่าโครงการ 1 ไร่ ไม่จำเป็นต้องได้ 1 แสน เพราะมีปัจจัยมากมายที่เกี่ยวข้อง ปัจจัยบางอย่างสามารถแก้ได้ด้วยชุมชนเอง แต่ปัจจัยบางอย่างอยู่เหนือการควบคุมไม่สามารถแก้ได้โดยเฉพาะปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง เป็นต้น แต่ที่สำคัญเกษตรกรไม่ติดใจว่าทำการเกษตร 1 ไร่ แล้วไม่ได้เงิน 1 แสนบาท เพราะตอนนี้เข้าใจแล้วว่า อันดับแรกต้องทำเพื่อบริโภคให้อิ่มก่อน แล้วจึงขาย มิใช่ผลิตเพื่อขายอย่างเดียวตามเป้าหมาย จากการจัดเวทีคืนข้อมูลสู่เกษตรกรพบว่า นอกจากเกิดการเรียนรู้และหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันแล้ว เกษตรกรยังได้มีโอกาสวิจัยทดลองนำเทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุน เช่น การปลูกข้าวต้นเดี่ยวแบบประณีต การเลี้ยงเป็ดในนาข้าว มีการทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองได้แก่ ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง การทำปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง และปุ๋ยชีวภาพ เพื่อเป็นต้นแบบในด้านการประหยัดต้นทุน คำสำคัญ : กระบวนการเรียนรู้ การมีส่วนร่วม 1 ไร่ 1 แสน
บทคัดย่อ (EN): The objective of this research was to study the process of participatory community strengthening through the learning on agricultural system in the area of 1 rai to obtain 100,000 bath followed the Community Sufficiency Economic Theory in Ban Dong Wai, Tombon Khok Sombun to provide self reliance and community immunity. It was the study to search for the truth evidence concerning the behavior change for live and the agriculture occupation that operated in the project of 1 rai 100,000 bath. The Participatory Action Research or PAR was used. The on farm research started with research from the community, the community searched for problem together, the problems were resolved through the community commitment and the results were together accepted. The researchers worked as facilitators or process instructors with local researcher through the seminar arranged after agriculture production from 1 rai to obtain 100,000 bath in the community. It was found that formerly, the agriculture production in 1 rai 100,000 bath, the farmers grew plants and raised animal based on their skill. There was no agriculture plan. The New Theory was not used. Some plants were grown without proper care. Some farmers joined the program because there was a waste land. Most of the farmer did not have household accounting. The cost and profit were not investigated. Commodities were individually sold. There was no combination group for sell so that when the products were oversupply the prices were declined. Some farmers still used chemicals. The worst was that the farmer did not know how much the land they owned. The farmers were together arranged problems in order of importance to search for problem solving in 1 rai 100,000 bath accompanied with practice followed the proposed decision. The action plans were as following: survey for land owning of each farmer, drawing the whole map, use The Sufficiency Economic and The New Theory for obvious plans of plant and animal production. Costs were decreased by high quality organic fertilizer. Chemicals fertilizers were replaced with compost without turning. Soil properties were improved with biological fertilizers. Rice was grown through an intensive rice growing with one seedling namely System of Rice Intensification or SRI. to reduce cost of rice seed and it was easy to manage paddy field. Household accountings were obviously made. The results of this research showed that the farmers who used the Sufficiency Economic and the New Theory for production plans with divided to various section for different purposes such as vegetable growing, tree growing, rice growing and all kind of animal production could earn rather high income. From the total of 11 farmers, there were 2 farmers earned more than 100,000 bath and 3 farmers earned more than 50,000 bath. Most incomes were obtained from animal production that needed both intelligence and intensive cares. There were some farmers that followed the proposed plans but obtained the below expected income. Most of these caused by lack of proper care, lack of time, owning land in the village, abandoning the land that encountered with drought. Though the project 1 rai could not earn 100,000 bath in this area to fulfill the project objective but it could be known and understood that the project of 1 rai did not usually provide 100,000 bath. There were many factors concern. Some factor could be managed by the community while some factors especially natural factors for example drought. Fortunately, farmers did not hook on that 1 rai must provide 100,000 bath. Now it is always kept in mind that first they must produce for consumption and the leftover is for sell. It is not for sell only. From the data return to farmers forum, it was found that besides learning and problem solving together the farmer had an opportunity to research on using technology for cost reducing for example; System of Rice Intensification, duck production in paddy field and production of organic fertilizer for household use such as high quality organic fertilizer, composting without turning and biological fertilizer. These could be the model for cost saving. Keywords: Learning Process, Participatory , 1 rai get hundred thousands baht
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: แสน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การทำเกษตรพื้นที่หนึ่งไร่ ได้เงินหนึ่ง แสนบาท ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านดงหวาย ตำบลโคกสมบูรณ์ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
30 กันยายน 2557
การทำแผนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติป่าชุมชนแบบมีส่วนร่วม กรณีศึกษา : บ้านตามา ตำบลชุมแสง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ การถ่ายทอดองค์ความรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นในแขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สู่ชุมชน กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนบ้านหนองอีดุม ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ การบริหารแมลงศัตรูมะขามหวานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านพลำ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปบ้านแม่ลาตำบลแม่ลา อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี: ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการมลพิษทางอากาศบน ฐานเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน การศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนายางพาราจังหวัดกาฬสินธุ์ การเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของเกษตรกร โครงการศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ ความพึงพอใจของผู้นำชุมชนต่อการดำเนินงานศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลไร่ขี อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ การจัดการกระบวนการเรียนรู้สำหรับชุมชนบนพื้นฐานของการพัฒนาระบบการเกษตรที่ยั่งยืนของอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก