สืบค้นงานวิจัย
โรคเหี่ยวของกาแฟอราบิก้า (Coffea Arabica Linn.) และการทดสอบสารเคมีในการควบคุมโรค
ชาตรี สิทธิกุล - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: โรคเหี่ยวของกาแฟอราบิก้า (Coffea Arabica Linn.) และการทดสอบสารเคมีในการควบคุมโรค
ชื่อเรื่อง (EN): Wilt Disease of Arabica Coffee (Coffea Arabica Linn.) and Evaluation of Fungicides to Control The Disease
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชาตรี สิทธิกุล
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Chatree Sittigul
บทคัดย่อ: การศึกษาโรคเหี่ยวของกาแฟอราบิก้า (Coffea arabica Linn.) ที่แปลงปลูกกาแฟของเกษตรกรที่อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ในปีพศ. 2531 เพื่อศึกษาการแพร่ระบาด และตรวจหาเชื้อสาเหตุของโรค พบว่าในกาแฟจำนวน 2,500 ต้น มีกาแฟที่แสดงอาการโรคเหี่ยว 808 ต้น หรือคิดเป็นร้อยละ 32.32 การแยกเชื้อสาเหตุจากต้นที่เป็นโรคพบเชื้อรา Fusarium Solani, F. decemcellulare และ F. semitedum นอกจากนั้นยังพบว่า ต้นที่แสดงอาการโรคเหี่ยวส่วนใหญ่มีหนอนเจาะลำต้น (Xylotredius quadripes, Cerambycidae) เข้าทำลายร่วมด้วยการศึกษาครั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหนอนเจาะลำต้นเป็นสาเหตุทำให้เชื้อราเข้าสู่บาดแผลบนลำต้นหรือไม่ หรือเชื้อราอาจเข้าทำลายพืชเองโดยลมหรือน้ำพัดพามา ส่วนการทดสอบสารเคมีกำจัดเชื้อรา 6 ชนิด ในห้องปฏิบัติการ และในสภาพธรรมชาตินั้น ผลปรากฏว่ามีสารเคมีบางชนิดใช้ได้ผลในห้องปฏิบัติการส่วนในสภาพธรรมชาตินั้นสารเคมีทุกชนิดไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมโรค และการทดสอบการปลูกเชื้อบนต้นกาแฟในห้องปฏิบัติการ พบว่าไม่สามารถทำให้ต้นกาแฟเป็นโรคได้เหมือนในธรรมชาติ
บทคัดย่อ (EN): A will disease of Arabica Coffee (Coffee arabica Linn.) was studied in 1988 to determine the prevalence and its causal agent in a coffee orchard at Samoeng. Chiang Mai. A total of 2,500 coffee plants was observed tor the symptoms of the disease. Counting revealed the incidence of diseased plants of 808 plants or 32:32 % Isolation of diseased samples indicated that the organisms involved were Fusarium solani solar. F. decemcellulare and F. semitectum. Most of diseased plants invariably had the typical symptoms of attack by the stein borer (Xylotrechus quadripes Carambycidae) at lower part of stem It also remains obscure whether the borer is itself responsible for the introduction of the fungus into the damaged tissue, or whether the fungus is spread by air or water splash. Six fungicides were screened in this study for the effectiveness in controlling the disease in the laboratory and field conditions. Some chemicals like Pronto-40, Benlate and Baccin were gave the good results in the laboratory but ail were not effective in the field Artificial inoculation done in the laboratory could not reproduce the symptoms as observed in natural conditions.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/247689/169497
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: โรคเหี่ยวของกาแฟอราบิก้า
คำสำคัญ (EN): Wilt Disease of Arabica Coffee
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โรคเหี่ยวของกาแฟอราบิก้า (Coffea Arabica Linn.) และการทดสอบสารเคมีในการควบคุมโรค
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2534
ความหนาแน่นต่อหน่วยพื้นที่ของต้นกาแฟอราบิก้าที่เหมาะสม ความสามารถในการแข่งขันของกาแฟอราบิก้าของประเทศไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผลของการให้น้ำต่อการบานของดอก องค์ประกอบผลผลิต และคุณภาพของกาแฟอราบิก้า ผลตอบแทนของการปลูกพืชร่วมกับการปลูกกาแฟอราบิก้าในช่วง 1-3 ปีแรก ผลของโพแทสเว๊ยมและแมกนีเซียมต่อความเข้มข้นของธาตุอาหารในใบกาแฟอราบิก้าที่กำลังติดผล การผลิตน้ำเชื่อมจากข้าวเหนียวด้วยรา ศึกษารูปแบบการระบาดและปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่ระบาดของโรครากขาวในยางพาราที่เกิดจากเชื้อ Rigidoporus lignosus และผลของ สารเคมีและเชื้อปฏิปักษ์ที่มีผลต่อการควบคุมโรค ระบบกองทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการปลูกและการผลิตกาแฟอราบิก้าของโครงการพัฒนาเขตพื้นที่สูงไทย-ออสเตรเลีย: ความสำเร็จ ปัญหา และอุปสรรค อิทธิพลของ AB ต่อการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงข้อลำต้นของกาแฟอราบิก้า (Coffee arabica L.) ประสิทธิภาพของเชื้อราปฏิปักษ์ที่แยกได้จากเมล็ดข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในการควบคุมโรคถอดฝักดาบในต้นกล้าข้าว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก