สืบค้นงานวิจัย
การจัดการธาตุอาหารพืชที่เหมาะสมเพื่อการผลิตอ้อย ในดินทรายภาคตะวันออก
วัลลีย์ อมรพล - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การจัดการธาตุอาหารพืชที่เหมาะสมเพื่อการผลิตอ้อย ในดินทรายภาคตะวันออก
ชื่อเรื่อง (EN): Optimal crop nutrient management for sugarcane production on sandy soil in the Eastern of Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วัลลีย์ อมรพล
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Wanlee Amonpon
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: ในปัจจุบันปุ๋ยเคมีมีราคาแพง การเพิ่มผลผลิตอ้อยจำเป็นต้องมีการจัดการธาตุอาหารพืชที่มีประสิทธิภาพ และมีความเฉพาะเจาะจงสำหรับพื้นที่ จึงได้ศึกษาการตอบสนองของอ้อยต่อการจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสมในพื้นที่ดินทราย เพื่อใช้ในการให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยกับอ้อยที่ปลูกในพื้นที่ดินทรายภาคตะวันออกอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทำการ ทดลองในดินทราย ชุดดินสัตหีบ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง วางแผนการทดลองแบบ split-split plot 3 ซ้ำ 16 กรรมวิธี ปัจจัยหลักเป็นการปรับปรุงดิน ประกอบด้วย 2 วิธีการ ได้แก่ 1) ไม่ปรับปรุงดิน 2) ใช้โดโลไมท์ 100 กก./ไร่ ร่วมกับปุ๋ย หมักกากตะกอนหม้อกรองอ้อย 1,000 กก./ไร่ ปัจจัยรอง คือ พันธุ์อ้อย 2 พันธุ์ ได้แก่ 1) พันธุ์ LK92-11 2) พันธุ์ขอนแก่น 3 และปัจจัยย่อยเป็นอัตราปุ๋ย 4 ระดับ ได้แก่ 1) 0-6-18 2) 9-6-18 3)18-6-18 และ 4) 27-6-18 กิโลกรัม N-P2 O5 -K2 O ต่อไร่ ผลการทดลอง พบว่า การปรับปรุงดิน การใช้พันธุ์ และการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ให้ผลผลิตอ้อยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การไม่ปรับปรุงดินให้ผลผลิตเฉลี่ย 12.27 ตัน/ไร่ แต่การปรับปรุงดินด้วยโดโลไมท์ร่วมกับปุ๋ยหมักกากตะกอนหม้อ กรองอ้อย ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 13.97 ตัน/ไร่ โดยการปลูกอ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3 ให้ผลผลิตสูงสุดเฉลี่ย 14.11 ตัน/ ไร่ ขณะที่พันธุ์ LK92-11ให้ผลผลิตเฉลี่ย 12.13 ตัน/ไร่ การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตอ้อยอย่างชัดเจน คือ อ้อยมีการแตกกอให้จำนวนลำต่อไร่ ความสูงของลำ และผลผลิตสูงสุดที่ระดับปุ๋ยไนโตรเจน 27 กก.N/ไร่ อ้อยทั้ง 2 พันธุ์ มีการดูดใช้ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมแตกต่างกัน และอ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3 มีประสิทธิภาพการใช้ไนโตรเจน เพื่อสร้างผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ LK92-11 การปลูกอ้อยพันธุ์ LK92-11 โดยไม่ปรับปรุงดินในดินทราย ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนที่ระดับ 9 กก.N/ไร่ และพันธุ์ขอนแก่น 3 ใส่ที่ระดับ 27 กก.N /ไร่ ขณะที่มีการปรับปรุงดิน การปลูกอ้อยทั้ง 2 พันธุ์ ควรใส่ปุ๋ย ไนโตรเจนที่ระดับ 9 กก.N/ไร่ ซึ่งให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
บทคัดย่อ (EN): To increase sugarcane production in present situation of costly chemical fertilizers, it a good nutrient management which is specified to production area is required. Therefore, the response of sugarcane to nutrient management in sandy soil in the Eastern part of Thailand had been investigated. The study aimed to get the most effectively recommendation of fertilizer application for sugarcane grown on sandy soils. The experiment was conducted on Sattahip (Sh) sandy soil, at Muang district, Rayong province. The experimental design was a split-split plot with 3 replications. Main plot was compresed of 2 soil improvements which were 1) without soil amendment, 2) amendment with 100 kg/rai of dolomite and 1,000 kg/rai of filtercake. Sub-plot consisted of 2 varieties of sugarcane i.e. LK92-11 and Khon Kaen 3. Sub-sub plot consisted of 4 fertilizer application rates i.e. 0-6-18, 9-6-18, 18-6-18, and 27-6-18 kg N-P2 O5 -K2 O/rai. Results showed that the use of soil amendment, variety and fertilizer nitrogen affected sugarcane yield with significant differences. If sugarcane was grown without soil improvement, it would give a lower yield of 12.27 t/rai. The use of dolomite and filtercake as soil amendment was able to increase the yield up to 13.97 t/rai. Khon Kaen 3 variety, gave a higher yield of 14.11 t/rai compared to LK92-11 which was only 12.13 t/rai. Using nitrogen fertilizer clearly affected the productivity of sugarcane by enhancing tiller formation, height, and stalk yield which were observed at nitrogen application rate of 27 kg N/rai, Uptakes of nitrogen, phosphorus and potassium of both sugarcane varieties were significantly different. Khon Kaen 3 variety had highles efficient use of nitrogen when compared to LK92-11. Sugarcane production on Sattahip sandy soils, without soil improvement should be applied with nitrogen fertilizer at the rate 9 kg N/rai for LK92-11 varieties and 27 N kg/rai for Khon Kaen 3. On the other hand with dolomite and filtercake amelioration, the nitrogen fertilizer application rate should be 9 kg N/rai for both varieties.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
จำนวนหน้า: 8
เอกสารแนบ: https://ag2.kku.ac.th/kaj/PDF.cfm?filename=183.pdf&id=645&keeptrack=14
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: ประสิทธิภาพของปุ๋ยไนโตรเจน
คำสำคัญ (EN): NUE
หมวดหมู่:
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการธาตุอาหารพืชที่เหมาะสมเพื่อการผลิตอ้อย ในดินทรายภาคตะวันออก
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2555
การประเมินศักยภาพเชิงพื้นที่ และความเหมาะสมของดินนาที่มีผลิตภาพต่ำ เพื่อการปลูกและการจัดการธาตุอาหารอ้อย ในจังหวัดหนองบัวลำพู ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย การพัฒนาและปรับใช้ คำแนะนำการจัดการธาตุอาหารเฉพาะพื้นที่สำหรับอ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อใช้เป็นคำแนะนำการจัดการธาตุอาหารหลักเฉพาะพื้นที่ สำหรับอ้อยภาคกลางฝั่งตะวันตก การกำหนดแนวทางการจัดการธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมอย่างมีประสิทธิภาพในดินปลูกอ้อย ในจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ การจัดการธาตุอาหารพืชที่เหมาะสมเพื่อการผลิตอ้อยในดินทราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนวทางการจัดการธาตุอาหารสำหรับดินที่ปลูกอ้อยในจังหวัดชัยภูมิและนครราชสีมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการธาตุอาหารพืชตามดัชนีผลิตภาพดินเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในจังหวัดสระแก้ว การจัดการดินและน้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ระยะที่ 2) การปรับปรุงพันธุ์อ้อยเพื่อผลผลิตและพลังงาน การปลูกพืชสลับในไร่อ้อยเพื่อปรับปรุงบำรุงดินและเพิ่มผลผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก