สืบค้นงานวิจัย
การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในการผลิตนมกระบือพาสเจอร์ไรส์ของโรงงานแปรรูปน้ำนมขนาดเล็ก
วิระ ด้วงแป้น - มหาวิทยาลัยบูรพา
ชื่อเรื่อง: การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในการผลิตนมกระบือพาสเจอร์ไรส์ของโรงงานแปรรูปน้ำนมขนาดเล็ก
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วิระ ด้วงแป้น
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในนมกระบือดิบที่ผ่านการเก็บภายใต้สภาวะต่างกัน 3 สภาวะ เป็นเวลา 3-5 ชั่วโมง โดยสภาวะที่ 1 คือ ที่อุณหภูมิห้อง (29 องศาเซลเซียส) สภาวะที่ 2 คือ ลดอุณหภูมิน้ำนมภายหลังการรีดนมเป็น 8 องศาเซลเซียส ก่อนเก็บที่อุณหภูมิห้อง (29 องศาเซลเซียส) สภาวะที่ 3 คือ ลดอุณหภูมิน้ำนมภายหลังการรีดนมเป็น 8 องศาเซลเซียส และเก็บที่อุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส นมกระบือมีจำนวนเร่มต้นของจุลินทรีย์กลุ่มมีโซไฟล์ (3.85-4.45 log cfu/ml) กลุ่มไซโครโทรป (2.74-5.78 log efu/ml) กลุ่มโคลิฟอร์ม (2.71-2.94 log efu/ml) และ E.coli (1.83-1.89 log efu/ml) โดยที่ทุกสภาวะการเก็บน้ำนมเป็นระยเวลา 3 ชั่วโมง มีผลให้จุลินทรีย์ทุกกลุ่มมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น (0.51-1.12 log cycle) โดยเฉพาะกลุ่มโคลิฟอร์ม การลดอุณหภูมิของนมกระบือดิบจากอุณหภูมิห้อง (29 องศาเซลเซียส) เป็น 8 องศาเซลเซียส ก่อนการขนส่งมาที่โรงงานส่งผลให้ได้คุณภาพด้านจุลินทรีย์ของนมดิบที่ดีที่สุดภายหลังการเก็บนมกระบือดิบในห้องเย็นที่โรงงาน (4-7 องศาเซลเซียส 72 ชั่วโมง) คือ มีจำนวนจุลินทรีย์กลุ่มมีโซไฟล์ กลุ่มไซโครโทรป กลุ่มโคลิฟอร์ม E.coli และ Staphylococcus aureus ต่ำที่สุด คือ 4.36 คือ 4.36 log efu/ml 3.45 log cfu/ml 2.94 log cfu/ml 1.56 log cfu/ml และ 2.82 log cfu/ml ตามลำดับ ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนจุลินทรีย์ที่เพิ่มขึ้นมีความสัมพันธ์ค่าความเป็นกรดของนมกระบือในระหว่างการเก็บรักษา การศึกษาเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในนมกระบือพาสเจอร์ไรส์ที่ผ่านการให้ความร้อนต่างกัน 2 วิธี คือ LTLT (63 องศาเซลเซียส 30 นาที) และ HTST (72 องศาเซลเซียส 15 วินาที) พบว่า เมื่อนำนมกระบือดิบที่ไม่ผ่านการลดอุณหภูมิก่อนการขนส่งมาพาสเจอร์ไรส์ พบว่า นมกระบือพาสเจอร์ไรส์ด้วยวิธี LTLT ไม่ผ่านกเกณฑ์มาตรฐานเนื่องจากตรวจพบ E.coli (0.47 log cfu/ml และ Staphylococcus aureus (0.65 log cfu/ml) เมื่อเปรียบเทียบกับการนำนมกระบือดิบมาพาสเจอร์ไรส์ทันที กับการเก็บนมกระบือดิบที่ห้องเย็น (4-7 องศาเซลเซียส) ก่อนนำมาพาสเจอร์ไรส์ พบว่า การเก็บนมกระบือเป็นเวลา 72 ชั่วโง ส่งผลให้นมกระบือพาสเจอร์ไรส์ด้วยวิธี HTST มีอายุการเก็บรักษาลดลงจาก 30 วัน เป็น 20 วัน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=95&RecId=16045&obj_id=125275
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยบูรพา
คำสำคัญ: โรงงานแปรรูปน้ำนมขนาดเล็ก
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยบูรพา
รายละเอียด: การวิจัยครั้งนี้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในนมกระบือดิบที่ผ่านการเก็บภายใต้สภาวะต่างกัน 3 สภาวะ เป็นเวลา 3-5 ชั่วโมง โดยสภาวะที่ 1 คือ ที่อุณหภูมิห้อง (29 องศาเซลเซียส) สภาวะที่ 2 คือ ลดอุณหภูมิน้ำนมภายหลังการรีดนมเป็น 8 องศาเซลเซียส ก่อนเก็บที่อุณหภูมิห้อง (29 องศาเซลเซียส) สภาวะที่ 3 คือ ลดอุณหภูมิน้ำนมภายหลังการรีดนมเป็น 8 องศาเซลเซียส และเก็บที่อุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส นมกระบือมีจำนวนเร่มต้นของจุลินทรีย์กลุ่มมีโซไฟล์ (3.85-4.45 log cfu/ml) กลุ่มไซโครโทรป (2.74-5.78 log efu/ml) กลุ่มโคลิฟอร์ม (2.71-2.94 log efu/ml) และ E.coli (1.83-1.89 log efu/ml) โดยที่ทุกสภาวะการเก็บน้ำนมเป็นระยเวลา 3 ชั่วโมง มีผลให้จุลินทรีย์ทุกกลุ่มมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น (0.51-1.12 log cycle) โดยเฉพาะกลุ่มโคลิฟอร์ม การลดอุณหภูมิของนมกระบือดิบจากอุณหภูมิห้อง (29 องศาเซลเซียส) เป็น 8 องศาเซลเซียส ก่อนการขนส่งมาที่โรงงานส่งผลให้ได้คุณภาพด้านจุลินทรีย์ของนมดิบที่ดีที่สุดภายหลังการเก็บนมกระบือดิบในห้องเย็นที่โรงงาน (4-7 องศาเซลเซียส 72 ชั่วโมง) คือ มีจำนวนจุลินทรีย์กลุ่มมีโซไฟล์ กลุ่มไซโครโทรป กลุ่มโคลิฟอร์ม E.coli และ Staphylococcus aureus ต่ำที่สุด คือ 4.36 คือ 4.36 log efu/ml 3.45 log cfu/ml 2.94 log cfu/ml 1.56 log cfu/ml และ 2.82 log cfu/ml ตามลำดับ ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนจุลินทรีย์ที่เพิ่มขึ้นมีความสัมพันธ์ค่าความเป็นกรดของนมกระบือในระหว่างการเก็บรักษา การศึกษาเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในนมกระบือพาสเจอร์ไรส์ที่ผ่านการให้ความร้อนต่างกัน 2 วิธี คือ LTLT (63 องศาเซลเซียส 30 นาที) และ HTST (72 องศาเซลเซียส 15 วินาที) พบว่า เมื่อนำนมกระบือดิบที่ไม่ผ่านการลดอุณหภูมิก่อนการขนส่งมาพาสเจอร์ไรส์ พบว่า นมกระบือพาสเจอร์ไรส์ด้วยวิธี LTLT ไม่ผ่านกเกณฑ์มาตรฐานเนื่องจากตรวจพบ E.coli (0.47 log cfu/ml และ Staphylococcus aureus (0.65 log cfu/ml) เมื่อเปรียบเทียบกับการนำนมกระบือดิบมาพาสเจอร์ไรส์ทันที กับการเก็บนมกระบือดิบที่ห้องเย็น (4-7 องศาเซลเซียส) ก่อนนำมาพาสเจอร์ไรส์ พบว่า การเก็บนมกระบือเป็นเวลา 72 ชั่วโง ส่งผลให้นมกระบือพาสเจอร์ไรส์ด้วยวิธี HTST มีอายุการเก็บรักษาลดลงจาก 30 วัน เป็น 20 วัน
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางด้านจุลินทรีย์ในการผลิตนมกระบือพาสเจอร์ไรส์ของโรงงานแปรรูปน้ำนมขนาดเล็ก
มหาวิทยาลัยบูรพา
2553
การใช้ผงเกลือแร่ต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและคุณภาพเนื้อของโคไทยพื้นเมือง หลังการขนส่ง การควบคุมจุลินทรีย์กลุ่มสีแดงในบ่อบำบัดคงตัวด้วยวิธีทางกายภาพ-เคมี การคัดเลือกจุลินทรีย์จากแหล่งในประเทศไทยที่ผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสสลายแป้งมันสำปะหลัง การผลิตโปรดิวเซอร์แก๊สจากอาร์ดีเอฟผสมกลีเซอรรีนจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล การผลิตจุลินทรีย์ที่สร้างเอนไซม์ไลเปสเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสียที่มีไขมันสูง ผลิตภาพของปัจจัยการผลิตโดยรวมของการผลิตอ้อยเพื่อใช้ผลิตเอทานอลใน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผลของการเสริมกากบัวบกต่อประสิทธิภาพการผลิตและความเป็นพิษในไก่เนื้อ ความสามารถในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทยเพื่อทดแทนการนำเข้า การหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในกระบวนการผลิตเอทานอลจากข้าวโดยใช้เทคนิคการออกแบบการทดลอง การศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตเอทานอลขนาดเล็กจากมันสำปะหลังเพื่อใช้ผลิตเป็นแก๊สโซฮอล์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก