สืบค้นงานวิจัย
การจัดการดินและน้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ระยะที่ 2)
ธีรยุทธ เกิดไทย - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ชื่อเรื่อง: การจัดการดินและน้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ระยะที่ 2)
ชื่อเรื่อง (EN): Soil and Water Management for Yield Improvement of Sugarcane in The Northeast ( Phase 2)
บทคัดย่อ: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ปลูกอ้อยมากที่สุดของประเทศแต่มีผลผลิตเฉลี่ยต่ำมากและไม่สามารถไว้ตอได้หลายต่อเนื่องจากสภาพดินส่วนใหญ่เป็นดินเนื้อหยาบที่ความอุดมสมบูรณ์และการอุ้มน้ำต่ำ ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่มีน้อยและมีการกระจายตัวของน้ำฝนไม่สม่ำเสมอ ทำให้อ้อยได้รับน้ำไม่เพียงพอในบางช่วงของการเจริญเติบโต งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของวิธีการให้น้ำและการให้ปุ๋ยในระบบน้ำต่อผลผลิต คุณภาพ ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตอ้อย โดยมีการทดลอง 2 การทดลอง การทดลองที่ 1 เป็นการศึกษาต่อเนื่องจากการให้น้ำอ้อย 4 แบบ ได้แก่ 1) ไม่ให้น้ำ 2) ให้น้ำตามร่อง 3) ให้น้ำหยดบนดิน 4) ให้น้ำหยดใต้ดิน โดยมีการติดตามการทดลองจากอ้อยปลูกจนถึงอ้อยตอที่ 5 ผลการทดลองพบว่า การให้น้ำในการปลูกอ้อยทั้ง 3 วิธี ส่งผลให้อ้อยมีการเจริญเติบโต และผลผลิตอ้อยสูงกว่าการไม่ให้น้ำในอ้อยปลูก ถึงอ้อยตอที่ 3 ส่วนในอ้อยตอที่ 4 วิธีการไม่ให้น้ำไม่สามารถไว้ตออ้อยได้ต่อเพราะมีเปอร์เซ็นต์การงอกที่ต่ำมาก ส่วนระหว่างวิธีการให้น้ำพบว่าในอ้อยปลูก และอ้อยตอที่ 1-2 มีผลผลิตไม่ต่างกันมากนักแต่การให้น้ำตามร่องมีการใช้น้ำที่มากกว่า ส่วนในอ้อยตอที่ 3-5 พบว่าการให้น้ำหยดบนดินจะให้ผลผลิต และผลตอบแทนที่ดีกว่าการให้น้ำหยดใต้ดินและการให้น้ำตามร่อง ทั้งนี้เนื่องมาจากการให้น้ำตามร่องเกิดปัญหาการให้น้ำในปีหลังๆเพราะเกิดการขวางทางน้ำจากการทับถมของใบอ้อย ส่วนระบบน้ำหยดใต้ดินเริ่มมีการอุดตันและรั่วไหลทำให้การให้น้ำได้ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนั้นแล้ววิธีการให้น้ำหยดบนผิวดินยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี ตั้งแต่อ้อยปลูกถึงตอ 5 สูงที่สุดด้วย การทดลองที่ 2 เป็นการศึกษาการให้น้ำและปุ๋ยในระบบน้ำต่อผลผลิตและคุณภาพของอ้อย ใน ดิน 2 ชนิดคือดินร่วนเหนียว และดินร่วนทราย โดยดินทั้ง 2 ชนิดทำเปรียบเทียบการให้น้ำและปุ๋ย 4 กรรมวิธีคือ 1) ไม่ให้น้ำ+ให้ปุ๋ยทางดิน(กรรมวิธีของเกษตรกร) 2) ให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามค่าวิเคราะห์ดิน(กรมวิชาการเกษตร) 3) ให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อย 4) ให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อย+ ธาตุอาหารรอง/ธาตุอาหารเสริม ผลการทดลองในดินร่วนเหนียว พบว่าการให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อย+ธาตุอาหารรอง/ธาตุอาหารเสริมในอ้อยปลูกและอ้อยตอ มีแนวโน้มทำให้การเจริญเติบโตและผลผลิตสูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ไม่แตกต่างจากวิธีให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อย และการให้ปุ๋ยทุกวิธีไม่ทำให้ความหวานของอ้อยแตกต่างกัน โดยวิธีการให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อยโดยไม่ใส่ธาตุอาหารรอง/ธาตุอาหารเสริมจะให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ส่วนการทดลองในดินร่วนทราย พบว่าวิธีการให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อย+ธาตุอาหารรอง/ธาตุอาหารเสริมทำให้การเจริญเติบโตและผลผลิตอ้อยสูงที่สุด และทุกวิธีการให้น้ำและปุ๋ยแก่อ้อยไม่มีผลต่อคุณภาพของอ้อย และการให้น้ำ+ปุ๋ยทางระบบน้ำตามศักยภาพผลผลิตอ้อย+ธาตุอาหารรอง/ธาตุอาหารเสริม ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
บทคัดย่อ (EN): Northeast of Thailand is the largest area for sugarcane production, but the average cane yield in this area is very low. The important limiting factors include coarse texture soils with low fertility and water holding capacity and low rain fall with an erratic distribution. These lead to insufficient water consumption for sugarcane during some part of growing periods and low nutrient utilization efficiency. The objective of this research was to study the effects of irrigation and fertigation on sugar cane yield, quality and economic returns of sugar cane production. There were two experiments. The first experiment was the long term effecst of water suppys on ratoon yields (5th ratoon). There were 4 conditions of water supply for sugar cane planting: 1) no irrigation, 2) furrow irrigation, 3) surface drip irrigation and 4) sub surface drip irrigation. The experiment was carried out from planting cane to 5th ratoon. The results showed that 3 methods of water application increased cane yield of plant cane and all ratoons. However in the 5th year, no irrigation could not be continue because of low germination in the ratoon cane. Among water supply conditions, yield of plant cane, 1st and 2nd rotoons were not significant different but the furrow irrigation used much more water than both drip irrigation methods. For 3rd to 5th ratoons, the surface drip irrigation resulted to more cane yield and economic returns than those of the furrow and sub-surface drip irrigation. This was due to the fact that the furrow irrigation faced the problems of water distribution along the sugarcan rows with the damming of sugarcane leaves between the rows in recent years. Also the subsurface drip system was clogged and leaked resulting in irregular water supply. The second experiment was the study of drip irrigation and fertigation on yield and quality of sugarcane in 2 soil types (clay loam and sandy loam). In each soil there were 4 treatments: 1) no irrigation + soil fertilizer application (farmers method) 2) drip irrigation and fertigation based on soil test (DOA reccomendation) 3) drip irrigation + ferigation based on yield potential. 4) drip irrigation + ferigation based on yield potential + secondary and micro nutrients. In clay loam soil, it was found that the irrigation + fertigation based on the yield potential + secondary and micro nutrients resulted to higher growth and yield than other methods. Different fertilizer application had no effect on sugar brix. However, drip irrigation +fertigation based on yield potential without secondary and micro nutrients provided the highest economic return. In sandy loam soil. It was found that the method of irrigationr + fertigation based on yield potential + secondary and micro nutrients produced the highest growth and yield of sugarcane. All of the irrigationand fertilizer application methods did not affect sugarcane quality. The irrigation + fertigation based on yield potential + secondary and micro nutrients gave the highest economic returns.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
คำสำคัญ: การปรับปรุงดิน
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการดินและน้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ระยะที่ 2)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
30 กันยายน 2558
ความถี่ อัตราและช่วงระยะเวลาการให้น้ำสำหรับอ้อยในเขตชลประทานภาคกลาง การใช้ปุ๋ยพืชสดปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินและเพิ่มผลผลิตของพืชในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ การศึกษาประสิทธิภาพการใช้น้ำ และผลผลิตของมันสำปะหลังบนพื้นที่นาดอนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การใช้ประโยชน์ของดินชุดยโสธรเพื่อการเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดการที่เหมาะสมในการสับกลบใบอ้อยเพื่อปรับปรุงบำรุงดินและเพิ่มผลผลิตอ้อย ในกลุ่มชุดดินที่ 22 ความสัมพันธ์ระหว่างดิน น้ำ และพืช การจัดการธาตุอาหารพืชที่เหมาะสมเพื่อการผลิตอ้อย ในดินทรายภาคตะวันออก การทดสอบปุ๋ยกับหอมแดงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบบการผลิตยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก