สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์ของน้ำกากส่าเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวอินทรีย์อย่างยั่งยืน
ทัศนีย์ ดิฐกมล - มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์ของน้ำกากส่าเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวอินทรีย์อย่างยั่งยืน
ชื่อเรื่อง (EN): Utilization of Distillery Slop for Increasing Capability of Sustainable Organic Rice Productions
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยนี้เพื่อศึกษาอัตราน้ำกากส่าที่เหมาะสมร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวอินทรีย์อย่างยั่งยืน โดยทำการทดลองแบบ Split-Plot in Randomized Complete Block Design ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ น้ำกากส่า 4 อัตรา ได้แก่ 0, 20, 40, และ 60 ลบ.ม./ไร่ และปุ๋ยอินทรีย์ 4 ชนิด ได้แก่ ไม่ใช้ปุ๋ย, ปุ๋ยคอก 2 ตัน/ไร่, ปุ๋ยหมัก 2 ตัน/ไร่ และ ปุ๋ยพืชสด (แหนแดง) 50 กก/ไร่ ใช้พันธุ์ข้าวอินทรีย์ขาวดอกมะลิ 105 ปลูกแบบปักดำในฤดูนาปี รวม 2 ปี บนแปลงนาที่ปลูกข้าวอินทรีย์มาก่อน ผลการวิจัยพบว่าน้ำกากส่ามีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีบางประการของดินโดยช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารพืชที่สำคัญในดิน เช่นโพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม และซัลเฟอร์ แต่ไม่พบว่ามีผลกระทบต่อสมบัติทางกายภาพของดินทั้งในด้านการนำน้ำในสภาพอิ่มตัว ความจุความชื้นที่เป็นประโยชน์ และความหนาแน่นรวมของดิน สำหรับในด้านการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวพบว่าการใส่น้ำกากส่าในอัตรา 20 ลบ.ม/ไร่ มีแนวโน้มทำให้การเจริญเติบโตของข้าวดีขึ้นทั้งในด้านจำนวนต้นต่อกอและความสูงของต้นข้าว และจากการเปรียบเทียบผลผลิตข้าวทั้งสองปีเพาะปลูกพบว่าในกลุ่มของกรรมวิธีที่ไม่มีการใส่น้ำกากส่ามีแนวโน้มว่าการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทั้งสามชนิดมีผลทำให้ผลผลิตข้าวสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ แต่เมื่อมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับน้ำกากส่าพบว่าการใช้ปุ๋ยคอกร่วมกับน้ำกากส่ามีแนวโน้มทำให้ผลผลิตข้าวสูงกว่ากรรมวิธีอื่น ๆ โดยองค์ประกอบที่มีผลทำให้ผลผลิตข้าวสูงขึ้นได้แก่จำนวนต้นต่อกอ ความสูงของต้นข้าว จำนวนรวงต่อกอ และเปอร์เซ็นต์เมล็ดดี สำหรับอัตราน้ำกากส่าที่เหมาะสมในการใช้ร่วมกับปุ๋ยคอกได้แก่ 20 ลบ.ม/ไร่ และ 40 ลบ.ม/ไร่ แต่หากพิจารณาจากผลการศึกษาศักยภาพและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในการใช้น้ำกากส่าสำหรับการผลิตข้าวอินทรีย์พบว่าการใช้น้ำกากส่าในอัตรา 40 ลบ.ม/ไร่ โดยไม่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นกรรมวิธีที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุด
บทคัดย่อ (EN): The research aimed to study the suitable rates of distillery slop and some kinds of organic fertilizer to increase the capability of sustainable organic rice production. An experiment was carried out at the farmer’s organic paddy field in Tambon Thakraserm, Nampong District, Khon-Kaen Province for two crop years during July to November. The Split Plot in Randomized Complete Block Design with three replications was used. Main-plot treatments consists of four kinds of organic fertilizer, namely non fertilized, farm manure at 2 ton/rai, compost at 2 ton/rai and green manure (water fern) at 50 kg/rai. Sub-plot treatments comprised of four rates of distillery slop, namely 0, 20, 40 and 60 cu.m/rai. Khao Dok Mali 105 variety of organic rice was used in this experiment. The results showed that distillery slop had an influence on the change of some chemical soil properties by increasing the contents of some plant nutrients such as potassium, magnesium, calcium, sulfer and chloride. But it did not have an impact on the physical properties namely saturated hydraulic conductivity, available water capacity and bulk density of soil. With respect to the growth and yield of rice, it was found that application of slop at 20 cu.m./rai tends to increase the number of plant per tiller and the height of rice. The comparison of rice yield among all treatment combinations for both crop years showed that under non slop condition the application of the three organic fertilizers tends to increase the rice yield. Under slop application, the combinations with farm manure tend to give a higher yield than other combinations. The components that affected the increase of rice yields were the number of plant per tiller, the height of rice stem, the number of panicle per tiller and the percentage of good seeds. The most appropriated rates of distillery slop to use with farm manure was found to be 20 and 40 cu.m/rai. However, the results of the study on potential of economic return from using distillery slop in organic rice production revealed that utilization of 40 cu.m/rai of slop without fertilizer gave the optimum return.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยรามคำแหง
คำสำคัญ: โสนแอฟริกัน
คำสำคัญ (EN): sesbania rostrata
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์ของน้ำกากส่าเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวอินทรีย์อย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
30 กันยายน 2556
ข้าวให้พลังงานผสานคุณค่าอาหาร โครงการย่อยที่2 การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยหมักจากกากมันสำปะหลังเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตข้าวแบบอินทรีย์ ในกลุ่มเกษตรกร รายย่อยของอําเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ การจัดการดินโดยใช้ปุ๋ยพืชสดร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์น้ำหลังการหว่านข้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวอินทรีย์ การส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตข้าว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อบูรณาการ การเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกข้าวอินทรีย์ของกลุ่มผู้ปลูกข้าวอินทรีย์จังหวัดบุรีรัมย์ การใช้ประโยชน์ของน้ำกากส่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มันสำปะหลังทดแทนพลังงาน การจัดการธาตุอาหารเฉพาะพื้นที่เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน การทำลายของศัตรูข้าวในการผลิตข้าวอินทรีย์เมื่อใช้ปุ๋ยพืชสดที่อัตราต่าง ๆ การศึกษาการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวด้วยการจัดการน้ำ ปริมาณความต้องการน้ำ และวิธีการให้น้ำที่เหมาะสม ศักยภาพการผลิตปลาสวยงามเพื่อการส่งออกในจังหวัดราชบุรี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก