สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของปาล์มน้ำมันในพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่จังหวัดชุมพร
วิรัชนก กลิ่นสัมผัส - สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของปาล์มน้ำมันในพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่จังหวัดชุมพร
บทคัดย่อ: การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ (Water Footprint) ของปาล์มน้ำมันในพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำบัญชีรายการการใช้น้ำของปาล์มน้ำมันเพื่อศึกษาปริมาณการใช้น้ำของปาล์มน้ำมันและประเมินมูลค่าน้ำทางเศรษฐกิจและเปรียบเทียบผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ปี 2558 ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เกษตรกรสมาชิกทุกราย จำนวน 63 ราย โดยใช้หลักการประเมินวัฏจักรชีวิตแบบ Cradle to Grave ของปาล์มน้ำมันตั้งแต่แรกปลูกจนถึงอายุ 25 ปี มีผลการศึกษาดังนี้ วอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของปาล์มน้ำมันในพื้นที่ส่งเสริมแบบแปลงใหญ่ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร มีปริมาณการใช้น้ำของการผลิตปาล์มน้ำมัน 1 ตัน เท่ากับ 831.28 ลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นปริมาณการใช้น้ำฝน (Green Water Footprint) เท่ากับ 482.41 ลูกบาศก์เมตรต่อตัน (ร้อยละ 58) และปริมาณน้ำชลประทาน (Blue Water Footprint) เท่ากับ 348.87 ลูกบาศก์เมตรต่อตัน (ร้อยละ 42) หรือหากพิจารณาเป็นพื้นที่การปลูกปาล์มน้ำมัน 1 ไร่ มีปริมาณการใช้น้ำ เท่ากับ 2,157.36 ลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นปริมาณการใช้น้ำฝนเท่ากับ 1,251.96 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ (ร้อยละ 58) และปริมาณการใช้น้ำชลประทาน 905.40 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ (ร้อยละ 42) มีค่าฟุตพริ้นท์การขาดแคลนน้ำ (Water Scarcity Footprint) เท่ากับ 23.37 ลูกบาศก์เมตรน้ำเทียบเท่า ซึ่งมีค่าไม่มากไม่เกิดความตึงเครียดในการแย่งน้ำเมื่อเปรียบเทียบกับลุ่มน้ำภาคอื่นๆ การประเมินมูลค่าน้ำทางเศรษฐกิจและเปรียบเทียบผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยมีการคำนวณต้นทุนการผลิตที่รวมต้นทุนค่าน้ำต้องคิดจากปริมาณน้ำที่เกษตรกรต้องจัดหา ได้แก่ น้ำชลประทานทำให้ต้นทุนการผลิตมีค่าใช้จ่ายค่าน้ำเพิ่มขึ้น 452.70 บาทต่อไร่ ส่วนการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจต่อปริมาณการใช้น้ำ (Water Footprint Income: WFI) หากมีการจัดสรรหรือลงทุนปริมาณน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตรเพื่อมาให้การผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร จะได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ไร่ละ 2.01 บาท ซึ่งถือว่าน้ำมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนหากใช้เทียบกับค่าน้ำของกรมชลประทานที่คิดลูกบาศก์เมตรละ 0.50 บาท หรือลงทุน 0.50 บาท ได้ผลตอบแทนไร่ละ 2.01 บาท คิดเป็น 4.02 เท่าของเงินลงทุน ข้อเสนอแนะจากการศึกษา ดังนี้ 1) เกษตรกรควรมีการปรับตัวกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากบางปีอาจจะขาดน้ำ บางปีมีน้ำท่วม หรือบางปีในฤดูแล้งขาดน้ำแต่ปลายปีฤดูฝนเกิดน้ำท่วม ควรหาความรู้เพิ่มเติมและนำมาปรับใช้ในสวนของตนเอง 2) ปาล์มน้ำมันมีความต้องการใช้น้ำสูงการขยายพื้นที่เพาะปลูกมีความจำเป็นต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้านปริมาณน้ำฝนและระบบชลประทานหรือน้ำผิวดินในพื้นที่นั้นๆ ด้วย เพราะความต้องการน้ำชลประทานสูงทำให้ต้องมีต้นทุนการเพาะปลูกที่สูงขึ้นด้วย 3) ควรนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ เช่น เครื่องตรวจวัดความชื้นในดิน การให้น้ำแบบสปริงเกอร์ แบบน้ำหยด การส่งน้ำแบบท่อเพื่อการเกษตร 4) สำหรับเกษตรกรที่จะเลือกปลูกพืชครั้งต่อไปควรคำนึงถึงความสามารถในการจัดหาน้ำเพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของพืชในพื้นที่นั้นๆ 5) ผู้จัดการแปลงใหญ่ควรพิจารณามูลค่าผลตอบแทนที่จะได้รับจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและความคุ้มค่าที่จะลงทุนด้านน้ำ
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
คำสำคัญ: ชุมพร
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของปาล์มน้ำมันในพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่จังหวัดชุมพร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
30 กันยายน 2559
การทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ปีที่3 การทดสอบและสาธิตเทคโนโลยีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ปีที่3 การผลิตถ่านกัมมันต์จากกะลาปาล์ม การศึกษาการบริหารจัดการแปลงปาล์มน้ำมันเพื่อเพิ่มผลผลิตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แบบหล่อคอนกรีตจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของข้าวในพื้นที่โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่จังหวัดสงขลา การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของการปลูกข้าว ในพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จังหวัดลพบุรี ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรรายย่อยในจังหวัดชุมพร การศึกษาวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของอ้อยพันธุ์ ขอนแก่น 3 ปี 2559 เรื่อง การศึกษาคาร์บอนฟุตพริ้นท์และวอเตอร์ฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์จากยางพารา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก