สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาคุณสมบัติทางพื้นผิวของเยื่อโครงสร้างผสมโพลีคาโปรแลคโตนสำหรับวิศวกรรมเนื้อเยื่อ
Pantanee Intarat - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การศึกษาคุณสมบัติทางพื้นผิวของเยื่อโครงสร้างผสมโพลีคาโปรแลคโตนสำหรับวิศวกรรมเนื้อเยื่อ
ชื่อเรื่อง (EN): scaffold for tissue engineering
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pantanee Intarat
บทคัดย่อ: ปัจจุบันเยื่อโครงสร้างสำหรับสร้างเนื้อเยื่อทดแทนกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ เนื่องจากความสามารถในการสร้างเนื้อเยื่อในลักษณะสามมิติ ในการศึกษานี้เลือกใช้โพลีคาโปรแลคโตน เนื่องจากมีความความเป็นพิษน้อย มีความเข้ากันทางชีวภาพที่ดี มีคุณสมบัติเชิงกลที่เหมาะสมสำหรับทั้งเนื้อเยื่อ อ่อน เนื้อเยื่อแข็งและมีราคาถูก เยื่อโครงสร้างถูกเตรียมโดยวิธี electrospinning และ solvent casting/salt leaching และมีการศึกษาการปรับปรุงคุณสมบัติทางพื้นผิวของเยื่อโครงสร้างโดยการเติม สารอินทรีย์ ได้แก่ collagen, chitosan, chondroitin sulfate, gelatin and glucosamine HCL เพื่อให้ได้พื้นผิวที่มีคุณสมบัติชอบน้ำ การศึกษาคุณสมบัติของเยื่อโครงสร้างประกอบด้วยการวิเคราะห์ภาพถ่าย กล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอนชนิดส่องกราด, การวัด water contact angle โดยใช้ contact angle goniometer, การวัดความขรุขระโดยอาศัย Atomic Force Microscopy, ความสามาถในการอุ้มน้ำ, อัตราการย่อยสลาย, การหาสารตกค้างของตัวทำละลายในเยื่อโครงสร้างโดยใช้ Fourier Transform Infrared spectrum และการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้เยื่อโครงสร้างในวิศวกรรมเนื้อเยื่อโดยดูการ เจริญเติบโตของเซลล์ตับในหลอดแก้ว จากการศึกษา พบว่า electrospinning เป็นวิธีที่ใช้สร้างเยื่อโครงสร้างได้แต่ solvent casting/salt leaching เป็นวิธีที่ง่ายกว่าและสามารถควบคุมความพรุนได้ และการเติมสารอินทรีย์ลงใน สารละลายโพลิเมอร์สามารถเปลี่ยนลักษณะของพื้นผิวได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงลักษณะของพื้นผิวมีผลต่อ wettability โดยที่ collagen เป็นสารอินทรีย์ที่ให้ผลการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดในการปรับปรุง ความชอบน้ำ ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความสามารถในการอุ้มน้ำและอัตราการย่อยสลาย ผลการทดลองแสดง ให้เห็นว่า ไม่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในแต่ละตัวอย่าง ทั้งนี้ เยื่อโครงสร้างที่ได้สามารถนำไปใช้ในการ สร้างเนื่อเยื่อแบบสามมิติได้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า เซลล์ตับสามารถเกาะและเจริญเติบโตบนเยื่อ โครงสร้างผสมทั้งหมดได้
บทคัดย่อ (EN): -caprolactone) is chosen in this research due to its lack of toxicity, good biocompatibility and good mechanical properties for soft and hard tissue and low cost. Scaffolds were prepared using electrospinning technique and solvent casting/salt leaching method. These scaffolds were then modified using collagen, chitosan, chondroitin sulfate, gelatin and glucosamine HCL to improve hydrophilicity of the surface. Scaffold morphology, water contact angle and surface roughness were examined using a Scanning Electron Microscope, contact angle goniometer, and Atomic Force Microscopy, respectively. The scaffolds were also tested for the %water uptake and enzymatic degradation rate. Fourier Transform-Infrared spectra were used to determine the residual chloroform in the scaffolds. The scaffolds were studied for possible use in tissue engineering by in vitro hepatocyte cell culturing. Electrospinning is an alternative technique to fabricate scaffolds. However, solvent casting/salt leaching is the attractive method due to its easy processing and controllable porosity. The results showed that blending organic additives into polymer solutions can change surface morphology. The surface morphology affects surface hydrophobicity. Collagen showed a significant improvement of surface wettability. The other properties such as swelling ratio and degradation rate showed no significant differences between each sample. The obtained scaffolds can be used as a template for three dimensional tissue growth. It seems that cells can attach and proliferate well on all the composite scaffolds
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3633&obj_id=5111
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Tissue engineering
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ปัจจุบันเยื่อโครงสร้างสำหรับสร้างเนื้อเยื่อทดแทนกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ เนื่องจากความสามารถในการสร้างเนื้อเยื่อในลักษณะสามมิติ ในการศึกษานี้เลือกใช้โพลีคาโปรแลคโตน เนื่องจากมีความความเป็นพิษน้อย มีความเข้ากันทางชีวภาพที่ดี มีคุณสมบัติเชิงกลที่เหมาะสมสำหรับทั้งเนื้อเยื่อ อ่อน เนื้อเยื่อแข็งและมีราคาถูก เยื่อโครงสร้างถูกเตรียมโดยวิธี electrospinning และ solvent casting/salt leaching และมีการศึกษาการปรับปรุงคุณสมบัติทางพื้นผิวของเยื่อโครงสร้างโดยการเติม สารอินทรีย์ ได้แก่ collagen, chitosan, chondroitin sulfate, gelatin and glucosamine HCL เพื่อให้ได้พื้นผิวที่มีคุณสมบัติชอบน้ำ การศึกษาคุณสมบัติของเยื่อโครงสร้างประกอบด้วยการวิเคราะห์ภาพถ่าย กล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอนชนิดส่องกราด, การวัด water contact angle โดยใช้ contact angle goniometer, การวัดความขรุขระโดยอาศัย Atomic Force Microscopy, ความสามาถในการอุ้มน้ำ, อัตราการย่อยสลาย, การหาสารตกค้างของตัวทำละลายในเยื่อโครงสร้างโดยใช้ Fourier Transform Infrared spectrum และการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้เยื่อโครงสร้างในวิศวกรรมเนื้อเยื่อโดยดูการ เจริญเติบโตของเซลล์ตับในหลอดแก้ว จากการศึกษา พบว่า electrospinning เป็นวิธีที่ใช้สร้างเยื่อโครงสร้างได้แต่ solvent casting/salt leaching เป็นวิธีที่ง่ายกว่าและสามารถควบคุมความพรุนได้ และการเติมสารอินทรีย์ลงใน สารละลายโพลิเมอร์สามารถเปลี่ยนลักษณะของพื้นผิวได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงลักษณะของพื้นผิวมีผลต่อ wettability โดยที่ collagen เป็นสารอินทรีย์ที่ให้ผลการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดในการปรับปรุง ความชอบน้ำ ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความสามารถในการอุ้มน้ำและอัตราการย่อยสลาย ผลการทดลองแสดง ให้เห็นว่า ไม่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในแต่ละตัวอย่าง ทั้งนี้ เยื่อโครงสร้างที่ได้สามารถนำไปใช้ในการ สร้างเนื่อเยื่อแบบสามมิติได้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า เซลล์ตับสามารถเกาะและเจริญเติบโตบนเยื่อ โครงสร้างผสมทั้งหมดได้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาคุณสมบัติทางพื้นผิวของเยื่อโครงสร้างผสมโพลีคาโปรแลคโตนสำหรับวิศวกรรมเนื้อเยื่อ
Pantanee Intarat
มหาวิทยาลัยมหิดล
2549
การผลิตกระดาษผิวกล่องจากเยื่อกล้วยน้ำว้าผสมเยื่อแปรใช้ใหม่ การแยกบริสุทธิ์และคุณสมบัติของโพลีแซคคาไรด์จากเห็ดกินได้ การใช้โครงร่างเจลาตินสำหรับวิศวกรรมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน การศึกษาตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อคุณสมบัติของอิฐซีเมนต์ผสมเถ้าแกลบขาวและเยื่อกระดาษ การศึกษาคุณสมบัติซีเมนต์ผสมขี้เถ้าแกลบ การพัฒนาวิธีจีซี-เอ็มเอสสำหรับการวิเคราะห์ยาปฏิชีวนะเบต้าแลคแตมในเนื้อเยื่อสัตว์ การศึกษาคุณสมบัติของดินกระจายตัวผสมยิปซัม การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมของการเก็บรักษากระดูกอ่อนเพื่อใช้ในวิศวกรรมเนื้อเยื่อ การศึกษาคุณสมบัติโครงสร้างผ้าทอต่อการลดเจาะทะลุของกระสุนปืน การปรับปรุงขั้วไฟฟ้าคาร์บอนเพสโดยเฮมีนและโพลีไพโรลฟิล์มสำหรับตรวจวัดฟอสเฟตในแหล่งน้ำธรรมชาติ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก