สืบค้นงานวิจัย
การให้ผลผลิตของดอกพระจันทร์ (Ipomoea alba) และการสะสมสารต้านอนุมูลอิสระ
นภาพร ยังวิเศษ - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การให้ผลผลิตของดอกพระจันทร์ (Ipomoea alba) และการสะสมสารต้านอนุมูลอิสระ
ชื่อเรื่อง (EN): Yield Performance of Moonflower (Ipomoea alba) and Antioxidant Accumulation
บทคัดย่อ: ดอกพระจันทร์ (Ipomoea alba L.) เป็นพืชผักรับประทานดอกตูมที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ข้อมูลทางการเขตกรรมยังมีค่อนข้างน้อย ในงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเจริญเติบโต การให้ผลผลิต และสารต้านอนุมูลอิสระของดอกพระจันทร์ เมื่อปลูกในโรงเรือนพรางแสง 50% เปรียบเทียบกับการไม่พรางแสง โดยทดลองในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2553 พบว่า ดอกพระจันทร์ที่พรางแสงมีการเจริญเติบโตได้ดีกว่าการไม่พรางแสงอย่างมีนัยสำคัญ การพรางแสงสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตดอกตูมได้เร็วและให้ผลผลิตสูงกว่าการไม่พรางแสง โดยเก็บเกี่ยวผลผลิตจนถึงอายุ 103 วันหลังย้ายปลูก การพรางแสงให้ดอกรวม 128.90 ดอกต่อต้น และน้ำหนักดอกรวม 440.71 กรัมต่อต้น ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับการไม่พรางแสง ที่มีจำนวนดอกรวม 67.40 ดอกต่อต้น และน้ำหนักดอกรวม 225.10 กรัมต่อต้น การพรางแสงมีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH สูงกว่าการไม่พรางแสงอย่างมีนัยสำคัญ ศึกษาอิทธิพลของวันปลูกและระยะปลูกต่อการออกดอกและการให้ผลผลิตของดอกพระจันทร์ โดยปลูกในเดือนพฤศจิกายน 2553 และเดือนมิถุนายน 2554 มี 3 ระยะปลูก คือ 75 x 50 75 x 70 และ 75 x 100 ซม. พบว่าการปลูกในเดือนตุลาคม ตาดอกเกิดที่ข้อต่ำ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และให้ผลผลิตสูงกว่าเดือนมิถุนายน ส่วนระยะปลูกไม่มีผลต่อการออกดอกและการให้ผลผลิตของดอกพระจันทร์ ศึกษาผลของปุ๋ยคอกต่อการเจริญเติบโต ผลผลิต และสารต้านอนุมูลอิสระของดอกพระจันทร์ โดยปลูกในกระถางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 ซม. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ให้ปุ๋ยคอก อัตรา 25 50 100 200 และ 400 กรัมต่อกระถาง เปรียบเทียบกับการให้ปุ๋ยเคมี อัตรา 20 กรัมต่อกระถาง พบว่า การให้ปุ๋ยเคมี ดอกพระจันทร์มีการเจริญเติบโตเร็ว และให้ผลผลิตสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญ การให้ปุ๋ยคอกอัตรา 400 กรัมต่อกระถาง มีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงกว่าการให้ปุ๋ยคอกอัตราอื่น แต่ปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในทุกสิ่งทดลอง ศึกษาพัฒนาการของดอก โดยผูกดอกตูมความยาว 1 ซม. เก็บเกี่ยวดอกตูมทุกวันจนถึงวันดอกบาน ในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน 2557 พบว่า ดอกตูมมีพัฒนาการจนถึงดอกบานนานที่สุด 17 วัน ในเดือนมีนาคม และเมษายน รองลงมาคือ 16 วันในเดือนกุมภาพันธ์ และสั้นที่สุด 15 วันในเดือนมกราคม 16 วัน ในเดือนพฤศจิกายน และสั้นที่สุด 15 วัน ในเดือนธันวาคม ดอกตูมมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ในช่วงอายุ 1 ถึง 9 วันหลังเกิดตาดอก หลังจากนั้นความยาวและน้ำหนักสดของดอกตูมจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดอกตูมมีความยาวและน้ำหนักสดสูงสุด เมื่ออายุ 1 วันก่อนดอกบาน และในช่วงกลางวันของวันที่ดอกจะบาน โดยกลีบดอกจะเริ่มบานในเย็นวันนั้น คือตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป และหุบในเช้าวันถัดมา ศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยเก็บดอกที่มีความยาว 6 8 10 12 และ 14 ซม. ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2557 พบว่า ดอกขนาด 12 และ 14 ซม. ที่เก็บเกี่ยวทั้งสี่เดือน มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH สูงสุด ดังนั้นจึงควรเก็บเกี่ยวดอกตูมเมื่ออายุ 1 วันก่อนดอกบานหรือในช่วงกลางวันก่อน 15.00 น. ของวันที่ดอกบาน โดยมีความยาวดอกตูมมากกว่า 10 ซม. ศึกษาความมีชีวิตของเรณูและระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเรณูของดอกพระจันทร์ โดยเก็บเรณูมาทดสอบความมีชีวิตในช่วงเดือนธันวาคม 2553 ถึงมกราคม 2554 ด้วยวิธีทดสอบ 2 วิธี คือ in vitro germination test และ tetrazolium test พบว่าวิธี in vitro germination test ไม่สามารถชักนำให้หลอดเรณูงอกบนอาหารเพาะเลี้ยงได้ แต่เรณูย้อมติดสีแดงได้ดีเมื่อใช้วิธี tetrazolium test โดยพบว่าอัตราความมีชีวิตของเรณูจากอับเรณูแต่ละอับในดอกเดียวกันและจากต่างดอกกันในวันที่ดอกบานมีค่ามากกว่า 90% และไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และควรเก็บเรณูจากดอกที่บานในเวลา 18.00 น ศึกษาพัฒนาการของผลและเมล็ด เพื่อกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ของดอกพระจันทร์ โดยปลูกในเดือนตุลาคม 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 พบว่า เมื่ออายุ 10-38 วันหลังดอกบาน เมล็ดมีน้ำหนักแห้งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีความชื้นสูง น้ำหนักแห้งของเมล็ดสูงสุด เมื่ออายุ 30 วันหลังดอกบาน ซึ่งเป็นระยะสุกแก่ทางสรีรวิทยาของเมล็ด แต่ที่ระยะนี้เมล็ดยังไม่งอก และมีความชื้นค่อนข้างสูง 51.53% เมื่ออายุ 42 วันหลังดอกบาน ผลเริ่มแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เมล็ดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล น้ำหนักแห้งของเมล็ดลดลง และเมล็ดเริ่มงอกโดยมีความงอก 36.25% เมล็ดงอกสูงสุดที่อายุ 46 และ 50 วันหลังดอกบาน โดยมีความงอกเท่ากับ 57.50% และ 56.25% มีความชื้น 17.01% และ 12.54% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามที่อายุ 46 วันหลังดอกบานยังคงพบเมล็ดตายสูงถึง 28.75% และมีเมล็ดแข็ง 2.50% ในขณะที่อายุ 50 วันหลังดอกบาน พบเมล็ดตายเพียง 8.75% แต่มีเมล็ดแข็ง 22.5% ดังนั้นระยะที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวเมล็ดดอกพระจันทร์คือที่อายุ 46-50 วันหลังดอกบาน
บทคัดย่อ (EN): The young flower buds of moonflower (Ipomoea alba L.) has been consumed as vegetable and become popular in recent year. Cultivation data, however, are still limited. The aim of this study was to investigate growth, yield performance and antioxidant capacity of moonflower grown under 50% shading comparing to non-shading. The experiment was done during August to November 2010. Results revealed that growth of moonflower was significantly higher in shading than non-shading. The young flowers could be harvested earlier and exhibited higher yield in shaded than non-shaded conditions. The total number and weight of young flowers harvesting until 103 days after planting were significantly higher in shading than non-shading as 128.90 flowers/plant and 440.71 g/plant showed in shading, and 67.40 flowers/plant and 225.10 g/plant occurred in non-shading. Total phenolic content and DPPH radical scavenging capacity were significantly higher in shading than non-shading. Effect of planting date and spacing on flowering and yield performance of moonflower was studied. The plants were grown in October 2010 and June 2011 with 3 spacing, 75 x 50, 75 x 70 and 75 x 100 cm. Results showed that planting in November exhibited the lower node of flower bud initiation, earlier harvest and higher yield than that planting in June. However, spacing had no effect on flowering and yield of moonflower. Effect of organic manures on growth, yield and antioxidant capacity of moonflower was examined. The plants were grown in 30 cm diameter pots during November 2012 to February 2013. Organic manures were applied for 25, 50, 100, 200 and 400 g/pot comparing to 20 g/pot inorganic fertilizer. Chemical fertilizer application gave the significantly highest growth and yield. Application organic manure for 400 g/pot exhibited the higher growth and yield than the other application rates. But total phenolic content and DPPH radical scavenging capacity were not significantly different among the treatments. Flower development was examined, the 1 cm in length of flower buds were tagged and harvested daily until anthesis from January to April 2014. Flower bud development exhibited the longest time as 17 days in March and April, followed by 16 days in February and the shortest time as 15 days in January. Growth of flower buds slightly increased during 1 to 9 days after budding, thereafter length and fresh weight of flower buds dramatically increased. The longest length and the highest fresh weight of flower buds occurred either at 1 day before anthesis or during daytime on the day of anthesis then corolla started to open in the evening from 5 pm. and closed in the next morning. Antioxdant capacity of the 6, 8, 10, 12 and 14 cm in length of flower bud was determined on January, February, March and April 2014. The 12 and 14 cm in length of flower bud harvested at those three months exhibited the highest total phenolic content and strongest DPPH-based antioxidant capacity. Therefore, flower bud should be harvested at 1 day before anthesis or during daytime before 15.00 pm. on the day of anthesis and the length of flower bud was more than 10 cm. Pollen viability and collecting time of moonflower were determined. Pollens were collected for viability test during December 2010 and January 2011. The two selected tests, in vitro germination test and tetrazolium staining test, have been done to test pollen viability. It was found that using in vitro germination test, the pollen tubes did not germinate on the medium. However, pollen grains turned deep red when tetrazolium test was applied. With tetrazolium test, the pollen viability of different anthers and flowers on the flowering day was higher than 90 % which were not significantly different among the treatments. In addition, the optimum time to collect pollen was at 6 pm. Development of fruits and seeds of moonflower was investigated to determine the optimum seed harvesting time. The plants were grown during October 2012 to February 2013. At 10-38 days after anthesis (DAA), seed dry weight increased sharply and seed moisture contents was high. Maximum of dry weight was reached at 30 DAA which was the physiological maturity (PM). However, seeds at PM did not germinate and seed moisture content was relatively high as 51.53%. At 42 DAA, fruits began to dry and turned brown while seed color changed to yellowish brown. Seed dry weight decreased, and seed germination occurred as 36.25%. Maximum germination percentage showed at 46 and 50 DAA as 57.50% and 56.25% and seed moisture contents as 17.01% and 12.54%, respectively. However, dead and hard seeds were also found 28.75% and 2.50%, respectively at 46 DAA, and 8.75% and 22.5%, respectively at 50 DAA. Therefore, moonflower seeds should be harvested at 46-50 DAA.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คำสำคัญ: การยอมรับการผสมเกสรของเกสรตัวเมีย
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การให้ผลผลิตของดอกพระจันทร์ (Ipomoea alba) และการสะสมสารต้านอนุมูลอิสระ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
30 กันยายน 2556
การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี การศึกษาประสิทธิภาพการสกัดสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชผักพื้นบ้าน ในจังหวัดกำแพงเพชร การรวบรวมสายพันธุ์เห็ดป่าและศึกษาคุณสมบัติ prebiotic และสารต้านอนุมูลอิสระในเห็ดป่าของป่าสะแกราช จังหวัดนครราชสีมา สารยับยั้งจุลินทรีย์และสารต้านอนุมูลอิสระของรา Xylaria และการจำแนกชนิดโดยการใช้ดีเอ็นเอบาร์โค้ด การศึกษาปริมาณสารสำคัญ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสำรับอาหารไทย การศึกษาสมรรถนะการผสมและอิทธิพลทางพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผลผลิตและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ของงา (Sesamum indicum L.) ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของเห็ดป่าเอคโตไมคอร์ไรซาและการระบุชนิดโดยการใช้ดีเอ็นเอบาร์โค้ดดิ้ง (ปีที่ 2) แอสต้าแซนธิน : สารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก การศึกษาสารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ทางชีวภาพของน้ำมันหอมระเหยจากพืช วงศ์กระดังงา ผลของการใช้ไคโตซานและสารสกัดจากขิงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านเชื้อจุลินทรีย์ในเนื้อวัวบด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก