สืบค้นงานวิจัย
การวิเคราะห์ความสามารถในการรองรับทางนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำ : กรณีศึกษาพื้นที่ลุ่มน้ำลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา
Nattinee Munchaona - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การวิเคราะห์ความสามารถในการรองรับทางนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำ : กรณีศึกษาพื้นที่ลุ่มน้ำลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อเรื่อง (EN): Watershed ecological carrying capacity analysis : a case study of Lam Phra Phloeng watershed, Nakhon Ratchasima province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nattinee Munchaona
บทคัดย่อ: การศึกษานี้ เป็นการประยุกต์ใช้ แบบจำลองสาธารณสิทธิ SWAT จำลองการทำหน้าที่เชิงนิเวศ ของพื้นที่ลุ่มน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประเมินสถานภาพของระบบลุ่มน้ำ และ กำหนดระดับการใช้ประโยชน์สูงสุดของพื้นที่ โดยกำหนดให้ ลักษณะการไหลของน้ำในลำน้ำ และการสูญเสียดิน ในพื้นที่ลุ่มน้ำ เป็นดัชนีที่ใช้ในการกำหนดระดับความวิกฤตของลุ่มนํ้าลำพระเพลิง การประเมินศักยภาพการทำหน้าที่เชิงนิเวศของลุ่มน้ำด้วยแบบจำลอง SWAT ในการศึกษาครั้งนี้ ได้รวบรวมข้อมูลตรวจวัดในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2540-2549 และทำการปรับเทียบการไหลในลำน้ำระหว่าง ผลการสำรวจปริมาณน้ำของสถานีสำรวจระดับน้ำ-ปริมาณน้ำ (M.145) กับผลการวิเคราะห์ ปริมาณน้ำด้วย แบบจำลองในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อยที่มีสถานีวัดน้ำตั้งอยู่ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient: r) ผลการเทียบปรับ พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ มีค่า 0.87 แสดงว่า แบบจำลอง SWAT สามารถจำลองปริมาณ น้ำท่าได้ดี สามารถนำผลการจำลองไปใช้ในการศึกษาพฤติกรรมของระบบในประเด็นที่สนใจได้ จากผลการวิเคราะห์ศักยภาพในการทำหน้าที่เชิงนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำ พบว่า ในพื้นที่ลุ่มน้ำที่มี สัดส่วนการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการผลิตทางการเกษตรสูงกว่าป่าธรรมชาติ จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการ ทำหน้าที่เชิงนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการช่วยยึดและปลดปล่อยน้ำในวัฏจักรจะมีศักยภาพ ลดลง ปริมาณน้ำท่าเกิดขึ้นมากในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้ผิวหน้าดินถูกพัดพาลงไปสะสมในแหล่งน้ำธรรมชาติ มากขึ้น รวมทั้งในช่วงฤดูแล้ง ปริมาณน้ำท่าเกิดขึ้นน้อยกว่าปกติ จนส่งผลให้เกิดภาวะน้ำขาดแคลน สำหรับระดับ การใช้ประโยชน์ที่ดินสูงสุดที่ส่งผลให้ลุ่มน้ำลำพระเพลิงมีศักยภาพในการทำหน้าที่เชิงนิเวศในระดับที่ดีที่สุดนั้น ลุ่มน้ำลำพระเพลิงควรมีพื้นที่ที่เป็นป่าธรรมชาติ 34% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ทางการเกษตรควรมีได้สูงสุด 65% ของพื้นที่ทั้งหมด
บทคัดย่อ (EN): This study was an application of the Soil and Water Assessment Tool (SWAT model) to simulate the Ecological Function of the Lam Phra Phloeng Watershed, Nakhonratchasima province. It was based on discharge and sediment yield for evaluation of the critical watershed as indicators of determining the Level of Watershed Ecological Carrying Capacity (WECC). In this study, the potential of the Ecological Function was determined by using the SWAT model to analyze the discharge and sediment from 1997 to 2006, and a calibration model was used to compare the observed data of the runoff station (M.145) Ban Wang Ta-khian Thong with the model results in terms of a correlation coefficient (r). The result of the calibration model showed that the correlation coefficient (r) was 0.87. The result indicated that the SWAT model was able to simulate runoff quite well and could be used to analyze data for this case study. The potential of the Ecological Function of this study in the Lam Phra Phloeng watershed area is that if agricultural land use is a higher percentage than natural forest use, this will decrease ground water absorption and increase output stream discharge of the hydrological cycle. The discharge will be more than normal in the wet season and increase sediment load in the river. In the dry season, discharge will be less than normal and will affect drought conditions in the study area. Therefore, the percentage of each type of land use that is acceptable would be a natural forest area of approximately 34% and an agricultural area of approximately 65%.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=5977&obj_id=5765
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Nakhonratchasima
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษานี้ เป็นการประยุกต์ใช้ แบบจำลองสาธารณสิทธิ SWAT จำลองการทำหน้าที่เชิงนิเวศ ของพื้นที่ลุ่มน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประเมินสถานภาพของระบบลุ่มน้ำ และ กำหนดระดับการใช้ประโยชน์สูงสุดของพื้นที่ โดยกำหนดให้ ลักษณะการไหลของน้ำในลำน้ำ และการสูญเสียดิน ในพื้นที่ลุ่มน้ำ เป็นดัชนีที่ใช้ในการกำหนดระดับความวิกฤตของลุ่มนํ้าลำพระเพลิง การประเมินศักยภาพการทำหน้าที่เชิงนิเวศของลุ่มน้ำด้วยแบบจำลอง SWAT ในการศึกษาครั้งนี้ ได้รวบรวมข้อมูลตรวจวัดในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2540-2549 และทำการปรับเทียบการไหลในลำน้ำระหว่าง ผลการสำรวจปริมาณน้ำของสถานีสำรวจระดับน้ำ-ปริมาณน้ำ (M.145) กับผลการวิเคราะห์ ปริมาณน้ำด้วย แบบจำลองในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อยที่มีสถานีวัดน้ำตั้งอยู่ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient: r) ผลการเทียบปรับ พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ มีค่า 0.87 แสดงว่า แบบจำลอง SWAT สามารถจำลองปริมาณ น้ำท่าได้ดี สามารถนำผลการจำลองไปใช้ในการศึกษาพฤติกรรมของระบบในประเด็นที่สนใจได้ จากผลการวิเคราะห์ศักยภาพในการทำหน้าที่เชิงนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำ พบว่า ในพื้นที่ลุ่มน้ำที่มี สัดส่วนการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการผลิตทางการเกษตรสูงกว่าป่าธรรมชาติ จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการ ทำหน้าที่เชิงนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการช่วยยึดและปลดปล่อยน้ำในวัฏจักรจะมีศักยภาพ ลดลง ปริมาณน้ำท่าเกิดขึ้นมากในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้ผิวหน้าดินถูกพัดพาลงไปสะสมในแหล่งน้ำธรรมชาติ มากขึ้น รวมทั้งในช่วงฤดูแล้ง ปริมาณน้ำท่าเกิดขึ้นน้อยกว่าปกติ จนส่งผลให้เกิดภาวะน้ำขาดแคลน สำหรับระดับ การใช้ประโยชน์ที่ดินสูงสุดที่ส่งผลให้ลุ่มน้ำลำพระเพลิงมีศักยภาพในการทำหน้าที่เชิงนิเวศในระดับที่ดีที่สุดนั้น ลุ่มน้ำลำพระเพลิงควรมีพื้นที่ที่เป็นป่าธรรมชาติ 34% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ทางการเกษตรควรมีได้สูงสุด 65% ของพื้นที่ทั้งหมด
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิเคราะห์ความสามารถในการรองรับทางนิเวศของพื้นที่ลุ่มน้ำ : กรณีศึกษาพื้นที่ลุ่มน้ำลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา
Nattinee Munchaona
มหาวิทยาลัยมหิดล
2552
การประเมินแนวทางการประยุกต์ใช้พลังงานหมุนเวียนที่เหมาะสมระดับชุมชนในพื้นที่ลุ่มน้ำ : กรณีศึกษาลุ่มน้ำแม่กลาง การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้เพื่อเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในลุ่มน้ำแม่แตงตอนกลางและตอนล่าง จังหวัดเชียงใหม่ การเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินในพื้นที่เมืองและผลกระทบต่อลักษณะอุทกวิทยาลุ่มน้ำ : กรณีศึกษาลุ่มน้ำกะตะ ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พื้นที่ดอกไม้ การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลตอนบนด้วยกระบวนการวิเคราะห์ตามลำดับชั้น กรณีศึกษา : โครงการส่งน้ำและบำ การคาดการณ์รูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แตง จ. เชียงใหม่ การประยุกต์เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในการประเมินความเหมาะสมของพื้นที่เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลในเขตพื้นที่น้ำจืด : กรณีศึกษา จังหวัดชลบุรี พื้นที่แห่งจินตนาการจากธรรมชาติ การศึกษาการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำยมโดยใช้พื้นที่ทุ่งน้ำท่วมธรรมชาติในบริเวณจังหวัดสุโขทัย การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการลุ่มน้ำ : กรณีศึกษาชุมชนลุ่มน้ำแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก