สืบค้นงานวิจัย
ความตระหนักของประชาชนท้องถิ่นที่มีต่อการอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมพื้น
Pensom Pengsombut - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ความตระหนักของประชาชนท้องถิ่นที่มีต่อการอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมพื้น
ชื่อเรื่อง (EN): Pa Mok district, Ang Thong province Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pensom Pengsombut
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับความตระหนัก ปัจจัยที่มีผลต่อความ ตระหนักของประชาชนท้องถิ่น ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะที่มีต่อการอนุรักษ์งานตุ๊กตา ชาววังบ้านบางเสด็จ ใช้วิธีการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้แบบ สอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนท้องถิ่น ต.บางเสด็จ จ.อ่างทอง จำ นวน 270 ครัวเรือน ข้อมูล ที่ได้นำ มาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำ หรับการวิจัยทางสังคมศาสตร์ ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ ศึกษาเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก คือ กลุ่มผู้ผลิต, ผู้จำ หน่าย, ผู้ซื้อ และผู้นำ ชุมชน ผลการศึกษา คือ ประชาชนท้องถิ่นมีความตระหนักของต่อการอนุรักษ์งานตุ๊กตาชาววังบ้านบาง เสด็จระดับตํ่า และพบว่า อาชีพ, การให้คุณค่าต่องานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตุ๊กตาชาววังบ้านบาง เสด็จ และความรู้เกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตุ๊กตาชาววัง เป็นปัจจัยที่มีผลต่อความ ตระหนักอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ระดับการศึกษาและภูมิลำ เนาเดิม เป็นปัจจัยที่มีผล ต่อความตระหนักอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนเพศกับประสบการณ์เกี่ยวกับงาน ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความตระหนักอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ปัญหาและอุปสรรค คือ กลุ่มผู้ผลิตงานขาดความสามัคคี, ที่ตั้งของศูนย์ตุ๊กตาไม่เหมาะสม โครงสร้างการบริหารงานกลุ่มไม่ดีพอ, ผู้นำ กลุ่มขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน, รูปแบบงาน ไม่มีการพัฒนา และผู้ซื้อหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เห็นถึงคุณค่าของงานอย่างแท้จริง ข้อเสนอ แนะจากการวิจัย คือ กลุ่มผู้ผลิตงานต้องสามัคคี, ศูนย์ตุ๊กตาและผู้บริหารกลุ่มต้องปรับเปลี่ยน ทั้ง สถานที่และการบริหารงาน, ควรพัฒนารูปแบบงานโดยเน้นความสมดุลสมจริงผสมผสานกับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมมือกับประชาชนท้องถิ่นในการพัฒนาผลงาน และต้องมีความตระหนักและมีจิตสำ นึกในการอนุรักษ์งานอย่างจริงจัง
บทคัดย่อ (EN): This research studied the levels of awareness of local people conservation of the folk arts and crafts called Baan Bang Saded royal dolls. Research also investigated the factors affecting the awareness of local people concerning on conserving Baan Bang Saded Royal dolls and the problems, obstacles and suggestions for increasing awareness of Baan Bang Saded Royal doll conservation. The study looked at both quantitative and qualitative data. Quantitative data was collected by questionnaire. The study population was local people, 270 households who have a house in Tambon Bang Saded, Pa Mok district, Ang Thong province Thailand. The Statistical Package for Social Sciences (SPSS) was used for data analysis. In addition, qualitative data was collected by in-depth interview and was analyzed by descriptive approach. The samples were producers, dealers, consumers, and community leaders. The study concluded that the majority of local people had on awareness of Baan Bang Saded Royal doll conservation at a low level and found that occupation, actual and social value of Baan Bang Saded royal dolls folk arts and crafts and knowledge about the folk arts and crafts of royal dolls made a significant difference to the awareness of Baan Bang Saded royal doll conservation (P-value<0.001). Moreover, education and place of residence made a significant difference to the awareness of Baan Bang Saded royal doll conservation (P-value<0.01). Additionally, sex and experience with Baan Bang Saded royal doll made a significant difference to the awareness about Baan Bang Saded royal doll conservation (P-value<0.05). The problems and obstacles to awareness of Baan Bang Saded royal doll conservation were scattered production groups. The Baan Bang Saded royal doll center is located in an improper place, with no instructor regularly working there. Regarding the center management, it is not efficient enough, and lacks transparency and fairness. Forms of work were not variable. Purchasers have not yet seen the value and benefit of such work. Finally, the private sector and the general public sector, have not yet paid much attention to the Baan Bang Saded royal doll whether in form of product development, markets, fund support, or location improvement. The study suggests that the production center should have more cooperation for work development. Baan Bang Saded royal doll center and management must be improved. Forms of the work must be changed to maintain balance with tradition and the application of new technologies. Moreover, related agencies should cooperate with local people and must have greater realization and consciousness of the conservation work.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2193&obj_id=1595
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Ang Thong
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับความตระหนัก ปัจจัยที่มีผลต่อความ ตระหนักของประชาชนท้องถิ่น ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะที่มีต่อการอนุรักษ์งานตุ๊กตา ชาววังบ้านบางเสด็จ ใช้วิธีการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้แบบ สอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนท้องถิ่น ต.บางเสด็จ จ.อ่างทอง จำ นวน 270 ครัวเรือน ข้อมูล ที่ได้นำ มาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำ หรับการวิจัยทางสังคมศาสตร์ ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ ศึกษาเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก คือ กลุ่มผู้ผลิต, ผู้จำ หน่าย, ผู้ซื้อ และผู้นำ ชุมชน ผลการศึกษา คือ ประชาชนท้องถิ่นมีความตระหนักของต่อการอนุรักษ์งานตุ๊กตาชาววังบ้านบาง เสด็จระดับตํ่า และพบว่า อาชีพ, การให้คุณค่าต่องานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตุ๊กตาชาววังบ้านบาง เสด็จ และความรู้เกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตุ๊กตาชาววัง เป็นปัจจัยที่มีผลต่อความ ตระหนักอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ระดับการศึกษาและภูมิลำ เนาเดิม เป็นปัจจัยที่มีผล ต่อความตระหนักอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนเพศกับประสบการณ์เกี่ยวกับงาน ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความตระหนักอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ปัญหาและอุปสรรค คือ กลุ่มผู้ผลิตงานขาดความสามัคคี, ที่ตั้งของศูนย์ตุ๊กตาไม่เหมาะสม โครงสร้างการบริหารงานกลุ่มไม่ดีพอ, ผู้นำ กลุ่มขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน, รูปแบบงาน ไม่มีการพัฒนา และผู้ซื้อหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เห็นถึงคุณค่าของงานอย่างแท้จริง ข้อเสนอ แนะจากการวิจัย คือ กลุ่มผู้ผลิตงานต้องสามัคคี, ศูนย์ตุ๊กตาและผู้บริหารกลุ่มต้องปรับเปลี่ยน ทั้ง สถานที่และการบริหารงาน, ควรพัฒนารูปแบบงานโดยเน้นความสมดุลสมจริงผสมผสานกับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมมือกับประชาชนท้องถิ่นในการพัฒนาผลงาน และต้องมีความตระหนักและมีจิตสำ นึกในการอนุรักษ์งานอย่างจริงจัง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความตระหนักของประชาชนท้องถิ่นที่มีต่อการอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมพื้น
Pensom Pengsombut
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
ฐานข้อมูลเครื่องทุ่นแรงในงานเกษตรกรรมท้องถิ่น การศึกษางานศิลปหัตถกรรมกระจูดในจังหวัดนราธิวาส พัทลุงและสุราษฎร์ธานี การดำเนินงานของสถานจัดการและอนุรักษ์พลังงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากการไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ป่าชายเลนของประชาชนกรุงเทพมหานคร ความรู้ของประชาชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน กรณีศึกษา : แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร การบริหารงานของกลุ่มงานหัตถกรรมในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการอนุรักษ์ป่าชุมชน : กรณีศึกษาป่าอาลอ-โดนแบน จังหวัดสุรินทร์ ลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมของราษฎรท้องถิ่นที่มีผลต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการใช้สมุนไพรในชุมชนบ้านชากตับเต่า จังหวัดระยอง การมีส่วนร่วมและความต้องการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการชลประทานน้ำเค็มเพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลพื้นที่ลุ่มน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก