สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์ของเสียจากกากน้ำตาล น้ำกากส่า และเศษผักเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพในการหมักแบบไร้อากาศ
Siriporn Kaewyasri - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์ของเสียจากกากน้ำตาล น้ำกากส่า และเศษผักเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพในการหมักแบบไร้อากาศ
ชื่อเรื่อง (EN): Utilization of molasses molasses distillery slop and vegetable wastes for producing liquid organic fertilizer by using anaerobic fermentation
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Siriporn Kaewyasri
บทคัดย่อ: ศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้ประโยชน์น้ำกากส่าซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการผลิตแอลกอฮอล์ ทดแทนการใช้กากน้ำตาลในการหมักร่วมกับเศษผักเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพในสภาวะไร้อากาศ วัตถุประสงค์ของ การศึกษา เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการหมัก ได้แก่ วัสดุหมัก(เศษผัก กากน้ำตาล และน้ำกากส่า) อัตราส่วนในการ ผสมวัสดุหมัก(1:4 1:6 และ 1:8) และระยะเวลาในการหมัก (0-21วัน) ออกแบบการทดลองแบบแฟคทอเรียล โดยมี 3 ซ้ำ วัดความเป็นกรด-ด่าง อุณหภูมิ สังเกตสี และกลิ่นในแต่ละถังปฏิกิริยาการทดลองทุกวัน วัดปริมาณการเปลี่ยนแปลงของ สารอินทรีย์คาร์บอนทั้งหมด ไนโตรเจนทั้งหมด ฟอสฟอรัสทั้งหมด โพแทสเซียมทั้งหมด ทุก 3 วันจนสิ้นสุดระยะเวลา การหมัก ใช้สถิติพรรณาและสถิติวิเคราะห์แบบวัดซ้ำเพื่อใช้อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพของปุ๋ยน้ำชีวภาพ ลักษณะสมบัติที่สำคัญของกากน้ำตาล คือมีปริมาณสารอิทรีย์คาร์บอน(16%) และปริมาณไนโตรเจน ทั้งหมด(0.25%)สูง ในขณะที่น้ำกากส่ามีปริมาณโพแทสเซียมทั้งหมด(6.16%)สูง ของเสียทั้งสองชนิดนี้มีความเป็นกรด- ด่างช่วงเป็นกรด(4.4-4.8) เศษผักมีปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสน้อยกว่า และมีปริมาณโพแทสเซียม(5.26%)สูง มี ค่าความเป็นกรด-ด่างเป็นกลาง(7.6) ถังปฏิกิริยาที่หมักส่วนผสมของเศษผัก กากน้ำตาล/น้ำกากส่า สังเกตพบการ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพหลังหมักชัดเจน และกระบวนการหมักสิ้นสุดที่ 11 วัน จากนั้นมีลักษณะของวัสดุหมักคงที่ ตลอดจนสิ้นสุดการทดลอง 21 วัน คุณภาพของปุ๋ยน้ำชีวภาพเช่น อุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณสารอินทรีย์ คาร์บอนทั้งหมด ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด ปริมาณฟอสฟอรัสทั้งหมด ปริมาณโพแทสเซียมทั้งหมด และอัตราส่วน คาร์บอนต่อไนโตรเจน ของทุกสภาวะการทดลองระหว่างการหมักเศษผักร่วมกับกากน้ำตาลมีค่าสูงกว่าการหมักเศษผัก ร่วมกับน้ำกากส่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และอัตราส่วนของการหมักไม่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติของคุณภาพปุ๋ยน้ำ อัตราส่วน 1:4 ของของเสียทั้งสองชนิด ให้ปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าอัตราส่วนอื่น ผลของการศึกษาเสนอว่า น้ำกากส่าสามารถใช้ทดแทนกากน้ำตาลในการผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพได้ คุณภาพ ปุ๋ยน้ำมีปริมาณธาตุอาหารหลักของพืช อยู่ในเกณฑ์แนะนำของกรมพัฒนาที่ดินและกรมวิชาการเกษตร ปุ๋ยน้ำนี้ควร ปรับปรุงคุณภาพด้านความเป็นกรดปละควรเพิ่มธาตุอาหารโดยผสมของเสียที่มีโปรตีนสูง เช่นปลา หรือเนื้อสัตว์เพิ่ม การใช้ประโยชน์ควนใช้ร่วมกับปุ๋ยชนิดอื่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ ควรศึกษาเชื้อก่อโรคและการปนเปื้อนของ สารพิษเช่น เชื้ออี โคไล การปนเปื้อนของโลหะหนักและสารฆ่าแมลง
บทคัดย่อ (EN): The feasibility of the utilization of molasses distillery slop, the residual waste from alcohol distillery production, instead of molasses, by mixing it with vegetable waste and producing liquid organic fertilizer by using anaerobic fermentation was tested. The objectives were to determine factors effecting the fermentation process, such as fermentation materials (vegetable waste, molasses, and molasses distillery slop), mixing ratios (1:4, 1:6, and 1:8), and incubation times (0-21 days). The experiment was factorial design with three replications. The parameters of pH, temperature, color, and odor of the mixture in each reactor was measured and observed daily. The amount and change of total organic carbon (TOC), total kjeldah nitrogen (TKN), total phosphorus (TP), and total potassium (TK) were determined every three days until the end of incubation. Descriptive and analytical statistical analysis, repeated measures on one factor design was used to determine factors affecting the quality of liquid organic fertilizer. The notable characteristics of molasses were a high concentration of TOC (16%) and TKN (0.25%), while molasses distillery slop had a high concentration of TK (6.6%). Both of these wastes had acidic pH (4.35-4.75). The vegetable waste had lower TKN and TP but contained high TK (5.7%). Its pH was neutral (7.6). The mixture of vegetable and molasses/molasses distillery slop wastes produced noticeable physical changes after fermentation. They could reach a stabilization phase at day 11 of incubation and remained stable until the end of the observed period, day 21. The qualities of liquid organic fertilizer such as temperature, pH, TOC, TKN, TP, TK, and C/N ratio from all treatments of mixed vegetable waste with molasses were significantly higher than mixed vegetable waste with molasses distillery slop. There were no significant differences among various ratios of mixed wastes. The mixing ratio of 1:4 for both molasses wastes gave higher nutrient content than the others. The findings suggested that molasses distillery slop can be used to produce liquid organic fertilizer instead of molasses. The final liquid organic fertilizer product qualities were in the range of recommended guidelines from the Department of Land Development and the Department of Agriculture. It should be improved for acidic quality and enhanced nutrient content by applying other wastes which have high protein, such as fish or meat wastes. Application should be done together with other fertilizers. In order to assure safe use, further study should investigate the pathogenic and toxic substance contamination such as E. Coli, heavy metals, and pesticides.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=5898&obj_id=5833
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Waste products as fertilizer
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้ประโยชน์น้ำกากส่าซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการผลิตแอลกอฮอล์ ทดแทนการใช้กากน้ำตาลในการหมักร่วมกับเศษผักเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพในสภาวะไร้อากาศ วัตถุประสงค์ของ การศึกษา เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการหมัก ได้แก่ วัสดุหมัก(เศษผัก กากน้ำตาล และน้ำกากส่า) อัตราส่วนในการ ผสมวัสดุหมัก(1:4 1:6 และ 1:8) และระยะเวลาในการหมัก (0-21วัน) ออกแบบการทดลองแบบแฟคทอเรียล โดยมี 3 ซ้ำ วัดความเป็นกรด-ด่าง อุณหภูมิ สังเกตสี และกลิ่นในแต่ละถังปฏิกิริยาการทดลองทุกวัน วัดปริมาณการเปลี่ยนแปลงของ สารอินทรีย์คาร์บอนทั้งหมด ไนโตรเจนทั้งหมด ฟอสฟอรัสทั้งหมด โพแทสเซียมทั้งหมด ทุก 3 วันจนสิ้นสุดระยะเวลา การหมัก ใช้สถิติพรรณาและสถิติวิเคราะห์แบบวัดซ้ำเพื่อใช้อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพของปุ๋ยน้ำชีวภาพ ลักษณะสมบัติที่สำคัญของกากน้ำตาล คือมีปริมาณสารอิทรีย์คาร์บอน(16%) และปริมาณไนโตรเจน ทั้งหมด(0.25%)สูง ในขณะที่น้ำกากส่ามีปริมาณโพแทสเซียมทั้งหมด(6.16%)สูง ของเสียทั้งสองชนิดนี้มีความเป็นกรด- ด่างช่วงเป็นกรด(4.4-4.8) เศษผักมีปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสน้อยกว่า และมีปริมาณโพแทสเซียม(5.26%)สูง มี ค่าความเป็นกรด-ด่างเป็นกลาง(7.6) ถังปฏิกิริยาที่หมักส่วนผสมของเศษผัก กากน้ำตาล/น้ำกากส่า สังเกตพบการ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพหลังหมักชัดเจน และกระบวนการหมักสิ้นสุดที่ 11 วัน จากนั้นมีลักษณะของวัสดุหมักคงที่ ตลอดจนสิ้นสุดการทดลอง 21 วัน คุณภาพของปุ๋ยน้ำชีวภาพเช่น อุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณสารอินทรีย์ คาร์บอนทั้งหมด ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด ปริมาณฟอสฟอรัสทั้งหมด ปริมาณโพแทสเซียมทั้งหมด และอัตราส่วน คาร์บอนต่อไนโตรเจน ของทุกสภาวะการทดลองระหว่างการหมักเศษผักร่วมกับกากน้ำตาลมีค่าสูงกว่าการหมักเศษผัก ร่วมกับน้ำกากส่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และอัตราส่วนของการหมักไม่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติของคุณภาพปุ๋ยน้ำ อัตราส่วน 1:4 ของของเสียทั้งสองชนิด ให้ปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าอัตราส่วนอื่น ผลของการศึกษาเสนอว่า น้ำกากส่าสามารถใช้ทดแทนกากน้ำตาลในการผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพได้ คุณภาพ ปุ๋ยน้ำมีปริมาณธาตุอาหารหลักของพืช อยู่ในเกณฑ์แนะนำของกรมพัฒนาที่ดินและกรมวิชาการเกษตร ปุ๋ยน้ำนี้ควร ปรับปรุงคุณภาพด้านความเป็นกรดปละควรเพิ่มธาตุอาหารโดยผสมของเสียที่มีโปรตีนสูง เช่นปลา หรือเนื้อสัตว์เพิ่ม การใช้ประโยชน์ควนใช้ร่วมกับปุ๋ยชนิดอื่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ ควรศึกษาเชื้อก่อโรคและการปนเปื้อนของ สารพิษเช่น เชื้ออี โคไล การปนเปื้อนของโลหะหนักและสารฆ่าแมลง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์ของเสียจากกากน้ำตาล น้ำกากส่า และเศษผักเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพในการหมักแบบไร้อากาศ
Siriporn Kaewyasri
มหาวิทยาลัยมหิดล
2552
การหมักร่วมของขยะเศษอาหารกับกากตะกอนน้ำเสียชุมชนโดยใช้ถังหมักไร้อากาศแบบสองขั้นตอนสำหรับผลิตก๊าซชีวภาพ การใช้ประโยชน์จากกากตะกอนน้ำเสียโรงงานฟอกย้อมในการผลิตปุ๋ย การผลิตก๊าซชีวภาพและการบำบัดน้ำเสียจากหม้อต้มน้ำก๋วยเตี๋ยวโดยถังย่อยสลายแบบไม่ใช้อากาศ อิทธิพลของถังหมักไร้อากาศต่อพยาธิไส้เดือนหมูและโลหะหนักในกากตะกอนน้ำเสีย การผลิตก๊าซชีวภาพจากการย่อยสลายแบบไม่ใช้อากาศของเศษอาหารร่วมกับกากมะขามป้อม การเพิ่มผลผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักเศษผักและผลไม้ไร้อากาศแบบแห้งที่มีการหมุนเวียนน้ำชะขยะ การใช้ประโยชน์น้ำเสียจากขบวนการผลิตสารซีโอไลท์ในการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานผลิตท่อทองแดงทองเหลือง การผลิตปุ๋ยกากตะกอนน้ำเสียอุตสาหกรรมผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวเพื่อการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง การผลิตก๊าซชีวภาพและการบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิตปลาทูน่ากระป๋องโดยถังย่อยสลายแบบไม่ใช้อากาศ การใช้ประโยชน์กากขี้แป้งจากโรงงานผลิตน้ำยางข้นในรูปสารบำรุงดิน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก