สืบค้นงานวิจัย
โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 2 การสกัดสารแอสตาแซนทินจากเศษเหลือของอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้ง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรรณวิมล คล้ายประดิษฐ์ - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 2 การสกัดสารแอสตาแซนทินจากเศษเหลือของอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้ง
ชื่อเรื่อง (EN): Extraction of astaxanthin from waste of shrimp processing industry
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรรณวิมล คล้ายประดิษฐ์
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อศึกษาวิธีการเตรียมวัตถุดิบ และวิธีการสกัดแอสตาแซนทินจากส่วน หัวและเปลือกกุ้งขาวที่เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์สำหรับภาคอุตสาหกรรม ในการ ทดลองได้ใช้วัตถุดิบเปลือกกุ้งขาวใน 4 รูปแบบได้แก่ เปลือกกุ้งสด(ไม่บด) เปลือกกุ้งสด(บด) เปลือกกุ้งต้ม(ไม่ บด) และเปลือกกุ้งต้ม(บด) สำหรับหัวกุ้งขาวได้ใช้ใน 2 รูปแบบ ได้แก่หัวกุ้งสด(บด) และหัวกุ้งต้ม(บด) หลังจากนั้นได้นำวัตถุดิบแต่ละชนิดไปทำการสกัดแอสตาแซนทินโดยการแช่ในสารละลายเอทานอลใน ระยะเวลา 30 นาที 1 วัน และ 2 วัน ซึ่งได้ทดลองทั้งแบบแช่อย่างเดียวโดยไม่มีการกวนและกวนผสมในขณะ แช่ นอกจากนี้ได้ทำการทดลองโดยการปั่นผสมพร้อมกับสารละลายเอทานอล สารสกัดที่ได้นำไปวิเคราะห์ ปริมาณผลผลิต ความเข้มข้นของแอสตาแซนทิน ชนิดของแอสตาแซนทิน รวมทั้งสมบัติเชิงหน้าที่ในการเป็น แอนติออกซิแดนท์(ประสิทธิภาพในกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ DPPH และประสิทธิภาพในการจับโลหะ) ผลการทดลองพบว่า ในภาพรวมการใช้วัตถุดิบหัวกุ้งให้ปริมาณสารสกัดที่มากกว่าเปลือกกุ้ง แต่มีปริมาณความ เข้มข้นของแอสตาแซนทินที่ต่ำกว่า (p<0.05) รวมทั้งการใช้วัตถุดิบแบบต้มให้ปริมาณและความเข้มข้นของ แอสตาแซนทินที่ต่ำกว่าการใช้วัตุดิบแบบสดอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) เมื่อเปรียบเทียบการใช้วัตถุดิบเปลือก กุ้งแบบบดและไม่บด พบว่าการบดตัวอย่างให้ปริมาณสารสกัด และความเข้มข้นของแอสตาแซนทินมากกว่า วัตถุดิบแบบไม่บดในทุกสภาวะการทดลอง สำหรับชนิดของสารแอสตาแซนทินที่สกัดได้ในตัวอย่างเปลือกกุ้ง และหัวกุ้งสดพบว่ามีองค์ประกอบของแอสตาแซนทินอิสระ แอสตาแซนทินโมโนเอสเธอร์ และแอสตาแซนทิน ไดเอสเธอร์ แต่เปลือกกุ้งต้มและหัวกุ้งต้มพบเพียงองค์ประกอบของแอสตาแซนทินอิสระ ผลการทดสอบ ประสิทธิภาพในกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าแอสตาแซนทินสกัดจากวัตถุดิบแบบสดให้ ประสิทธิภาพในการยับยั้ง DPPH ค่อนข้างสูงและให้ค่าที่สูงมากกว่าแอสตาแซนทินวัตถุดิบที่ผ่านการต้ม แต่ใน เกือบทุกตัวอย่างให้ประสิทธิภาพในการจับโลหะต่ำกว่า 50% จากผลการทดลองที่ได้อาจสรุปได้ว่าสภาวะที่ เหมาะสมสำหรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม คือการใช้วัตถุดิบเปลือกกุ้งสด(บด) ทำการแช่ในสารละลาย พร้อมการกวนในระยะเวลา 30 นาทีให้ปริมาณสารสกัด (24.24±2.15 mg/เปลือกกุ้ง 1 กรัม) และความ เข้มข้น (17.5±0.12 mg/สารสกัด 1 กรัม) ที่ค่อนข้างสูง นั่นคือเมื่อพิจารณาในด้านค่าใช้จ่าย และระยะเวลา ในการสกัด สภาวะที่ได้น่าจะมีความเป็นไปได้สำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ที่ต้องการความรวดเร็วใน กระบวนการผลิตและต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แอสตาแซนทินที่ผลิตได้จากสภาวะที่เหมาะสมได้นำไปพัฒนาเป็น แอสตาแซนทินผง โดยสภาวะที่เหมาะสมคือการใช้มอลโตเด็กตริน (20% w/v) HICAP (10% w/v) และไค โตแซนน้ำหนักโมเลกุลสูง (Mw 21,000 kD) ที่ระดับความเข้มข้น 1% (w/v) และทำแห้งด้วยวิธีการทำให้ แบบพ่นฝอย ซึ่งให้ประสิทธิภาพกักเก็บและประสิทธิภาพในการยับยั้งอนุมูล DPPH (DPPH radical scavenging) ที่สูง
บทคัดย่อ (EN): This research was aimed to study the suitable methods of preparation of raw materials (shrimp head and shrimp shell) and extraction of astaxanthin from the materials for commercial use in the industry. White shrimp shells were used in 4 forms including fresh shrimp shell (not crushed), fresh shrimp shell (crushed), boiled shrimp shell (not crushed) and boiled shrimp shell (crushed). For shrimp heads, there were fresh shrimp head (crushed) and boiled shrimp head (crushed). Each prepared materials was subjected for astaxanthin extraction by immersion in ethanol for 30 min., 1 day and 2 days (with and without stirring). Other than that, the materials were also tested by blending with ethanol. The extracts were determined for yield, astaxanthin concentration, antioxidant properties (DPPH radical scavenging capacity and ferrous metal ion chelating activity). The results in overall showed that the use of shrimp heads as raw material gave the amount of extract higher than shrimp shells but it gave the lower concentrations of astaxanthin (p<0.05), as well as the use of boiled raw materials, resulted in lower astaxanthin content and concentrations than fresh material (p<0.05). When comparing the use of crushed and not crushed shrimp shells, It was found that the grinding of the samples gave the extract and astaxnthin concentration higher than that of non-crushing raw materials in all experimental conditions. For the type of astaxanthin extracted from the fresh shrimp shells and shrimp heads, it was found to have free astaxanthin, monoester astaxanthin and diester astaxanthin. However, boiled shrimp shell and boiled shrimp head were found only free astaxanthin composition. Results of the DPPH radical scavenging showed that astaxanthin extracted from fresh raw materials provided a high DPPH inhibitory activity and a higher value than that of astaxanthin extracted from boiled raw materials. In contrast, most samples gave a low ferrous chelating activity less than 50%. From the results, we can conclude that the suitable condition for industrial use was crushed fresh shrimp shell immersed in the solution with stirring for 30 minutes. It gave a high extract yield (24.24 ± 2.15 mg / shrimp shells 1 g) and astaxanthin concentration (17.5 ± 0.12 mg / 1 g). When considering the cost and extraction time, the condition should be suitable for industrial production that needed fast process and also lower production cost. Astaxanthin produced from suitable conditions had been developed as astaxanthin powder that the optimum condition was maltodextrin (20% w/v), HICAP (10% w/v) and high molecular weight chitosan (Mw 21,000 kD) at 1% (w/v) and dried by spray drying method. The astaxanthin powder showed high encapsulation efficiency and high DPPH radical scavenging.capacity.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: อุตสาหกรรมแปรรูปกุ้ง
เจ้าของลิขสิทธิ์: ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 2 การสกัดสารแอสตาแซนทินจากเศษเหลือของอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้ง
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2559
โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 3 การพัฒนาการผลิตสารให้กลิ่นรสวาซาบิผงสําหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารบรรจุกระป๋อง โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 5 การพัฒนากระบวนการทําพองข้าวเกรียบกุ้งและแคบหมูด้วยไมโครเวฟและอินฟราเรดเพื่อทดแทนการทอด โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 4 การศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจของการแปรรูปเเละใช้ประโยชน์จากปลาสวาย โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 1 ผลิตภัณฑ์ปรุงรสความเค็มต่ําที่ได้จากการย่อยโปรตีนของอวัยวะภายในปลาทูน่า การผลิตสารออกฤทธิ์จากกระชายเหลืองสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อผิวขาว การพัฒนาสูตรสำเร็จสารเคลือบเมล็ด ที่ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากเชื้อ Streptomyces philanthi RL-1-178 เพื่อควบคุมเชื้อราที่สร้างสารพิษอะฟลาทอกซินในระหว่างการเก็บรักษาเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (โครง การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ปีที่ 2) การพัฒนาสารฆ่าพยาธิจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร การพัฒนาเวชภัณฑ์และเภสัชภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดบัวบกสำหรับบาดแผลที่มีความลึกระดับที่สองแผลในช่องปากจากการได้รับการฉายรังสีและแผลปริทันต์ ปีที่ 2 การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรอย่างมีประสิทธิภาพ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก