สืบค้นงานวิจัย
ชุมชนปฏิบัติการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม : การศึกษาอิทธิพลปุ๋ยน้ำชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพาราโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา ชุมชนบ้านหนองสรวง จ. กาฬสินธุ์
ระพีพรรณ ประจันตะเสน - มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
ชื่อเรื่อง: ชุมชนปฏิบัติการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม : การศึกษาอิทธิพลปุ๋ยน้ำชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพาราโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา ชุมชนบ้านหนองสรวง จ. กาฬสินธุ์
ชื่อเรื่อง (EN): Community of Participatory Learning Practice (CPLP) : Study on Effect of Bio-fertilizer and Chemical Fertilizer on Growth and Yield of Rubber Tree by Ban Nong Suang’s Rubber Tree Farmers’ Participation in Kalasin
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ระพีพรรณ ประจันตะเสน
บทคัดย่อ: ยางพาราเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศอย่างมาก มีบทบาทต่อชีวิตและ ความเป็นอยู่ของเกษตรกรซาวสวนยาง เฉกเช่นชุมชนบ้านหนองสรวง อำเภอทนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ ปลูกพีชยางพาราอย่างแพร่หลายในชุมขน แต่อย่างไรก็ตามยางพารายังเป็นพืชใหม่ของพื้นที่ภาล ตะวันออกเฉียงเหนือและใหม่สำหรับเกษตรกร ดังนั้นจึงพบว่หลังการส่งเสริมการปลูก มีเกษตรกรบางรายที่ ล้มเหลว เนื่องจากผลผลิตและคุณภาพของยางต่ำกว่าที่ภาครัฐประมาณการไว้ ดังนั้นการใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผสิตยางพารโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของกลุ่มเกษตรกรสวน ยางพารา เป็นอีกทางเสีอกหนึ่งของเกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร อีกทั้ง ยังช่วยในการปรับปรุงคุณภาพดินให้มีความอุตมสมบูรณ์อีกด้วย การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงศ์ 1) เพื่อศึกษา การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดินที่มีการจัดการดินในสวนยางพารา 2) เพื่อศึกษาผล การใช้ปัยน้ำชีวภา าพร่วมกับปุยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผสิตยางพารา และ3) เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ ร่วมกัน รวมทั้งจัดองค์ความรู้ให้เป็นระบบ พร้อมเผยแพร่สู้สาธารณะ จากการศึกษาพบว่ปัญหาส่วนใหญ่ของ สมาชิกคือขาดความรู้ทางด้านการจัดการดูแลรักษาต้นยางพารา เนื่องจากยังเป็นพีขใหม่ของพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือและใหม่สำหรับเกษตรกร นอกจากนี้ตินไม่มีความอุตมสมบูรณ์และต้นยางพาราเกิด อาการเปลือกแห้งซึ่งเป็นกับต้นที่เปิดกรีดแล้วอีกด้วย สภาพดินก่อนได้รับการปรับปรุงมีลักษณะเป็นดินทราย มีปริมาณาตุอาหารค่อนข้างต่ำคือ มีปริมาณ ธาตุไนโตรเจนเฉลี่ย 0.014 mgkg ฟอสฟอรัสเฉลี่ย 6.1 mgkg โพแทสเซียมเฉลี่ย 51.21 mาgkg แคลเซียม เฉลี่ย 135 mgkฐ และแมกนีเซียมเฉลี่ย 47.89 mgks ความเป็นกรดเฉสี่ย pH = 4.7 ค่าการนำไฟฟ้าเฉลี่ย 0.02 dsm" และมีอินทรียวัตถุต่ำ ค่าเฉลี่ย 0.28 96 แต่หลังจากการใช้ปุยพบว่าดินรอบต้นยางพาราที่ใช้ปุ้ยน้ำ หมักสูตรหอยเขอรี่ + เคมี 50 9 มีปริมาณธาตุอาหารในดินเหลือน้อยที่สุด ส่วนการใช้ปุ๋ยเคมี 100 96 ทำให้ ดินมีปริมาณธาตุไนโตรเจน แมกนีเซียมที่ยังคงอยู่ในดินมีค่าสูงสุด แสดงให้เห็นว่าพืชไม่สามารถนำชาตุอาหาร ดังกล่าวในดินไปใช้ได้เมื่อได้รับปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว ผลของปุยน้ำหมักชีวภาพร่วมกับปุยเคมีต่อปริมาณน้ำยางและปริมาณเนื้อยาง พบว่าต้นยางพาราที่ใส่ ปุ้ยน้ำหมักสูตรหอยเซอรี่ + เคมี 5096 มีปริมาณน้ำยางมากที่สุด รองลงมาคือปุ๋ยน้ำหมักสูตรจอมปลวก + เคมี 509 ปุ้ยน้ำหมักสูตรผลไม้ + เลมี 5096 ปุ้ยน้ำหมักสูตรหัวปลา + เคมี 5096 และการใช้ปุ้ยเคมี 1009 เพียงอย่างเดียวทำให้มีปริมาณน้ำย างน้อยที่สุด (2.27, 2.04 1.99 , 1.98 และ 1.72 กิโลกรัม/ต้น/ปี ตามลำดับ) และปริมาณเนื้อยางพบว่าตันยางพาราที่ใส่ปุยน้ำทมักสูตรจอมปลวก + เคมี 5096 ทำให้มีปริมาณ เนื้อยางมากที่สุด รองลงมาคือปุ้ยน้ำหมักสูตรหัวปลา + เคมี 5096 ปุ๋ยน้ำหมักสูตรหอยเชอรี่ + เคมี 509 ปุ้ยเคมี 10086 และปุยน้ำหมักสูตรผลไม้ + เคมี 509 มีปริมาณเนื้อยางน้อยที่สุด (28.83, 27.24, 26.64, 26.62 และ 23.79 96 ตามลำดับ) ข้อมูลทางเศรษฐกิจพบว่ ต้นยางพาราที่ใส่ปุยน้ำหมักชีวภาพร่วมกับปุยเคมีมีต้นทุนการผลิต 1,240 บาทไร่ ซึ่งมีต้นทุนน้อยกว่าตัพยางพาราที่ใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว คือ 1,930 บาทไร่ นอกจากนี้พบว่า ผลผลิตของยางพ าราที่ใส่ปัยน้ำหมักชีวภาพสูตรหอยเซอรี่+ปุ้ยเลมี 509 มีปริมาณน้ำยางมากที่สุด (173 กิโลกรัม/ไร่) รองลงมาคือสูตรจอมปลวก+ปุ้ยเคมี 50% (155 กิโลกรัม/ไร่) สูตรหัวปลา+ปุ้ยเคมี 50% (151 กิโสกรัม/ไร่) สูตรผลไม้สุก+น้ำสัมควันไม้ (151 กิโลกรัม/ไซ่) และการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวให้ปริมาณน้ำ ยางน้อยที่สุด (131 กิโลกรัม/ไข่) ดังนั้นเกษตรกรจึงได้ผลกำไรจากการขายน้ำยางพาราไร่ละ 3,085, 2,635, 2,535, 2,535 และ 1,345 บาท/ไร่ ตามลำดับ นอกจากนี้การผลิตยางพารโดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของเกษตรกรพบว่าเกษตรกร ได้เรียนรู้วิธีการปรับปรุงดินโตยการใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตได้เองจากเศษวัสดุธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น และ นำมาใช้อย่างถูกต้อง ก่อนเริ่มโครงการเกษตรกรใช้ปุ๋ยเลมิในสวนยางพาราเพียงอย่างเดียวจึงทำให้ดินเสีย ความอุดมสมบูรณ์ของดินสดลง ซึ่งโครงสร้างของดินมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพ ทางเคมี และทาง ชีววิทยา ดินจะแน่น หน้าดินแข็ง ทำให้ระบายน้ำและอากาศได้ไม่ดี ดินเป็นกรดจัดและมีอินทรียวัตถุในดินต่ำ ส่งผลต่อการลดลงของปริมาณยาง ดังนั้นเมื่อเกษตรกรได้เรียนรู้วิธีการปรับปรุงดินโตยการใช้ปุ๋ยน้ำหมัก ชีวภาพและนำมาใข้อย่างถูกต้อง เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุและจุสินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดินแล้ว ทำให้ยางพาราผสิต ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยเลมีเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้เกษตรกรในกลุ่มที่ประสบ ผลสำเร็จในการเพิ่มปริมาณน้ำยางพาร ได้ให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการปลูก การดูแลและการ ปรับปรุงดินกับเกษตรกรรายอื่นๆ อีกด้วย
บทคัดย่อ (EN): Rubber tree is highly important for Thailand’s economy and national development impacting on farmers’ way of life. For instant, in Nongsuang Village community, Nongkungsri district, Kalasin Province, local people widely plant rubber trees in their community. However, rubber tree planting is still considered a new type of plantation for farmers in the northeastern of Thailand. After the promotion of rubber tree plantation conducted by government agency, it was found that some of farmers could not achieved their plantation because their products could not be met the productivity and quality standard required by government’s estimates. Use of bio-fertilizer with chemical fertilizers was presented to participative local farmers for growing rubber trees. This is an option for such farmers to reduce production cost and increase profitability. Moreover, this also can flourish soil condition. This study aims to 1) study the change of physical and chemical properties of soil in targeted rubber tree plantation area, 2) study impact after using bio-fertilizer with chemical fertilizers on rubber plant growth and productivity and 3) advocate collaborative learning, systemize knowledge, and broadcast the knowledge to public. The study illustrates that most common problem of community members is lack of managing and maintaining rubber trees because it is new who live in northeastern part of Thailand. Nutrient deficiency in soil and tapping panel dryness symptom found among bark-cut trees are also the common problems. Soil condition before treatment is sandy and contains low level of nutrients i.e. 0.014 mgkg-1 Nitrogen, 6.1 mgkg-1 Phosphorus, 51.21 mgkg-1 Potassium, 135 mgkg-1 Calcium and 47.89 mgkg-1 Magnesium in average, pH = 4.7 for acidity, 0.02 dSm-1 for conductivity, and only 0.28 % organic content. After treatment with fertilizers mixed with bio-fertilizer, a formulae of golden apple snails + 50% chemicals gave least leftover nutrients in soil, a formulae of 100% chemicals gave maximum leftover Nitrogen and Magnesium content in soil. This result exhibits that using purely chemicals result in restrain of nutrient uptake process in rubber trees. Based on the impact of bio-fertilizer with chemical fertilizers on quantity of latex and rubber, it was found that a formulae of golden apple snails Bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers can contribute highest latex level from rubber trees, secondly a formulae of ground anthill bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers, thirdly, a formulae of fruits Bio- fertilizer + 50% chemical fertilizers, fourthly, a formulae of fish heads bio-fertilizer + 50% ง chemical fertilizers, and finally, a formulae of 100% chemical fertilizers (2.27, 2.04, 1.99, 1.98 and 1.72 kilograms/tree/year respectively). For the impact of such formula on rubber quantity, it was found that a formulae of ground anthill bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers can contribute maximum rubber quantity, secondly, a formulae of fish heads bio- fertilizer + 50% chemical fertilizers, thirdly, a formulae of golden apple snails bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers, fourthly, a formulae of 100% chemical fertilizers, and finally, a formulae of fruits bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers (28.83, 27.24, 26.64, 26.62 and 23.79 % respectively). Economic data indicate that applying bio-fertilizer with chemical fertilizers to rubber trees costs 1,240 THB/Rai which is less than what of applying purely chemical fertilizers (1,930 THB/Rai). Furthermore, it was discovered that using a formulae of golden apple snails bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers on rubber tree plantation contributes highest productivity (173 kilograms/Rai), secondly, a formulae of ground anthill bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers (155 kilograms/Rai), thirdly, a formulae of fish heads bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers (151 kilograms/Rai), fourthly, a formulae of fruits bio-fertilizer + 50% chemical fertilizers (151 kilograms/Rai), and finally, a formulae of 100% chemical fertilizers (131 kilograms/Rai). Therefore, farmer could gain profit margin at 3,085, 2,635, 2,535, 2,535 and 1,345 THB/Rai respectively. In addition, rubber tree plantation under collaborative learning process presents that local farmers had learnt how to produce bio-fertilizer to improve soil condition by using local natural residuals as raw materials as well as how to apply the plasma correctly. Before the project started, local farmers purely used chemical fertilizers in their farms. This resulted in soil condition damage and decrease of nutrient abundance. Soil structure had been physically, chemically, and biologically changed. Highly compacted soil and hard surface layer of soil causes poor water and air circulation, high acidity, and low organic content, consequently, low latex productivity occurs. After proper soil improvement method was learnt by local farmers by using Enzyme Ionic Plasma to nourish organic content and beneficial microorganisms in soil, higher quantity of latex took place compared to use of purely chemical fertilizers. Successful local farmers also share and exchange rubber tree planting and growing, and soil improvement knowledge in the community.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
คำสำคัญ: ปุ๋ยพืชสด
คำสำคัญ (EN): Rubber Tree
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ชุมชนปฏิบัติการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม : การศึกษาอิทธิพลปุ๋ยน้ำชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพาราโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา ชุมชนบ้านหนองสรวง จ. กาฬสินธุ์
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
30 กันยายน 2557
การศึกษาผลของปุ๋ยเคมีสูตรต่าง ๆ ที่มีต่อการเจริญเติบโตของแหนแดง ผลของถ่านชีวภาพต่อการเพิ่มผลผลิตและเติบโต ของยางพารา อิทธิพลของปุ๋ยเคมีและวัสดุปลูกที่มีผลต่อการผลิตกล้ายางพาราคุณภาพดี การศึกษาระบบการจัดการปุ๋ยทางน้ำเพื่อเร่งการเปิดกรีดยางพารา โครงการฝึกอบรมการผลิตกล้ายางพาราและการปลูกยางพาราแบบมืออาชีพ การเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพดข้าวเหนียวในดินจังหวัดพัทลุง การศึกษาวัสดุคลุมดินที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตแบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของสตรอเบอรี 2 สายพันธุ์ ชุมชนปฏิบัติการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม : การศึกษาอิทธิพลปุ๋ยน้ำชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพาราโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา ชุมชนบ้านหนองสรวง จ. กาฬสินธุ์ การเจริญเติบโต อัตราการรอดตาย และผลผลิตของปลานิลแดงในบ่อพักน้ำเค็ม การพัฒนาอุปกรณ์วิเคราะห์น้ำยางพาราสำหรับใช้งานในสวนยางพารา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก