สืบค้นงานวิจัย
การปรับปรุงดินทรายเสื่อมโทรมโดยใช้พืชปุ๋ยสดในข้าวโพดและมันสำปะหลังที่ปลูกต่อเนื่อง
รฐนนท์ เจริญชาศรี - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การปรับปรุงดินทรายเสื่อมโทรมโดยใช้พืชปุ๋ยสดในข้าวโพดและมันสำปะหลังที่ปลูกต่อเนื่อง
ชื่อเรื่อง (EN): Improvement of degraded sandy soils using green manure plants in maize-cassava cropping sequences
บทคัดย่อ: ทำการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 80 ในดินทรายเสื่อมโทรม (Typic Plinthustult) ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อศึกษาถึงผลของการไถกลบพืชปุ๋ยสด 4 ชนิดได้แก่ ถั่วพร้า (Canavalia spp.) ปอเทือง (Crotalaria juncea) หญ้ารูซี่ (Brachiaria ruzeizien) วัชพืชท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญ้าตีนนกและ หญ้าตีนตุ๊กแก และอัตราปุ๋ยไนโตรเจนที่แตกต่างกัน 4 อัตรา ได้แก่ 0, 7.5, 15 and 22.5 กก. N/ไร่ ทำการไถกลบพืชปุ๋ยสดออกดอกที่อายุ 50 ทิ้งไว้ 2 สัปดาห์จึงปลูกมันสำปะหลัง เก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลังที่อายุ 10 เดือน ผลการทดลองพบว่าน้ำหนักชีวมวลและองค์ประกอบของพืชปุ๋ยสดไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติแต่การไถกลบพืชปุ๋ยสดส่งผลต่อผลผลิตมันสำปะหลัง หญ้ารูซี่มีแนวโน้มให้น้ำหนักชีวมวลสูงที่สุดและมีปริมาณฟอสฟอรัสสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ วัชพืชท้องถิ่น (2.25 ตัน/ไร่) ถั่วพร้า (2.03 ตัน/ไร่) และปอเทือง (1.99 ตัน/ไร่) ตามลำดับ โดยที่ถั่วพร้าและวัชพืชท้องถิ่น (หญ้าตีนนก และ หญ้าตีนตุ๊กแก) จะมีปริมาณไนโตรเจน (ร้อยละ 2.28) และโพแทสเซียมสูงที่สุด (ร้อยละ 0.15) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การไถกลบปอเทืองให้ผลผลิตน้ำหนักหัวสดของมันสำปะหลังสูงที่สุดเท่ากับ 4.35 ตัน/ไร่ แต่กลับมีแนวโน้มให้ร้อยละการสะสมแป้งต่ำที่สุด (ร้อยละ 30.10) ตามลำดับ การใส่ไนโตรเจนในอัตราที่สูงขึ้นร่วมกับการไถกลบพืชปุ๋ยสดมีแนวโน้มให้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นโดยการไถกลบปอเทืองร่วมกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราแนะนำของมันสำปะหลังจะส่งผลให้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสูงที่สุด ปุ๋ยพืชสดไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติดินยกเว้นความหนาแน่นรวมของดินที่ความลึก 10-20 เซนติเมตร โดยการไถกลบปอเทืองส่งผลให้ความหนาแน่นรวมของดินต่ำที่สุด (1.40 เม.ก./ม3) วัชพืชท้องถิ่น ถั่วพร้า ปอเทือง และหญ้ารูซี่ มีปริมาณการปลดปล่อยไนโตรเจนไม่แตกต่างกันโดยมีปริมาณเท่ากับ 148.65, 133.83, 92.77 และ 59.5 มก./กก. และมีการปลดปล่อยไนโตรเจนสูงที่สุดหลังจากทำการบ่มดินไปแล้ว 2 สัปดาห์ จากนั้นปริมาณการปลดปล่อยที่จะค่อย ๆ ลดลง อย่างไรก็ตามดินยังคงมีความอุดมสมบรูณ์ต่ำและมีโครงสร้างไม่แข็งแรง แต่การไถกลบพืชตระกูลหญ้ามีแนวโน้มส่งเสริมสมบัติทางฟิสิกส์ของดินให้ดีขึ้นกว่าการไถกลบพืชตระกูลถั่วทำการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 80 ในดินทรายเสื่อมโทรม (Typic Plinthustult) ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อศึกษาถึงผลของการไถกลบพืชปุ๋ยสด 4 ชนิดได้แก่ ถั่วพร้า (Canavalia spp.) ปอเทือง (Crotalaria juncea) หญ้ารูซี่ (Brachiaria ruzeizien) วัชพืชท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญ้าตีนนกและ หญ้าตีนตุ๊กแก และอัตราปุ๋ยไนโตรเจนที่แตกต่างกัน 4 อัตรา ได้แก่ 0, 7.5, 15 and 22.5 กก. N/ไร่ ทำการไถกลบพืชปุ๋ยสดออกดอกที่อายุ 50 ทิ้งไว้ 2 สัปดาห์จึงปลูกมันสำปะหลัง เก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลังที่อายุ 10 เดือน ผลการทดลองพบว่าน้ำหนักชีวมวลและองค์ประกอบของพืชปุ๋ยสดไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติแต่การไถกลบพืชปุ๋ยสดส่งผลต่อผลผลิตมันสำปะหลัง หญ้ารูซี่มีแนวโน้มให้น้ำหนักชีวมวลสูงที่สุดและมีปริมาณฟอสฟอรัสสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ วัชพืชท้องถิ่น (2.25 ตัน/ไร่) ถั่วพร้า (2.03 ตัน/ไร่) และปอเทือง (1.99 ตัน/ไร่) ตามลำดับ โดยที่ถั่วพร้าและวัชพืชท้องถิ่น (หญ้าตีนนก และ หญ้าตีนตุ๊กแก) จะมีปริมาณไนโตรเจน (ร้อยละ 2.28) และโพแทสเซียมสูงที่สุด (ร้อยละ 0.15) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การไถกลบปอเทืองให้ผลผลิตน้ำหนักหัวสดของมันสำปะหลังสูงที่สุดเท่ากับ 4.35 ตัน/ไร่ แต่กลับมีแนวโน้มให้ร้อยละการสะสมแป้งต่ำที่สุด (ร้อยละ 30.10) ตามลำดับ การใส่ไนโตรเจนในอัตราที่สูงขึ้นร่วมกับการไถกลบพืชปุ๋ยสดมีแนวโน้มให้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นโดยการไถกลบปอเทืองร่วมกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราแนะนำของมันสำปะหลังจะส่งผลให้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสูงที่สุด ปุ๋ยพืชสดไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติดินยกเว้นความหนาแน่นรวมของดินที่ความลึก 10-20 เซนติเมตร โดยการไถกลบปอเทืองส่งผลให้ความหนาแน่นรวมของดินต่ำที่สุด (1.40 เม.ก./ม3) วัชพืชท้องถิ่น ถั่วพร้า ปอเทือง และหญ้ารูซี่ มีปริมาณการปลดปล่อยไนโตรเจนไม่แตกต่างกันโดยมีปริมาณเท่ากับ 148.65, 133.83, 92.77 และ 59.5 มก./กก. และมีการปลดปล่อยไนโตรเจนสูงที่สุดหลังจากทำการบ่มดินไปแล้ว 2 สัปดาห์ จากนั้นปริมาณการปลดปล่อยที่จะค่อย ๆ ลดลง อย่างไรก็ตามดินยังคงมีความอุดมสมบรูณ์ต่ำและมีโครงสร้างไม่แข็งแรง แต่การไถกลบพืชตระกูลหญ้ามีแนวโน้มส่งเสริมสมบัติทางฟิสิกส์ของดินให้ดีขึ้นกว่าการไถกลบพืชตระกูลถั่ว
บทคัดย่อ (EN): A study on the response of cassava, variety Huay Bong 80, grown on a degraded sandy soil, Typic Plinthustult in Nakhon Ratchasima province to different types of green manure such as sword bean (Canavalia spp.), sunhemp (Crotalaria juncea), ruzi grass (Brachiaria ruzeizien) and no green manure application (local weeds) as a control and to different rates of nitrogen fertilizer, 0, 7.5, 15 and 22.5 kg N/rai was carried out. Cassava yield was harvested at 10 months after planting. Results showed that biomass and plant nutrient contents of green manures at the flowering stage were not different but differed in the case of cassava. Ruzi grass tended to give the highest biomass content of 2.96 t/rai, also having the highest phosphorus content followed by local weeds (2.25 t/rai), sword bean (2.03 t/rai) and sunhemp (1.99 t/rai). Sword bean and local weeds, mainly finger grass and coat buttons, tended to have the highest nitrogen (2.28%) and potassium (0.15%) contents. Sunhemp was the most suitable plant for cassava grown on this soil because the highest fresh tuber yield of 4.35 t/rai was obtained when use this plant as green manure although starch content was lowest (30.13%). Some green manure plants were not suitable in this case, cassava yields obtained from plots using sword bean as green manure gave the lowest fresh tuber yield of 2.17 t/rai. There was no difference in the response of cassava to N fertilizer rate. Cassava yield and above ground biomass tended to increase but the starch content tended to decrease with an increasing rate of N fertilizer. Sunhemp green manuring followed by the application of N fertilizer at the rate of 15 kg N/rai gave the highest fresh tuber yield. The effect of green manures on soil properties showed no statistical difference except for bulk density of soil at a depth between 10-20 cm where sunhemp seemed to lower the value (1.40 Mg/m3) rather effectively. Nitrogen released among green manure plants was indifferent, the amount of 148.65, 133.83, 92.77 and 59.5 mg N/kg was released from local weed, sword bean, sunhemp and ruzi grass, respectively. The highly released rate was found at 2 weeks after incubation then the released rate was slightly decreased. In the end, the soil still had low fertility status and unstable soil structure but using grass as green manure had the tendency of better improving physical properties than did using legume. A study on the response of cassava, variety Huay Bong 80, grown on a degraded sandy soil, Typic Plinthustult in Nakhon Ratchasima province to different types of green manure such as sword bean (Canavalia spp.), sunhemp (Crotalaria juncea), ruzi grass (Brachiaria ruzeizien) and no green manure application (local weeds) as a control and to different rates of nitrogen fertilizer, 0, 7.5, 15 and 22.5 kg N/rai was carried out. Cassava yield was harvested at 10 months after planting. Results showed that biomass and plant nutrient contents of green manures at the flowering stage were not different but differed in the case of cassava. Ruzi grass tended to give the highest biomass content of 2.96 t/rai, also having the highest phosphorus content followed by local weeds (2.25 t/rai), sword bean (2.03 t/rai) and sunhemp (1.99 t/rai). Sword bean and local weeds, mainly finger grass and coat buttons, tended to have the highest nitrogen (2.28%) and potassium (0.15%) contents. Sunhemp was the most suitable plant for cassava grown on this soil because the highest fresh tuber yield of 4.35 t/rai was obtained when use this plant as green manure although starch content was lowest (30.13%). Some green manure plants were not suitable in this case, cassava yields obtained from plots using sword bean as green manure gave the lowest fresh tuber yield of 2.17 t/rai. There was no difference in the response of cassava to N fertilizer rate. Cassava yield and above ground biomass tended to increase but the starch content tended to decrease with an increasing rate of N fertilizer. Sunhemp green manuring followed by the application of N fertilizer at the rate of 15 kg N/rai gave the highest fresh tuber yield. The effect of green manures on soil properties showed no statistical difference except for bulk density of soil at a depth between 10-20 cm where sunhemp seemed to lower the value (1.40 Mg/m3) rather effectively. Nitrogen released among green manure plants was indifferent, the amount of 148.65, 133.83, 92.77 and 59.5 mg N/kg was released from local weed, sword bean, sunhemp and ruzi grass, respectively. The highly released rate was found at 2 weeks after incubation then the released rate was slightly decreased. In the end, the soil still had low fertility status and unstable soil structure but using grass as green manure had the tendency of better improving physical properties than did using legume.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: พืชตระกูลถั่ว
คำสำคัญ (EN): legume
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

รฐนนท์ เจริญชาศรี. "การปรับปรุงดินทรายเสื่อมโทรมโดยใช้พืชปุ๋ยสดในข้าวโพดและมันสำปะหลังที่ปลูกต่อเนื่องImprovement of degraded sandy soils using green manure plants in maize-cassava cropping sequences". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2556

รฐนนท์ เจริญชาศรี. "การปรับปรุงดินทรายเสื่อมโทรมโดยใช้พืชปุ๋ยสดในข้าวโพดและมันสำปะหลังที่ปลูกต่อเนื่องImprovement of degraded sandy soils using green manure plants in maize-cassava cropping sequences". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2556. Print.



TARR Wordcloud:
การปรับปรุงดินทรายเสื่อมโทรมโดยใช้พืชปุ๋ยสดในข้าวโพดและมันสำปะหลังที่ปลูกต่อเนื่อง
รฐนนท์ เจริญชาศรี
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2556
อาหารจากมันสำปะหลัง การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเพื่อเพิ่มคุณภาพโปรตีน ปกป้องสายตาด้วยข้าวโพด การใช้พืชตระกูลถั่วในระบบการปลูกพืชเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังที่ปลูกบนดินลูกรัง การป้องกันสารกำจัดวัชพืชตกค้างในการผลิตมันสำปะหลัง ผลของระยะปลูกที่มีต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตของมันสำปะหลังที่ปลูกบนดินชุด ลพบุรี ศึกษาการใช้พืชตระกูลถั่วพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อปรับปรุงบำรุงดินสำหรับการปลูกข้าวโพด ผลของการปลูกแฝกที่มีต่อสมบัติทางกายภาพ ผลผลิตมันสำปะหลัง และการกักเก็บคาร์บอนในดินทราย ผลของการจัดการดินต่อการระบายน้ำในดินทราย สำหรับปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น การตอบสนองของข้าวโพดต่อสภาพขาดน้ำในดินและต่อการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในช่วงฟื้นตัว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair