สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในกระชัง
เทพรัตน์ อึ้งเศรษฐพันธ์ - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การศึกษาระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในกระชัง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เทพรัตน์ อึ้งเศรษฐพันธ์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Theapparath Ungsethaphand
คำสำคัญ:
บทคัดย่อ: การศึกษาระบบการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (Macrobranchium rosenbergii) ที่เหมาะสมในกระชัง โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 6 การทดลอง วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของความหนาแน่นอัตราการให้อาหาร ความถี่ในการให้อาหาร และการเสริมวิตามินซี ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต อัตราการแลกเนื้อ และอัตรารอดของลูกกุ้งก้ามกราม (P3) ในกระชังที่ซึงในบ่อดิน ผลการทดลองพบว่า ลูกกุ้งก้ามกรามที่อนุบาลด้วยระดับความหนาแน่น 200 ตัว/ตร.ม. ความถี่ในการให้อาหาร 3 ครั้ง/วัน อัตราการให้อาหาร 15 %ของน้ำหนักตัว/วัน ส่งผลดีต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและอัตรารอดของลูกกุ้ง อย่างไรก็ตามเมื่อลดอัตราการให้อาหารเป็น 10%ของน้ำหนักตัว/วัน เหมาะสมต่อการอนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามที่ระดับความหนาแน่นสูง (600 ตัว/ตร.ม.) การเสริมวิตามินซีในระดับ 2% ของน้ำหนักอาหาร จะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและอัตรารอดของลูกกุ้ง การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่เหมาะสมในกระชัง ควรเลี้ยงด้วยระดับความหนาแน่น 5 ตัว/ตร ม. เพราะในระดับนี้ส่งผลดีในการผลิตกุ้งใหญ่เพื่อจำหน่าย ทั้งด้านการเจริญเติบโตและอัตราการแลกเนื้อของกุ้ง
บทคัดย่อ (EN): Six separate trials were conducted to study on the appropriate cage culture systems for freshwater prawn (Macrobrachium rosenbergii). The aims of this study were to examine the effect of stocking density, feeding ration, feeding frequency and vitamin C supplementation on growth performance, feed efficiency (FCR) and survival of postlarvae (PL20) of M. rosenbergii in cage fixed in side an earthen pond. Enhanced weight gain and survival rate of the prawn were generally observed in prawn at the density of 200 PLs/m with feeding frequency and feeding ration 3 time/day and 15% bw/day respectively. However, the reduction or feeding ration to 10% bw/day seems to be suitable for nursing in high density (600 PLs/m2) Prawn fed the diet with 2% L-ascorbic acid on nursery phase culture were found to have higher growth and survival performance. After the nursery phase culture, a density of 5 prawn/m2 was showed the higher growth rate and improved feed efficiency as well as meet to the marketable size.
แผนยุทธศาสตร์งานวิจัย – ระดับกระทรวง: คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ
เลขทะเบียนวิจัยกรม: มจ.1-49-002.2
ชื่อแหล่งทุน: งบประมาณแผ่นดินมหาวิทยาลัยแม่โจ้
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2550
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2550
เอกสารแนบ: http://webpac.library.mju.ac.th:8080/mm/fulltext/research/2552/Niwut_Wongchai_2550/chapter%202.pdf
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในกระชัง
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2550
เอกสารแนบ 1
เอกสารแนบ 2
การศึกษาระบบอาหารเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในกระชัง ระบบการเลี้ยงแบบรวมสำหรับการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อดิน ศึกษาระบบการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในร่องสวนผลไม้ จ.เชียงใหม่ การศึกษาแหล่งที่มาและการใช้แร่ธาตุหลักในการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม(Macrobrachium rosenbergii) และกุ้งขาว (Litopenaeus vanamei)ในระบบการเลี้ยงแบบปิด การศึกษาระบการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในร่องสวนผลไม้ จังหวัดเชียงใหม่ การใช้มันสำปะหลังผสมในอาหารสำหรับเลี้ยงปลาแรดในกระชัง การพัฒนาศักยภาพของระบบการผลิตกุ้งก้ามกรามในเขตภาคเหนือ ระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของปลาบึก และการลดกลิ่นโคลนในเนื้อปลาบึก การเสริมแร่ธาตุให้ลูกกุ้งก้ามกรามในการอนุบาลในน้ำเค็มที่มีระบบหมุนเวียนแบบปิด การเพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามในบ่อดิน โดยเลี้ยงร่วมกับวัสดุเทียมเพื่อเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยขณะกุ้งลอกคราบ

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก