สืบค้นงานวิจัย
การนำ dsRNA ของยีน lef-2 และ gp64 มาใช้ยับยั้งการเกิดโรคแกรสเซอรี่ในหนอนไหม ในระดับศูนย์ฯ และภาคเกษตรกร
สมพร เลิศจิรกุล - กรมหม่อนไหม
ชื่อเรื่อง: การนำ dsRNA ของยีน lef-2 และ gp64 มาใช้ยับยั้งการเกิดโรคแกรสเซอรี่ในหนอนไหม ในระดับศูนย์ฯ และภาคเกษตรกร
ชื่อเรื่อง (EN): Suppression Grassery Disease in Bombyx mori L. by dsRNA of lef-2 and gp64 Genes for Rural Sericulture
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: โรคไหมที่สำคัญและพบมากคือ โรคแกรสเซอรี่สาเหตุจากเชื้อ Nucleopolyhedrovirus (BmNPV) เนื่องจากโรคดังกล่าวทำให้หนอนไหมตายและไม่ให้ผลผลิตรังไหมทำให้เกษตรกรสูญเสียใบหม่อน แรงงาน รายได้ และเวลา หากวิธีมีการยับยั้งการเพิ่มปริมาณของเชื้อ BmNPV ได้จะลดการสูญเสียหนอนไหม งานวิจัยนี้เป็นการทดสอบประสิทธิภาพชนิดของ dsRNA ในการยับยั้งการเพิ่มปริมาณเชื้อ BmNPV ในหนอนไหม ดำเนินการทดลองที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา โดยการนำหนอนไหมวัย 3 มื้อแรกกินใบหม่อนชุบ E. coli สายพันธุ์ HT115 ที่มีพลาสมิดสายผสม pET3a-hairpin dsRNA ที่สามารถสร้าง dsRNA ยีน lef-2 และ dsRNA ยีน gp64 ใช้การชุบใบหม่อนแบบแยกทดลอง วางแผนแบบ CRD จำนวน5 กรรมวิธี 10 ซ้ำ ใช้หนอนไหมซ้ำละ 20 ตัว กินใบหม่อนชุบน้ำกลั่น ใบหม่อนชุบน้ำกลั่น+เชื้อ BmNPV ใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน lef-2+เชื้อ BmNPV ใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน gp64+เชื้อ BmNPV และใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน lef-2 ผสมกับ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน gp64+เชื้อ BmNPV ซึ่งการให้เชื้อ BmNPV จะให้ในรูปสารแขวนลอยผลึกโปรตีนชุบใบหม่อน โดยใช้ความเข้มข้น 106 ผลึก/มิลลิลิตร ผลการทดลองพบว่า หนอนไหมที่กินใบหม่อนชุบน้ำกลั่นให้รังดีที่มีดักแด้สมบูรณ์เฉลี่ย 14.8 ตัว คิดเป็นร้อยละ 74.00 มากกว่ากรรมวิธีอื่น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกรรมวิธีใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน lef-2 +เชื้อ BmNPV ใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน lef-2ผสมกับE. coli ที่มี dsRNA ของยีน gp64+เชื้อ BmNPV ใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน gp64+เชื้อ BmNPV และใบหม่อนชุบน้ำกลั่น+เชื้อ BmNPV ให้รังดีที่มีดักแด้สมบูรณ์เฉลี่ย 11.60 8.10 4.90 และ 3.40 ตัว ตามลำดับคิดเป็นร้อยละ 58.00 40.50 24.50 และ 17.00 ตามลำดับ เมื่อทำการทดลองซ้ำโดยใช้กรรมวิธีเดิมแต่เปลี่ยนเป็นการให้ใบหม่อนแบบรวม วางแผนแบบ CRD จำนวน 5 กรรมวิธี 3 ซ้ำใช้หนอนไหมซ้ำละ 50 ตัว พบว่าหนอนไหมที่กินใบหม่อนชุบน้ำกลั่นให้รังดีที่มีดักแด้สมบูรณ์เฉลี่ย 44.00 ตัว คิดเป็นร้อยละ 88.00 มากกว่ากรรมวิธีอื่น เปรียบเทียบกับกรรมวิธีใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน lef-2ผสมกับ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน gp64 +เชื้อ BmNPVใบหม่อนชุบ E. coliที่มี dsRNA ของยีน lef-2+เชื้อ BmNPV ใบหม่อนชุบ E. coli ที่มี dsRNA ของยีน gp64+เชื้อ BmNPV และใบหม่อนชุบน้ำกลั่น+เชื้อ BmNPV มีรังดีที่มีดักแด้สมบูรณ์เฉลี่ย 37.33 32.67 30.33 และ 21.67 ตัว ตามลำดับคิดเป็นร้อยละ 74.66 65.34 60.66 และ 43.34 ตามลำดับ สรุปได้ว่าการใช้ dsRNA ในสภาพการเลี้ยงหนอนไหมด้วยใบหม่อนสามารถทำได้ แต่ประสิทธิภาพของ dsRNA ยังมีข้อจำกัด หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้ dsRNA ติดบนใบหม่อนมากขึ้นอาจเพิ่มประสิทธิภาพ dsRNA ในการยับยั้งการเพิ่มปริมาณเชื้อ BmNPV
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมหม่อนไหม
คำสำคัญ: หนอนไหม
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การนำ dsRNA ของยีน lef-2 และ gp64 มาใช้ยับยั้งการเกิดโรคแกรสเซอรี่ในหนอนไหม ในระดับศูนย์ฯ และภาคเกษตรกร
กรมหม่อนไหม
30 กันยายน 2558
กรมหม่อนไหม
การสำรวจความเสียหายและฤดูการเกิดโรคแกรสเซอรี่ ของหนอนไหมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การใช้ dsRNA เพื่อยับยั้งการเกิดโรคแกรสเซอรี่ในหนอนไหม(Bombyx mori) โดยเทคนิค RNA interference โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ไหมที่ต้านทานโรคแกรสเซอรี่ และพัฒนาเทคโนโลยี การป้องกันโรคแกรสเซอรี่ในภาคเกษตรกร การวิเคราะห์การทำงานของยีนที่ใช้ในการสังเคราะห์สารเคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชันโดย RNA interference ผลของพันธุ์และฤดูกาลของหม่อนต่อหนอนไหม การศึกษาการใช้ฮอร์โมนกับหนอนไหม การยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสนิวคลีโอโพลีฮีโดร (NPV) ของไหม โดยใช้ double-strand RNA interference การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวของเกษตรกรภาคกลาง ศึกษาลักษณะการเกิดโรคแอสเปอร์จิลลัสในหนอนไหม วัยแก่ การทดสอบปฏิกิริยาของหนอนไหม 6 พันธุ์ต่อเชื้อ NPV
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก