สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาธุรกิจของสถาบันเกษตรกรในนิคมการเกษตร
จิรชาย เจริญ - สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาธุรกิจของสถาบันเกษตรกรในนิคมการเกษตร
บทคัดย่อ: การศึกษาเรื่อง การพัฒนาธุรกิจของสถาบันเกษตรกรในนิคมการเกษตร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินธุรกิจของสถาบันเกษตรกร และเพื่อศึกษาปัจจัยที่ผลต่อการทำกำไรของสถาบันเกษตรกร โดยทำการศึกษาในพื้นที่นำร่องนิคมการเกษตรในปี 2553 ใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร จันทบุรี ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา และสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นนิคมการเกษตรข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์ม การเก็บรวบรวมข้อมูล ทำการกำหนดขนาดตัวอย่าง ร้อยละ 30 ของประชากรกลุ่มสถาบันเกษตรกรทั้งหมด 110 กลุ่ม ได้กลุ่มตัวอย่าง 37 กลุ่มประกอบด้วย สหกรณ์ 10 สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน 12 แห่ง และกลุ่มเกษตรกร 15 กลุ่ม ทำการสัมภาษณ์ทั้งคณะกรรมการ และสมาชิกกลุ่ม วิเคราะห์โดยใช้แนวคิดและทฤษฎี Balanced Scorecard ซึ่งทำการวิเคราะห์ 4 ด้านประกอบด้วย 1) ด้านการเงิน 2) ด้านกระบวนการภายใน 3) การเรียนรู้เพื่อการเพื่อการเติบโต และ 4) ความพึงพอใจของลูกค้า (สมาชิกกลุ่ม) จากนั้นนำประเด็นการศึกษาทั้ง 4 มาวิเคราะห์ Multiple Regression พร้อมด้วยตัวแปรอีก 4 ตัว ประกอบไปด้วย 5) การเพิ่มขึ้นของสมาชิก 6) การศึกษาของคณะกรรมการ 7) ความสูญเสียหรือเสียหายในการผลิต และ 8) ความสามารถในการทำกำไร ผลการศึกษา พบว่า ในการวิเคราะห์ Balanced Scorecard ทั้ง 4 ด้านนั้น ด้านการเงิน ทั้งกลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ยังอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ส่วนอีก 3 ด้านที่เหลือคือ ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเรียนรู้เพื่อการเติบโต และด้านความพึงพอใจของลูกค้า อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่สหกรณ์การเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดีมากทั้ง 4 ด้าน และเมื่อนำเอาตัวแปรทั้งหมด 8 ตัว มาวิเคราะห์ Multiple Regression โดยตัวแปรความสามารถในการทำกำไร เป็นตัวแปรตาม ส่วนตัวแปรที่เหลือทั้ง 7 ตัวเป็นตัวแปรอิสระ พบว่า เมื่อมองภาพรวม ความสามารถในการทำกำไรของสถาบันเกษตรกรมีความสัมพันธ์กับตัวแปรกระบวนการภายใน ตัวแปรการเพิ่มขึ้นของสมาชิก และตัวแปรความพึงพอใจของสมาชิก ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 90 95 99 เรียงลำดับตามตัวแปร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พร้อมกันนี้เมื่อพิจารณาที่กลุ่มเกษตรกร พบว่า ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มเกษตรกรมีความสัมพันธ์กับตัวแปรความสูญเสียในการผลิต และตัวแปรความพึงพอใจของสมาชิก ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 90 95 เรียงลำดับตามตัวแปร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อพิจารณากลุ่มวิสาหกิจชุมชน พบว่า ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีความสัมพันธ์กับตัวแปรกระบวนการภายใน และตัวแปรการเพิ่มขึ้นของสมาชิก ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 90 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และเมื่อพิจารณาสหกรณ์การเกษตร พบว่า ความสามารถในการทำกำไรของสหกรณ์มีความสัมพันธ์กับตัวแปรความพึงพอใจของสมาชิกที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การวิเคราะห์ Balanced Scorecard นั้น ด้านการเงิน เป็นส่วนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจากการวิเคราะห์ทั้ง 4 ด้านของ กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากในการดำเนินงานของกลุ่ม ขาดความชัดเจน ในหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินของกลุ่ม การสนับสนุนของทางภาครัฐจะเน้นเรื่องปัจจัยการผลิตเป็นหลักพร้อมทั้งความรู้ด้านการเกษตร อุปกรณ์เครื่องจักรกลทางเกษตร เจ้าหน้าที่ของรัฐควรให้ความสำคัญทางด้านความรู้ความเข้าใจบัญชีรายรับรายจ่ายของกลุ่มเพิ่มเติม เน้นในทางปฏิบัติจริง เพื่อให้สมาชิกกลุ่มเกิดความมั่นใจในการดำเนินงานของกลุ่มมากขึ้น และสำหรับการวิเคราะห์ Multiple Regression ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มเกษตรกร มีความสัมพันธ์กับตัวแปรความพึงพอใจของสมาชิกกับตัวแปรความสูญเสียการผลิต ในทิศทางตรงกันข้ามของยอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการที่เกษตรกรได้รับความรู้ทางการผลิตและการส่งเสริมปัจจัยการผลิต ทำให้มีการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างคุ้มค่า ความสูญเสียหรือความเสียหายทางการเกษตรจึงมีอัตราที่ลดลงอย่างชัดเจน ส่วนในเรื่องความพึงพอใจที่ลดลงจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากการขาดความมั่นใจของสมาชิกกลุ่มในการบริหารจัดการเรื่องการเงินของกลุ่มเกษตรกร ส่วนความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน มีความสัมพันธ์กับตัวแปรกระบวนการภายใน และตัวแปรการเพิ่มขึ้นของสมาชิก ซึ่งในด้านกระบวนการภายในพบว่า วิสาหกิจชุมชนมีความชัดเจนในการจัดทำแผนการบริหารจัดการกลุ่ม ทั้งในแง่งบประมาณ และการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งการเพิ่มขึ้นของสมาชิกกลุ่มมีความสอดคล้องกับการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น จากการสอบถามสมาชิกกลุ่มพบว่า แรงจูงใจที่สำคัญคือ การได้รับเงินสนับสนุนจากทางภาครัฐในอัตราดอกเบี้ยต่ำเมื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชน และสำหรับความสามารถในการทำกำไรของสหกรณ์มีความสัมพันธ์กับตัวแปรความพึงพอใจของสมาชิก ในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งหมายความว่า ในการทำกำไรหรือยอดขายที่เพิ่มขึ้นของสหกรณ์นั้น ทำให้ความพึงพอใจของสมาชิกลดลง สาเหตุมาจากสมาชิกสหกรณ์มีรู้สึกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องจ่ายไปนั้นแพง พร้อมทั้งปัจจัยการผลิตที่ซื้อจากทางสหกรณ์นั้นมีราคาแพงกว่าท้องตลาด สำหรับการพัฒนาธุรกิจของสถาบันเกษตรกรในนิคมการเกษตร โดยรวมไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร มีความสามารถในการทำกำไร หรือมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากภาครัฐได้เข้าไปส่งเสริมและสนับสนุน ปัจจัยการผลิต องค์ความรู้ และเครื่องจักรกล อย่างต่อเนื่องตามแผนนโยบายที่ว่างไว้ แล้วเมื่อสิ้นสุดโครงการจะเป็นอย่างไร ภาครัฐยังให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ เป็นความกังวลใจของ คณะกรรมการ และสมาชิกกลุ่มที่ตั้งคำถาม ซึ่งผู้วิจัยมีความเชื่อมั่นว่า หากโครงการใดที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรส่วนใหญ่แล้ว ภาครัฐย่อมให้การสนับสนุนต่อไปแน่นอน.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
คำสำคัญ: นิคมการเกษตร
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาธุรกิจของสถาบันเกษตรกรในนิคมการเกษตร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
30 กันยายน 2555
แบบหล่อคอนกรีตจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร องค์ประกอบในการพัฒนาอาชีพเกษตร การศึกษาและติดตามการดำเนินงานโครงการนิคมการเกษตร (ข้าว) จังหวัดฉะเชิงเทรา ธุรกิจเกษตรหน่อไม้ฝรั่งของเกษตรกร จังหวัดนครปฐม การพัฒนาธุรกิจของสหกรณ์การเกษตรเพื่อเข้าสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ การพัฒนาโรงรมควันของสถาบันเกษตรกรเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GMP ความต้องการส่งเสริมการเกษตร ของสมาชิกสถาบันเกษตรกร ในจังหวัดขอนแก่น การศึกษาเพื่อพัฒนาบ่อแช่ฟอกปอของเกษตรกรในประเทศไทย โครงการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจากการสนับสนุนเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร (ASPL)แผนพัฒนาคุณภาพสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตร การเข้าถึงสวัสดิการสังคมของครัวเรือนเกษตร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก