สืบค้นงานวิจัย
การประยุกต์ใช้จุลทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้สกุลหวาย กรณีศึกษาอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
Sasiwan Dhunmigabovorn - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การประยุกต์ใช้จุลทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้สกุลหวาย กรณีศึกษาอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
ชื่อเรื่อง (EN): Application of effective microorganisms for Dendrobium sp cultivation : case study on Sampran district Nakhonpathom province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Sasiwan Dhunmigabovorn
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการศึกษากระบวนการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้บริเวณอำเภอสามพราน จังหวัด นครปฐม และการศึกษาประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) ในการส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งการป้องกันโรคในกล้วยไม้ โดยการทำการสัมภาษณ์ข้อมูลการปลูกเลี้ยง กล้วยไม้จากเกษตรกร 72 คนที่อาศัยในอำเภอสามพราน ตลอดจนทำการศึกษาคุณสมบัติของ EM และ ประสิทธิภาพของ EM ทั้ง 3 สูตร อันได้แก่ สูตรจากพื้นที่ศึกษา (A), สูตรจากหน่วยงานราชการ (B) และ สูตรการค้า (C) ผลการทดลองพบว่า เกษตรกรมีการใช้ EM ในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้น้อย เนื่องจากมีการ เตรียมและวิธีการใช้ที่ยุ่งยาก รวมทั้งทำให้วัสดุปลูกผุพังเร็วขึ้น ดังนั้น ในปัจจุบันเกษตรกรจึงนิยมใช้ปุ๋ยเคมี เป็นส่วนใหญ่ สำหรับปริมาณจุลินทรีย์ใน EM ทั้ง 3 สูตร พบว่า EM สูตร C มีปริมาณแบคทีเรีย (5x105 CFU/ml) และฟังไจ (3x105 CFU/ml) สูงสุด ในขณะที่ EM สูตร A มีปริมาณแอคติโนมัยซีท (1.8x103 CFU/ml) สูงสุด ส่วนการศึกษาในเรือนทดลอง พบว่า ตำรับที่มีการใช้ EM สูตร C (ตำรับที่ 5) และตำรับที่มีการใช้ EM สูตร C ร่วมกับปุ๋ยเคมี (ตำรับที่ 8) มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมปริมาณและ คุณภาพผลผลิตกล้วยไม้ดีกว่าตำรับอื่น ๆ ยกเว้น จำนวนช่อดอกมีปริมาณน้อยกว่าชุดควบคุม นอกจากนี้ ตำรับที่มีการใช้ EM สูตร C ยังช่วยในการป้องกันการเกิดรอยโรคในกล้วยไม้ได้ดี ในขณะที่ตำรับที่มีการใช้ ปุ๋ยเคมีมีการชักนำให้เกิดรอยโรคบนกล้วยไม้มากขึ้น จากการวิจัยนี้สรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของ EM แต่ละ สูตรในการส่งเสริมคุณภาพและผลผลิตกล้วยไม้ขึ้นกับจำนวนและชนิดของจุลินทรีย์ที่เป็นองค์ประกอบใน EM ดังนั้น การใช้ EM บางสูตรจึงสามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ได้ดีกว่าการใช้ ปุ๋ยเคมี ซึ่งนำไปสู่การนำเสนอแนวทางการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้โดยใช้ EM และลดการใช้สารเคมีแก่เกษตรกร ต่อไป
บทคัดย่อ (EN): This research was focused on the processes of orchid cultivation in Sampran District, Nakhonpathom Province, Thailand, and the efficiency of Effective Microorganisms (EM) to enhance the quantity and quality of orchid production and disease protection. Information on orchid cultivation by 72 agriculturists who live in Sampran District was surveyed by individual interview. In addition, characteristics and efficiency of 3 formulas of EM including agriculturist formula (A), government formula (B) and commercial formula (C) and their efficiency were investigated. The results showed that EM was rarely used in orchid cultivation because EM caused rapidly deterioration of plantation materials. Presently, inorganic fertilizers are mostly used in many orchid farms. The highest numbers of bacteria (5x105 CFU/ml) and fungi (3x105 CFU/ml) were found in EM formula C. However, EM formula A contained the highest number of actinomycetes (1.8x103 CFU/ml). In the greenhouse investigation, the result showed that treatment 5 (apply only EM formula C) and 8 (apply both EM formula C and chemical fertilizer) were more effective to enhance both quantity and quality of orchid production, but not the number of orchid bunches, than other treatments. Moreover, EM formula C plays a potential role in disease protection in orchids. Surprisingly, the use of chemical fertilizer could induce lesion development in orchids. It could be concluded that the efficiency in orchid cultivation of each EM formula depends on the quantity and types of microorganisms. Thus, the use of selected EM formula could enhance the efficiency in orchid cultivation better than chemical fertilizer usage. A guideline for orchid cultivation by using EM and reducing chemical fertilizer application should be provided for agriculturists.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=4972&obj_id=3163
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Nakhonpathom
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการศึกษากระบวนการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้บริเวณอำเภอสามพราน จังหวัด นครปฐม และการศึกษาประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) ในการส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งการป้องกันโรคในกล้วยไม้ โดยการทำการสัมภาษณ์ข้อมูลการปลูกเลี้ยง กล้วยไม้จากเกษตรกร 72 คนที่อาศัยในอำเภอสามพราน ตลอดจนทำการศึกษาคุณสมบัติของ EM และ ประสิทธิภาพของ EM ทั้ง 3 สูตร อันได้แก่ สูตรจากพื้นที่ศึกษา (A), สูตรจากหน่วยงานราชการ (B) และ สูตรการค้า (C) ผลการทดลองพบว่า เกษตรกรมีการใช้ EM ในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้น้อย เนื่องจากมีการ เตรียมและวิธีการใช้ที่ยุ่งยาก รวมทั้งทำให้วัสดุปลูกผุพังเร็วขึ้น ดังนั้น ในปัจจุบันเกษตรกรจึงนิยมใช้ปุ๋ยเคมี เป็นส่วนใหญ่ สำหรับปริมาณจุลินทรีย์ใน EM ทั้ง 3 สูตร พบว่า EM สูตร C มีปริมาณแบคทีเรีย (5x105 CFU/ml) และฟังไจ (3x105 CFU/ml) สูงสุด ในขณะที่ EM สูตร A มีปริมาณแอคติโนมัยซีท (1.8x103 CFU/ml) สูงสุด ส่วนการศึกษาในเรือนทดลอง พบว่า ตำรับที่มีการใช้ EM สูตร C (ตำรับที่ 5) และตำรับที่มีการใช้ EM สูตร C ร่วมกับปุ๋ยเคมี (ตำรับที่ 8) มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมปริมาณและ คุณภาพผลผลิตกล้วยไม้ดีกว่าตำรับอื่น ๆ ยกเว้น จำนวนช่อดอกมีปริมาณน้อยกว่าชุดควบคุม นอกจากนี้ ตำรับที่มีการใช้ EM สูตร C ยังช่วยในการป้องกันการเกิดรอยโรคในกล้วยไม้ได้ดี ในขณะที่ตำรับที่มีการใช้ ปุ๋ยเคมีมีการชักนำให้เกิดรอยโรคบนกล้วยไม้มากขึ้น จากการวิจัยนี้สรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของ EM แต่ละ สูตรในการส่งเสริมคุณภาพและผลผลิตกล้วยไม้ขึ้นกับจำนวนและชนิดของจุลินทรีย์ที่เป็นองค์ประกอบใน EM ดังนั้น การใช้ EM บางสูตรจึงสามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ได้ดีกว่าการใช้ ปุ๋ยเคมี ซึ่งนำไปสู่การนำเสนอแนวทางการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้โดยใช้ EM และลดการใช้สารเคมีแก่เกษตรกร ต่อไป
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประยุกต์ใช้จุลทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้สกุลหวาย กรณีศึกษาอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
Sasiwan Dhunmigabovorn
มหาวิทยาลัยมหิดล
2549
พฤติกรรมการใช้สารเคมีในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ต่อสุขภาพเด็ก ประสิทธิภาพจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ในการควบคุมโรคแอนแทรคโนสในกล้วยไม้สกุลหวาย การสร้างต้นแบบออนโทโลยีพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวาย การประยุกต์ใช้โพรไบโอติกในการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ (Penaeus monodon) ความสามารถในการผสมข้ามระหว่างกล้วยไม้หวายกลิ่นหอมกับกล้วยไม้หวายพันธุ์การค้า และการจำแนกลูกผสมโดยเทคนิคอาร์เอพีดี การศึกษาศักยภาพของกระบวนการพัฒนาธุรกิจชุมชน : กรณีศึกษา ธุรกิจผลไม้ ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม การศึกษาการปลูกผักอินทรีย์ที่เหมาะสมในระบบการปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมและวัฒนธรรมการเกษตร : กรณีศึกษา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ผลของระดับแคลเซียมต่อการเจริญเติบโตของมะเขือเทศที่ปลูกในวัสดุปลูกไม่ใช้ดิน การศึกษาประสิทธิภาพของบึงประดิษฐ์ที่ใช้ถ่านเป็นตัวกลาง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก