สืบค้นงานวิจัย
ประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
พูนศิริ หอมจันทร์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: ประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ชื่อเรื่อง (EN): Efficiency of Biological Fermentation to increasing Agricultural Productivity
บทคัดย่อ: บทคัดย่อ ชื่อเรื่อง ประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร นักวิจัย 1. นางสาวพูนศิริ หอมจันทร์ 2. นางสาวนิภาวรรณ์ จิตโสภากุล 3. นางกฤติมา เสาวกูล 4. นายทรงยศ กิตติชนม์ธวัช หน่วยงาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ คณะ เกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี แหล่งทุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จากการศึกษาผลของน้ำหมักชีวภาพจากพืชและสัตว์ต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยคณะผู้วิจัยได้ศึกษาดังต่อไปนี้ การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพต่อการเลี้ยงไก่เนื้อ ผลที่ดีที่สุด คือ การใช้กากน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ต่อการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการผลิตไก่กระทง ทั้ง 4 การทดลอง คือ กลุ่มการทดลองที่ 1 ใช้อาหารสูตรควบคุม (ไม่ใส่กากน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์) กลุ่มการทดลองที่ 2 ใช้อาหารสูตรควบคุมผสมกากน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ 2 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มการทดลองที่ 3 ใช้อาหารสูตรควบคุมผสมกากน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ 4 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มการทดลองที่ 4 ใช้อาหารสูตรควบคุมผสมกากน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ 6 เปอร์เซ็นต์ ศึกษาผลของการใช้กากน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ต่อประสิทธิภาพการผลิต และคุณภาพซากไก่กระทง โดยใช้ลูกไก่กระทงคละเพศ อายุ 1 วัน จำนวน 160 ตัว แบ่งการทดลองเป็น 4 กลุ่มการทดลอง โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design ; CRD) ผลการทดลอง พบว่า น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของไก่กระทง ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) โดยมีค่าเฉลี่ยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เท่ากับ 1,899.03 1,907.21 1,899.47 และ 1,864.99 กรัมต่อตัว ตามลำดับ อัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อวันของไก่กระทง พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) โดยมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อวัน เท่ากับ 54.26 54.49 54.27 และ 53.29 กรัมต่อตัว ตามลำดับ อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักตัวเท่ากับ 1.56 1.56 1.57 และ 1.59 ตามลำดับ ปริมาณอาหารที่กินตลอดการทดลองของไก่กระทง พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05)โดยอาหารที่กินตลอดการทดลอง เท่ากับ 2,950.35 2,976.70 2,982.86 และ 2,967.57 กรัมต่อตัว ตามลำดับ ต้นทุนค่าอาหารต่อการเพิ่มน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) โดยมีต้นทุนค่าอาหารต่อการเพิ่มน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เท่ากับ 24.07 23.66 23.36 และ 23.21 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ ต้นทุนการผลิตต่อการเพิ่มน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมของไก่กระทง พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) โดยต้นทุนการผลิตต่อการเพิ่มน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เท่ากับ 39.35 38.85 38.67 และ 38.74 บาทต่อตัว ตามลำดับ ด้านเปอร์เซ็นต์ซากของไก่กระทง ประกอบด้วย ซากหลังถอนขน กล้ามเนื้อ หน้าอกด้านนอก กล้ามเนื้อหน้าอกด้านใน ปีก น่อง สะโพก ขา กระเพาะจริง กระเพาะบด หัวใจ ม้าม ตับ ไขมันในช่องท้อง หัว คอ และโครง พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพต่อการเลี้ยงปลานิลในกระชังที่กางไว้ในบ่อดิน โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 3 กลุ่มการทดลอง ๆ ละ 3 ซ้ำ ดังนี้ 1. ไม่ใช้น้ำหมักชีวภาพ (กลุ่มควบคุม) 2. ใช้น้ำหมักชีวภาพจากพืช 5 เปอร์เซ็นต์ และ 3. ใช้น้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ผสมอาหารให้ปลากินวันละ 2 มื้อ (เช้า-เย็น) เป็นระยะเวลา 4 เดือน พบว่า อัตราการเจริญเติบโตและอัตรารอดของปลานิลไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) โดยมีค่าน้ำหนักเฉลี่ยเท่ากับ 297.90?0.984, 298.55?1.477 และ 297.51?1.270 กรัม อัตราการเจริญเติบโตต่อวันเท่ากับ 2.28?0.003, 2.28?0.006 และ 2.28?0.006 กรัมต่อวัน อัตราการเจริญเติบโตจำเพาะเท่ากับ 2.32?0.010, 2.32?0.012 และ 2.32?0.012 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน ตามลำดับ และอัตราการรอดมีค่า 100 เปอร์เซ็นต์เท่ากันทุกกลุ่มการทดลอง ส่วนอัตราแลกเนื้อพบว่ามีความแตกต่างกันทางสถิติ (P0.05) การทดสอบประสิทธิภาพของน้ำหมักจากพืช และน้ำหมักจากสัตว์ โดยใช้กากน้ำตาลเป็นตัวทำละลายในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ Escherichia coli, Bacillus cereus, Staphylococcus aureus, Pseudomonas aeruginosa และ Salmonella typhimurium ด้วยวิธี Agar Disc Diffusion พบว่า กากน้ำตาลที่ใช้เป็นตัวทำละลายความเข้มข้นร้อยละ 100 มีผลในการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียก่อโรคจำนวน 4 ชนิด คือ E. coli, B. cereus, S. aureus และ P. aeruginosa มากกว่าการใช้น้ำหมักจากพืชและน้ำหมักจากสัตว์ เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของน้ำหมักจากพืช กับน้ำหมักจากสัตว์ พบว่า น้ำหมักจากพืชมีประสิทธิภาพในการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค คือ B. cereus, S. aureus และ P. Aeruginosa ได้ดีกว่าน้ำหมักจากสัตว์ แต่น้ำหมักจากสัตว์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย E. coli ได้ดีกว่าน้ำหมักจากพืช น้ำหมักจากพืช น้ำหมักจากสัตว์ และกากน้ำตาลไม่สามารถยับยั้งเชื้อ Sal. typhimurium ได้
บทคัดย่อ (EN): Research Title : Efficiency of Biological Fermentation to increasing Agricultural Productivity Researcher : 1. Miss Poonsiri Homchan 2. Mrs. Kittima Saowakoon 3. Miss Nipawan Jitsopakul 4. Mr. Songyot Kittichonthawat University : Rajamangala University of Technology Isan Surin Campus Faculty : Agriculture and Technology Budget year : 2560 Study of the effect of biological fermentation from plants and animals on increasing Agricultural Productivity. The research team studied the following: The efficiency of scrap bioextract produced from animal scrap on production efficiency of broilers was studied by using four treatments as shown in the following ; Treatment 1 (T1) control Treatment 2 (T2) 2 percent of scrap bioextract Treatment 3 (T3) 4 percent of scrap bioextract and Treatment 4 (T4) 6 percent of scrap bioextract. One hundred and sixty of 1 day age broilers were raised for 35 days. The experiment was divided into 4 groups, 4 replicates per group and 10 broilers per replicates and the experiment was designed using Completely Randomized Design (CRD). The results revealed that there was not significantly different observed in the body weight gain among treatments (P>0.05) with the values were 1,899.03 1,907.21 1,899.47 and 1,864.99 g/broiler, respectively. The average daily gain (ADG) were comparable among treatments which were 54.26 54.49 54.27 and 53.29 g/broiler, respectively (P>0.05) For feed conversion ratio (FCR), it was also found that there was not significantly different among treatments (P>0.05). The values of FCR were 1.55 1.56 1.57 and 1.59, respectively. Feed consumption throughout the experiment were not significantly different (P>0.05), representing at the level of 2,950.35 2,976.70 2,982.86 and 2,967.57 g/broiler, respectively. Feed conversion per gain showed not significantly statistical different (P>0.05) and the values of feed conversion per gain were 24.07 23.66 23.36 and 23.21 bath/kg respectively. Production cost per 1 kg body weight increase were not significantly different (P>0.05) and the values were 39.35 38.85 38.67 and 38.74 bath/kg, respectively. For carcass percentage, there was not significantly different observed between treatment (P>0.05). The efficiency of Biological Fermentation on Nile Tilapia (Oreochromis niloticus) cultured in an opened-stew in earth pond was studied designing by three treatments with three replicates. The treatments included 1) no bioextract (control) 2) 5% plant bioextract and 3) 5% animal bioextract, mixed with feed formular twice a day (morning – afternoon) up to 4 months. The results revealed that growth rate and survival rate were not significantly different (P>0.05), with the average weight were 297.90?0.984, 298.55?1.477 and 297.51?1.270 g. For daily weight gain, there were 2.28?0.003, 2.28?0.006 and 2.28?0.006 g/day, Specific growth rate were 2.32?0.010, 2.32?0.012 and 2.32?0.012 %/day, respectively. The survival rate was found at 100% for each treatment. For feed conversion ratio (FCR), significant difference was observed among treaments (P 0.05) at 120 days. Efficacy of Biological Fermentation with molasses was investigated for their inhibitory effect against five microorganisms; Escherichia coli, Bacillus cereus, Staphylococcus aureus, Pseudomonas aeruginosa and Salmonella typhimurium by Agar disc diffusion method. The result showed that molasses at 100% was the most effective in inhibiting growth of E. coli, B. cereus, S. aureus and P. Aeruginosa. 100% of Fermented vegetable was more effective in inhibiting growth of B. cereus, S. aureus and P. Aeruginosa than Fermented animal. However Fermented vegetable Fermented animal and molasses could not inhibit growth of Sal. typhimurium.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพต่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
30 กันยายน 2560
การประยุกต์ใช้วิศวกรรมความรู้แบบสหวิทยาการเพื่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในรูปแบบการอบแห้งแบบการให้ความร้อนด้วยอินฟราเรด ประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพจากเศษเหลือจากผลไม้ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของผักสลัดกรีนโอ๊ค ประสิทธิภาพการใช้ถ่านชีวภาพเพื่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและการเก็บกักคาร์บอนในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด การเพิ่มประสิทธิภาพในการผสมพันธุ์ยาง การใช้ถ่านชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ศึกษาอัตราที่เหมาะสมของปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำของกรมวิชาการเกษตรโดยใช้น้ำหมักชีวภาพ เพื่อเพิ่มมวลชีวภาพของแหนแดงที่ใช้เป็นปุ๋ยไนโตรเจนในการปลูกข้าว จังหวัดฉะเชิงเทรา พัฒนาน้ำหมักชีวภาพสมุนไพรไทยโปรไบโอติคเพื่อการส่งออก โครงการวิจัย และพัฒนาระบบการปลูกสตรอเบอรี่เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตบนพื้นที่สูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ การวิจัยและพัฒนาน้ำหมักชีวภาพสำหรับโคนมอินทรีย์ การศึกษาน้ำหมักชีวภาพที่ใช้ในการผลิตผักปลอดสารพิษ จังหวัดกาฬสินธุ์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก