สืบค้นงานวิจัย
การจัดการเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของระบบการผลิตปลานิลในภาคเหนือ
ประจวบ ฉายบุ - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การจัดการเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของระบบการผลิตปลานิลในภาคเหนือ
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ประจวบ ฉายบุ
บทคัดย่อ: ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตลาหกรรมการเพาะเลี้ยงปลานิลและปลาทับทิมใน กระชังในแม่น้ำปิงตอนบนของประเทศไทยกำลังเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในงานวิจัยนี้ ได้ศึกษาในด้านวิธีการเลี้ยง โครงสร้างของต้นทุน ผลผลิตและผลกำไรจากกลุ่มเกษตรกรตัวอย่าง 275 คน ในปี 2548 ทำการศึกษาความแปรผันด้านวิธีการเพาะเลี้ยงที่วัดได้จากอัตราความ หนาแน่น (99 + 33 ตัว m" x+SD) และอัตราการให้อาหาร (76 + 26 kg m" ต่อฤดูกาลผลิต) ว่ามี ความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านแหล่งความรู้ ข้อมูลส่วนบุคคล ชนิดของปลาที่เลี้ยง ขนาดของฟาร์ม และสถานที่ หรือไม่ พบว่าผู้หญิงจะเลี้ยงปลาหนาแน่นน้อยกว่าผู้ชาย และกลุ่มที่ได้รับข้อมูล ข่าวสารจากนิตยสารหรือสิ่งตีพิมพ์จะให้อาหารในการเลี้ยงปลามากกว่า และอัตราความหนาแน่น ในการเลี้ยงยังแตกต่างกันในแต่ละตำบล ต้นทุนหลักในการเพาะเลี้ยง คือ ค่าอาหาร (72%) และ ค่าลูกปลา (16%) ผลกำไรที่ได้ผันแปรกับวิธีการเพาะเลี้ยงและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่ได้มี ความสัมพันธ์กันในเชิงเส้นตรง ซึ่งการเลี้ยงปลาทับทิมจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าการเลี้ยงปลานิล อาจจะสรุปได้ว่าเกษตรกรบางรายให้อาหารมากเกินไปและส่งผลให้กำไรลดลง และยังเพิ่มความ เสี่ยงในการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เกษตรกรอย่างน้อย 12% เป็นผู้รับจ้างเลี้ยง โดยใช้ กระชังและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของตนเอง แต่ได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตจากบริษัทที่เกษตรกร ซื้อพันธุ์ลูกปลารวมทั้งต้องขายผลผลิตให้กับบริษัทเหล่านี้ระบบการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงปลานิลในกระชังในภาคเหนือตอนบนยังต้องปรับปรุง เนื่องจาก เกษตรกรใช้พื้นที่ในแม่น้ำสาธารณะและมีการขยายตัวอย่างไม่จำกัด ซึ่งอาจทำให้ เกิดผลกระทบต่อแหล่งน้ำวิธีการเลี้ยงค่อนข้างหนาแน่น และอุตสาหกรรมนี้เริ่มขยายตัวมากขึ้น ถ้าจะให้เกิดความยั่งยืน ต้องวิเคราะห์ปัญหาต่างๆกับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้นการ จัดการการเพาะเลี้ยงปลานิลเชิงพานิลอย่างยั่งยืนจึงจำป็นต้องมีการพิจาณาจาก ปัจจัยหลาย ประการที่มีอิทธิพลต่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยง ปลานิลในกระชังในแม่น้ำปิง พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนโดยใช้ตัวแปรด้านปัจจัยการผลิต ได้แก่ แหล่งเพาะพันธุ์ปลานิล แหล่งจำหน่ายอาหารปลานิล และแหล่งสนับสนุนด้านการบริการ เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาและวิเคราะห์หาระดับความเหมาะสม จึงเป็นแบบจำลองหนึ่งในการ จัดการระบบผลิตปลานิลในภาคเหนือแบบองค์รวม ซึ่งพบว่า แม่น้ำปิงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนจัดเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านแหล่งสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิตสำหรับการเลี้ยงปลา นิลในกระชังในแม่น้ำปิงค่อนข้างสูงและทั่วถึง แต่มีข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยด้านภูมิ กายภาพของแม่น้ำปิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลึกเฉลี่ยของแม่น้ำปิง ทำให้แม่น้ำปิงในแต่ละ บริเวณมีระดับความเหมาะสมสำหรับการเลี้ยงปลานิลในกระชังแตกต่างกัน คือ พื้นที่ที่เหมาะสมมากมีพื้นที่คิดเป็น 3.90 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดของแม่น้ำปิง พื้นที่ที่เหมาะสมปานกลาง เป็นพื้นที่บางส่วนของแม่น้ำปีงที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์สนับสนุนการผลิตสัตว์น้ำบางชนิดในช่วงฤดู ร้อนเนื่องจากอุณหภูมิของน้ำที่ค่อนข้างสูงมีพื้นที่คิดเป็น 0.91 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดของ แม่น้ำปิง และพื้นที่ที่ไม่เหมาะลมเป็นพื้นที่ที่ต้องมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของแม่น้ำปิงให้มี ความลึกที่เหมาะสมหากต้องการใช้ประโยชน์เพื่อการเลี้ยงปลานิลในกระชัง มีพื้นที่คิดเป็น 8.43 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดของแม่น้ำปิง ส่วนพื้นที่ที่เหลือไม่สามารถใช้ประโยชน์เพื่อการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่หวงห้ามตามกฎหมาย พื้นที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ หรือ พื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพราะได้รับผลกระทบจาก กิจกรรมของมนุษย์ มีพื้นที่คิดเป็น 86.78 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดของแม่น้ำปิง และจาก ารศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าระบบสารสนเทศภูมิศาสตว์ (GIS) สามารถใช้เป็ สำหรับการจัดการข้อมูลด้านกายภาพของพื้นที่ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถอำนวยประโยชน์เพื่อการ ตัดสินใจกำหนดนโยบายด้านการประมงของแม่น้ำปิงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน รวมทั้งเป็น เครื่องมือสำคัญในการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถ พัฒนาให้มีความทันสมัยและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้ตลอดเวลา
บทคัดย่อ (EN): Over the past few years a significant industry has developed around the rearing of Nile Tilapia and the hybrid Red Tilapia (locally known as "Tub-tim") in mesh cages suspended in the upper Ping River in northern Thailand. In this paper we report on the findings of a survey conducted in late 2005 of the rearing practices, cost structures, yields and profitability of 275 farms. We explored the associations between variation in rearing practices as measured by stocking intensity (99 33 fish m? ×+SD) and feeding rates (76 t 26 kg m2 per crop) with farming knowledge sources, farmer attributes, fish species reared and farm size and location characteristics. We found, for example, women stocked cages at lower rates then men and farmers who got farming knowledge from magazines fed their fish more. Levels of intensification varied among sub-districts. Costs were dominated by feed (72%) and fish stock (16%). Profitability varied with intensification of operations in non-linear fashion and with categories of purchasers. Growing Red Tilapia was more profitable than Nile Tilapia. We conclude that some farmers are probably over-feeding reducing profitability and increasing environmentai risks. At least 12% of farmers are growing fish with their own cages but for other investors who help cover costs of inputs and many others buy stock and sell their harvests to the same firm. The intensity of rearing practices and increasingly sophisticated organization of the industry underlines the importance for sustainable use of the Ping River of taking steps now to assess and improve management practices at several levels. Site selection for tilapia cage culture in Ping river, Chiang Mai and Lum Phun region using Geographic Information System (GIS) were conducted. Production factors including fry sources, feed sources and service organization as well as some physical acteristics of Ping river including average depth and maximum water t were used as criterions for decisiop making. The results were found that the Ping river in Chiang. Mai and Lumphun region is one of the most suitable site for tilapia cage culture due to sufficient and reachable production factors. However there are some limiting environmental factors especially the water depth. According to GIS data, 3.90% , 0.91% and 8.43% of Ping river area were classified as very suitable, moderate suitable and nonsuitable area for tilapia cage cuiture respectively. The site where aeration are need to maintain oxygen level in summer are grouped in the moderate suitable for cage culture. Inaddition, non-suitable area are the place where environmental improvement is needed for increasing river depth to the optimum level. The remaining area of ping river ) could not for aquaculture. Because some area are restriction, area or anthropollogically polluted area. In conclusion, GiS could use as spatial data management tool for fisheries development decision and Natural resources management in Chiang Mai and Lum Phun region.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: การผลิต
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของระบบการผลิตปลานิลในภาคเหนือ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2548
การจัดการเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของระบบการผลิตปลานิลในภาคเหนือ การพัฒนาระบบการผลิตปลานิลเพื่อเข้าสู่มาตรฐานการส่งออก กลยุทธ์การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในการผลิตปลานิลในเขตภาคเหนือเพื่อเป็นอาหารปลอดภัย การศึกษาศักยภาพการผลิตและการตลาดปลานิล ในพื้นที่โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การเลี้ยงปลานิลในกระชังด้วยระบบ LVHD (การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในกระชังด้วยอัตราความหนาแน่นสูง) การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศโดยการเสริมอาหารด้วยกล้วยน้ำาว้าสุกเพื่อลดต้นทุนการผลิต ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของมาตรฐานการผลิตอ้อยอย่างยั่งยืน โครงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อผู้สูงอายุจากโปรตีนไฮโดรไลเสทของปลานิล การพัฒนาการผลิตยางพาราเชิงระบบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบบการผลิตยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก