สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาเบื้องต้นของมะม่วงเพื่อการบริโภคดิบสำหรับการส่งออก (ระยะที่ 2)
ผ่องเพ็ญ จิตอารีย์รัตน์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ชื่อเรื่อง: การศึกษาเบื้องต้นของมะม่วงเพื่อการบริโภคดิบสำหรับการส่งออก (ระยะที่ 2)
ชื่อเรื่อง (EN): Preliminary study of green mango for export (Phase 2)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ผ่องเพ็ญ จิตอารีย์รัตน์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): PONGPEN JITAREERAT
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีศักยภาพทางการตลาดสูงทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ สามารถเก็บเกี่ยวเพื่อบริโภคเป็นผลดิบหรือขณะที่ผิวเปลือกยังมีสีเขียวและบริโภคผลสุก การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุเพื่อศึกษาผลของพันธุ์มะม่วง และอุณหภูมิเก็บรักษา สารยับยั้งเอทิลีน และบรรจุภัณฑ์ที่มีต่อคุณภาพของมะม่วงเพื่อบริโภคดิบ ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทดลองเปรียบเทียบคุณภาพของมะม่วง 5 พันธุ์ ซึ่งนิยมใช้บริโภคเป็นผลดิบในประเทศไทย ได้แก่ ฟ้าลั่น เขียวเสวย โชคอนันต์ ทวายเดือนเก้าและน้ำดอกไม้เบอร์ 4 พบว่ามะม่วงพันธุ์เขียวเสวยมีปริมาณแป้งสูงที่สุด (300 g/kg DW) มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้เบอร์ 4 มีปริมาณเส้นใยสูงสุด (ร้อยละ 45 ของน้ำหนักสด) มะม่วงพันธุ์ ฟ้าลั่นมีปริมาณโปรตีนสูงสุด (0.078 g/100gDW) และมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์มีปริมาณไขมันสูงที่สุด (0.56 g/100gDW) ในขณะที่มะม่วงพันธุ์ฟ้าลั่นและโชคอนันต์มีปริมาณวิตามินซีสูงสุดใกล้เคียงกัน คือ 40 mg/100gFW ในระหว่างการเก็บรักษามะม่วงที่อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียส พบว่ามะม่วงพันธุ์โชคอนันต์มีการสุกและการเกิดโรคช้ากว่ามะม่วงพันธุ์อื่นๆ โดยมีการเปลี่ยนแปลงสีเปลือกและสีเนื้อและความแน่นเนื้อลดลงช้า นอกจากนี้ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้เพิ่มขึ้นช้า ดังนั้นมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์จึงเป็นพันธุ์มีศักยภาพในการผลิตและขายเป็นมะม่วงดิบเพื่อการส่งออกได้ ขณะที่มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้เบอร์ 4 เหมาะแก่การรับประทานเป็นผลดิบเพื่อสุขภาพมากที่สุดเนื่องจากมีปริมาณแป้งต่ำ มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง นอกจากนี้ยังปริมาณโปรตีนและวิตามินซีสูงใกล้เคียงกับมะม่วงพันธุ์ฟ้าลั่น ดังนั้น การศึกษาระดับความเข้มข้นของสาร 1- MCP ที่สามารถยืดอายุการเก็บรักษามะม่วงรับประทานดิบพันธุ์โชคอนันต์ โดยการรมด้วยสาร 1- MCP ความเข้มข้น 250, 500 และ 1000 พีพีบี เป็นเวลา 12 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เปรียบเทียบกับผลที่ไม่ได้รมสารและเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียส พบว่า มะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ รมสาร 1- MCP ความเข้มข้น 750 และ 1,000 พีพีบี มีการเปลี่ยนแปลงสีเปลือก และสีเนื้อน้อยกว่าชุดควบคุม การรมสาร 1- MCP ความเข้มข้น 1,000 พีพีบีทำให้มะม่วงพันธุ์โชคอนันต์มีความแน่นเนื้อและปริมาณกรดที่ไตเตรทได้มากที่สุด และจากการศึกษาระยะเวลาในการรม 1-MCP ที่เหมาะสมต่อการรักษาคุณภาพของมะม่วง พบว่าการรมด้วย 1-MCP ความเข้มข้น 1000 พีพีบี นาน 18 ชั่วโมง สามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ดิบได้ดีกว่าการรมมะม่วงด้วย 1-MCP ความเข้มข้น 1000 พีพีบี นาน 6 และ 12 ชั่วโมง ในการศึกษาผลของอุณหภูมิต่อคุณภาพของมะม่วงรับประทานผลดิบ พบว่ามะม่วงที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส สามารถคงคุณภาพของมะม่วงดิบได้นานมากกว่า 18 วัน โดยที่ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ ปริมาณกรดที่ไตเตรทได้ และความแน่นเนื้อในวันที่ 15 ของการเก็บรักษา ไม่แตกต่างจากวันแรกก่อนการเก็บรักษา การรมด้วย 1-MCP ความเข้มข้น 1000 พีพีบี นาน 18 ชั่วโมง ร่วมกับการบรรจุถุงพลาสติกแบบ Active สามารถชะลอการการเปลี่ยนแปลงคุณภาพมะม่วงดิบได้ในระหว่างการเก็บรักษา
บทคัดย่อ (EN): Mango fruit has the high potential to produce for sale in domestic and international markets. It can be consumed either they still in the unripe stage, with a green peel color or fully ripe. The objective of this study was designed to investigate the effects of mango cultivars, storage temperature and ethylene inhibitor on quality of unripe mango. cv. ‘Fha-Lan’, ‘Khaew Sawoey’, ‘Choke Anan’, ‘Thavai Duankao’, and ‘Nam Dokmai # 4’, were used in this study. The results showed that high contents of starch, fiber, protein and lipids were found in ‘Khaew Sawoey’ (300 g/kg DW), ‘Nam Dokmai # 4’ (45%), ‘Fha-Lan’ (0.078 g/100gDW) and ‘Choke Anan’ (0.56 g/100gDW), respectively. ‘Fha-Lan’ and ‘Choke Anan’ had similar levels of vitamin C content (40 mg/100gFW). During storage at 13 ?C, ‘Choke Anan’ showed a slow ripening process and stem end rot disease occurrence when compared with other cultivars. Peel and pulp color and firmness slowly changed during storage. In addition, the total soluble solid content of ‘Choke Anan’ increased slowly when compared with other cultivars. Therefore, ‘Choke Anan’ is a cultivar with high potential for producing and exporting as unripe mango fruit. On the other hand, unripe ‘Nam Dokmai # 4’ was consumed as a healthy food because of its low starch and high fiber content. ‘Nam Dokmai # 4’ also showed the same high content of vitamin C as ‘Fha-Lan’. For future study, only ‘Choke Anan’ fruits were fumigated with various concentration of 1-methylcyclepropene (1-MCP) at 0 (control), 250, 500, and 1,000 ppb for 12 h at 20? C. All treatments were stored at 13? C and randomly chosen to measure postharvest quality. Fruit fumigated with 1-MCP at 750 and 1,000 ppb had the lowest color change of peel and pulp in terms of L* value and hue angle. 1-MCP fumigation at 1,000 ppb showed the highest fruit firmness and titratable acidity. Thereafter, ‘Choke Anan’ fruits were fumigated with optimal 1-MCP concentration at 1,000 ppb for 6, 12 and 18 hr. Fumigation time at 18 hr delayed the decrease of fruit qualities when compared with 6 and 12 hr. The storage temperature at 7 ? C could delay the ripening of ‘Choke Anan’. Stored-fruits slightly changed in firmness, soluble solid content, and titratable acidity compared to fresh fruits (day 0). Moreover, 1-MCP fumigated fruits packed in active plastic bag delayed the changes of fruit quality during storage.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คำสำคัญ: N/A
คำสำคัญ (EN): softening
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาเบื้องต้นของมะม่วงเพื่อการบริโภคดิบสำหรับการส่งออก (ระยะที่ 2)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
30 กันยายน 2555
การเปรียบเทียบพันธุ์มะม่วงเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบยืนยงบนที่ดอนอาศัยน้ำฝน เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวการใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์สำหรับลำใยสดเพื่อการส่งออก การศึกษาเบื้องต้นของมะม่วงเพื่อการบริโภคดิบสำหรับการส่งออก (ระยะที่ 1) การศึกษาโรคเปลือกแตกยางไหลของมะม่วง ผลของพารามิเตอร์บางประการต่อการคายน้ำของมะม่วงพันธุ์ แก้ว การเจรจาธุรกิจมะม่วงเพื่อการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น ปี 2545 ศึกษาการใช้เทคโนโลยีการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออกของเกษตรกรภาคตะวันออก การพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและมหาชนกและคัดเลือกมะม่วงเพื่อบริโภคผลสด การส่งเสริมการปลูกป่าฟืนเพื่อการบริโภคสำหรับประชาชนในชนบท การพัฒนาของรอยผสานของมะม่วง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก