สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยเพื่อพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืน กรณีศึกษาลุ่มน้ำคลองสวนหมาก ปีที่2
สมชาย ดอนเจดีย์ - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การวิจัยเพื่อพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืน กรณีศึกษาลุ่มน้ำคลองสวนหมาก ปีที่2
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Sustainable Water Management Model for Klong Suan Mark River Basin (Second Year)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สมชาย ดอนเจดีย์
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้จึงได้ทำการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในลุ่มน้ำคลองสวนหมากแบบองค์รวมโดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อหารูปแบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม การกัดเซาะหน้าดิน และการตกตะกอนหน้าฝาย โดยมุ่งหวังว่าลุ่มน้ำคลองสวนหมากจะเป็นลุ่มน้ำต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการน้ำแทนบุคลากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้ 1) ศึกษาเพื่อหารูปแบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาภัยแล้ง 2) ศึกษาสภาพน้ำหลากและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการน้ำในช่วงภาวะอุทกภัย 3) ศึกษาปริมาณการกัดเซาะหน้าดินและแนวทางการลดการตกตะกอนหน้าฝาย 4) พัฒนากลไกเพื่อจัดสรรน้ำโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ชลประทานตามเวลาจริง ผลการศึกษาพบว่าลุ่มน้ำคลองสวนหมากมีพื้นที่ทั้งหมด 758,395 ไร่ มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 267,515 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางตอนล่างของลุ่มน้ำ พืชที่สำคัญของลุ่มน้ำคือ มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว ข้าวโพด มีฝนตกเฉลี่ย 1,257 มม./ปี หรือ 1,502 ล้าน ลบ.ม./ปี แบ่งเป็นปริมาณการคายระเหยน้ำ ปริมาณน้ำผิวดิน และมีปริมาณน้ำที่เติมระบบน้ำใต้ดิน เท่ากับ 796, 610 และ 96 ล้าน ลบ.ม./ปี ความต้องการใช้น้ำในลุ่มน้ำคลองสวนหมาก 389 ล้าน ลบ.ม./ปี โดยมีการใช้น้ำเพื่อการเกษตร 385 ล้าน ลบ.ม./ปี และเพื่อการการอุปโภค-บริโภครวมกับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก 3.6 ล้าน ลบ.ม./ปี มีการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรประมาณ 54,689 ไร่ หรือ 74% ของพื้นที่เกษตรชลประทานทั้งหมด โดยแบ่งเกณฑ์เป็นขาดน้ำน้อย ปานกลางและมากเท่ากับ 9,488, 28,859 และ 16,342 ไร่ ตามลำดับ งานวิจัยได้พัฒนา iWASAM เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยครอบคลุมพื้นที่ชลประทานและพื้นที่รับประโยชน์ทั้งหมด 19 พื้นที่ แต่การติดตามประเมินผลการใช้น้ำจำกัดเฉพาะ 3 พื้นที่ต้นแบบ ได้แก่ 1)พื้นที่ชลประทานของฝายคลองสวนหมาก 2) พื้นที่ชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองไพร และ 3) พื้นที่รับประโยชน์จากแตรหนองปิ้งไก่ นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพของอ่างเก็บน้ำคลองสวนหมากที่มีความจุใช้การ 56.54 ล้าน ลบ.ม. ว่าสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำได้เท่าไร จากการศึกษาพบว่าอ่างฯไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ในลุ่มน้ำคลองสวนหมากอย่างเบ็ดเสร็จ แต่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ถึง 45,201 ไร่ (ร้อยละ 82 ของพื้นที่การขาดแคลนน้ำ) สำหรับปัญหาน้ำท่วมพบว่าพื้นที่น้ำท่วมประจำเกือบทั้งหมดอยู่ในเขตอำเภอเมืองกำแพงเพชร โดยมากกว่า 87 % ของพื้นที่น้ำท่วมอยู่ใน 3 ตำบลคือ นครชุม ทรงธรรมและท่าขุนราม และพื้นที่หลักที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในแต่ละปี เกือบ 60% อยู่ในเขตตำบลนครชุม โดยสามารถสรุปปัญหาน้ำท่วมใน 3 พื้นที่ที่มักประสบปัญหาเป็นประจำ คือ พื้นที่ริมคลองสวนหมากบริเวณบ้านแม่นารี พื้นที่ตามแนวคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายของฝายท่ากระดาน และพื้นที่ตามแนวคลองแม่ค้อ สำหรับข้อเสนอแนะในการแก้ไขน้ำและบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ (1) พื้นที่เกษตรกรรมที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม ต้องปรับระบบการปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้งในด้านระยะเวลาการปลูก ชนิดพืชเพาะปลูก (2) พื้นที่น้ำท่วมบริเวณปลายคลองแม่ค้อ ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำปิงไม่มากสามารถขุดคลองผันน้ำเพื่อระบายน้ำลงแม่น้ำปิงโดยตรง (3) พื้นที่น้ำท่วมฝั่งขวาด้านเหนือน้ำฝายหนองปิ้งไก่ จะต้องมีการสำรวจแนวทางการป้องกันตลิ่งโดยสร้างคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบริเวณตำบลแม่นารี ขณะเดียวกันแนวคิดในการระบายตะกอนที่ฝายหนองปิ้งไก่ โดยใช้ฝายพับได้อาจจจะช่วยลดปัญหาน้ำท่วมบริเวณพื้นที่นี้ได้ เนื่องจากจะช่วยลดปัญหาการตื้นเขินของลำน้ำคลองสวนหมากอันมีสาเหตุมาจากตะกอนทับถม และ (4) จัดให้มีระบบเตือนภัยน้ำท่วมโดยอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนท ปัญหาการกัดเซาะหน้าดินและการตกตะกอนหน้าฝาย จากพบว่ามีปริมาณการกัดเซาะหน้าดินทั้งลุ่มน้ำที่ 2,988,055 ตันต่อปี จากพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งหมด 758,395 ไร่ โดยพื้นที่บริเวณเหนือฝายคลองสวนหมากมีการกัดเซาะหน้าดินทั้งหมด 1,809,594 ตัน/ปี บนพื้นที่ 328,533 ไร่ คิดเป็นอัตราการกัดเซาะเฉลี่ย 5.51 ตัน/ไร่/ปี อยู่ในเกณฑ์ระดับการกัดเซาะปานกลาง และในพื้นที่ตอนล่างฝายคลองสวนหมากมีการกัดเซาะทั้งหมด 1,178,461 ตัน/ปี ในพื้นที่ 429,862 ไร่ คิดเป็นอัตราการกัดเซาะเฉลี่ย 2.74 ตัน/ไร่/ปี อยู่ในเกณฑ์ระดับการกัดเซาะน้อย การวิเคราะห์ปริมาณตะกอนของลุ่มน้ำคลองสวนหมากจากผลลัพธ์ที่ได้จากแบบจำลอง SWAT ได้เลือกตำแหน่งการวิเคราะห์ 3 จุด ได้แก่ สถานี P.47 สถานี P.26A และจุดบรรจบแม่น้ำปิง โดยผลจากการศึกษาพบว่าที่สถานี P.47 มีปริมาณตะกอนเฉลี่ยรายปีเท่ากับ 246,129.23 ตัน สถานี P.26A มีปริมาณตะกอนเฉลี่ยรายปีเท่ากับ 380,053.52 ตัน และผลจากการตรวจวัดพบว่ามีตะกอนที่ไหลผ่านฝายพบว่าตะกอนที่ไหลผ่านฝายท่ากระดานและฝายคลองสวนหมากประมาณ 253,983.58 และ 281,815.36 ตัน/ปี ตามลำดับ จากการประเมินพื้นที่พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังและกำหนดเป็นพื้นที่อนุรักษ์ดินอย่างเร่งด่วน ได้แก่ พื้นที่ด้านตอนเหนือฝายคลองสวนหมากที่ทำการเกษตรทั้งหมดโดยเฉพาะแปลงที่ปลูกข้าวโพด ส่วนพื้นที่ตอนล่างฝายคลองสวนหมากคือแปลงที่ทำการปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังในพื้นที่หนองปิ้งไก่ ฝายท่าระแนะ ฝายท่ากระดานและจุดแยกนครชุม สำหรับแนวทางการแก้ปัญหานั้นควรดำเนินการดังนี้ บนพื้นที่ความลาดชันของพื้นที่ 2-5 % ให้ใช้วิธีไถพรวนตามแนวระดับควบคู่กับการปลูกพืชขวางความลาดเทของพื้นที่ ถ้าความลาดชันของพื้นที่ 5-12 % ให้ใช้วิธีทำคันดินและคันชะลอความเร็วน้ำและปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาคันดินให้มีความคงทน (หญ้าแฝกสามารถเก็บเกี่ยวใบมาใช้แทนฟางคลุมดินปลูกพืชได้อีกด้วย) ควบคู่กับการปลูกพืชขวางความลาดเทของพื้นที่ และความลาดชันของพื้นที่ 12-35 % ให้ใช้วิธีทำขั้นบันไดดิน (Bench terrace) และคูน้ำรอบเขา เพื่อลดความยาวของความลาดเท ให้เป็นช่วง ๆ และช่วยเก็บกักน้ำหรือระบายน้ำออกไปในทิศทางที่ต้องการลดการไหลบ่าของน้ำ ควบคู่กับการปลูกพืชขวางความลาดเทของพื้นที่ ส่วนแนวทางการการลดตะกอนหน้าฝายนั้นควรดำเนินการดังนี้ เริ่มจากการใช้มาตรการควบคุมการกัดเซาะผิวดิน การสร้างบ่อดักตะกอน การใช้กล่องตาข่าย คันหิน หรือ คันดินเตี้ย ๆ ช่วยดักตะกอนในลำน้ำสาขาก่อนที่จะไหลลงสู่ลำน้ำหลัก การกำจัดตะกอน พืช เศษขยะ และสิ่งกีดขวางอื่น ๆ ที่สะสมไว้สามารถช่วยรักษาสภาพการไหลที่ต้องการและป้องกันไม่ให้ตะกอนสะสมที่หน้าฝาย การขุดลอกตะกอนหน้าฝายเป็นประจำทุกปีในช่วงน้ำน้อย การทำให้ตลิ่งลำน้ำมีเสถียรภาพ และการสร้างประตูระบายทรายเพื่อช่วยระบายทรายหน้าฝาย ส่วนการพัฒนากลไกเพื่อจัดสรรน้ำโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชลประทานตามเวลาจริง งานวิจัยนี้ได้วางแผนใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยซึ่งได้แก่การพัฒนา iWASAM นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งสถานีติดตามสภาพน้ำแบบอัตโนมัติด้วยกล้องวงจรปิดตามตำแหน่งที่สำคัญโดยข้อมูลต่าง ๆ จะถูกแสดงผลให้ทุกคนสามารถเข้าไปดูได้สะดวกและเป็นปัจจุบัน ประกอบกับการจัดทำผังน้ำของลุ่มน้ำคลองสวนหมากบน Google Mapทำให้เจ้าที่ฝ่ายรัฐและสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำสามารถสามารถดูข้อมูลผ่าน แพลทฟอร์มของ Google ได้ตลอดเวลา ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นข้อมูลเดียวกัน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดสามารถนำมาใช้พิจารณาประกอบการจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมได้ การพัฒนากลไกดังกล่าวนี้มีขั้นตอนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนได้แก่ สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำ ผู้นำกลุ่ม เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดจะเข้ามามีบทบาทโดยการให้ข้อมูลและเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการนำกลไกที่พัฒนาขึ้นไปใช้ประโยชน์ต่อไป ดังจะเห็นได้ว่างานวิจัยปีที่ 1 และ 2 ครอบคลุมการแก้ปัญหาภัยแล้ง คุณภาพน้ำ แนวทางการป้องกันการกัดเซาะดินและการตกตะกอนในลำน้ำค่อนข้างจะสมบูรณ์โดยมีระบบ iWASAM ช่วยบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้น งานวิจัยยังไม่มีระบบใด ๆ เพื่อจะช่วยบริหารจัดการ เพียงแต่งานวิจัยปีที่ 1 และ 2 นั้นสามารถประเมินความรุนแรง ช่วงเวลา พื้นที่ ของการเกิดน้ำท่วมในลุ่มน้ำคลองสวนหมากได้ ดังนั้นหาก iWASAM สามาถช่วยแจ้งเตือนภัยกรณีมีน้ำหลากเข้ามาในพื้นที่ก็จะทำให้ ประชาชนสามารถเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยน้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยในปีที่ 3 นั้นควรจะดำเนินการพัฒนาระบบ iWASAM พร้อมพัฒนาเครื่องมือ ให้สามารถใช้แจ้งเตือนภัยน้ำท่วม โดยจะได้ทำการติดตั้งสถานีวัดน้ำอัตโนมัติในตำแหน่งพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ติดตั้งกล้องวงวรปิดโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชลประทานหรือเจ้าหน้าที่จากกรมอื่นที่เกี่ยวข้องได้เห็นสภาพน้ำหลากจริง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: ลุ่มน้ำย่อย
คำสำคัญ (EN): Subbasin
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยเพื่อพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืน กรณีศึกษาลุ่มน้ำคลองสวนหมาก ปีที่2
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2565
การพัฒนาระบบอาหารของประเทศไทย: การวิเคราะห์และพัฒนาระบบอาหารตลอดห่วงโซ่คุณค่าในมิติด้านความยั่งยืน การวิจัยและพัฒนาเพื่อลดต้นทุนแรงงานภาคการเกษตรและใช้ประโยชน์จากเปลือกและเศษเหลือของพืชกัญชงเชิงพาณิชย์ โครงการปรับปรุงพัฒนาระบบรายงานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ระดับหมู่บ้าน เพื่อเพิ่ม ศักยภาพการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำขนาดเล็กและคาดการณ์ผลผลิตการเกษตรเชิงพื้นที่ ระบบแจ้งเตือนน้ำเค็มรุกล้ำและตรวจวัดคุณภาพน้ำออนไลน์กลุ่มเกษตรกรตำบลขนาบนากอำเภอปากพนัง การพัฒนาแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์สำหรับการพยากรณ์ดัชนีความแห้งแล้งและระบบสนับสนุนการตัดสินใจการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ การจัดทำระบบคาดการณ์คุณภาพและเตือนภัยวิกฤตคุณภาพน้ำเค็มแบบหลายระดับความละเอียดในพื้นที่บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ (ปีที่ 2) การพัฒนาสายพันธุ์ปลานิลให้มีการเจริญเติบโตดีและทนทานต่อโรคสเตรปโตคอคโคซิสด้วยระบบอินทรีย์ การค้นหาสมุนไพรยับยั้งการทำงานของโปรตีน protease จาก COVID-19 โดยใช้โคโรนาไวรัส จากแมวเป็นต้นแบบในการยับยั้งและต้านการอักเสบ การพัฒนาเพื่อยกระดับการผลิตกาแฟและผลิตภัณฑ์จากกาแฟของกลุ่มผู้ปลูกโรบัสต้าพันธุ์พื้นเมืองในเขตพื้นที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา การพัฒนากระบวนการแปรรูปและการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์กะปิปลาไส้ตันตาแดงโดยใช้วิธีการทำแห้งแบบดั้งเดิมและวิธีการทำแห้งด้วยตู้อบลมร้อน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก