สืบค้นงานวิจัย
การใช้สื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในจังหวัดเชียงรายและพะเยา
นคเรศ รังควัต, พนิตพิมพ์ สิทธิศักดิ์ - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การใช้สื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในจังหวัดเชียงรายและพะเยา
ชื่อเรื่อง (EN): The Efficiency Development of Smallholder Rubber Farms in Chiang Rai and Phayao Provinces
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย:
คำสำคัญ:
บทคัดย่อ: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิต การตลาดและการสื่อสารการตลาดของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในจังหวัดเชียงรายและพะเยา การศึกษาประกอบไปด้วย 3 โครงการย่อย คือ 1) การใช้สื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพารา 2) การวิเคราะห์ระบบตลาดและการจัดตั้งเครือข่าย และ 3) การพัฒนาการสื่อสารทางการตลาดของเกษตรรายย่อยกลุ่มตัวอย่างเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดรายและพะเยา เกษตรกรที่ศึกษาทั้งสิ้น 412 ราย เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณา ผลการศึกษา พบว่า ก่อนการฝึกอบรมเกษตรกรมีความรู้ด้านต่างๆ ของการผลิตยางก้อนถ้วยในระดับดีถึงดีมาก ด้วยคะแนนเฉลี่ยช่วง 4.47 ถึง 4.72 จากคะแนนเต็ม 5 แต่เกษตรกรมีความรู้น้อยถึงน้อยที่สุดในเรื่องของการแปรรูปยางแผ่นดิบ ด้วยระดับคะแนนเฉลี่ยช่วง 2.35 ถึง 2.91 ส่วนการปลูกและดูแลรักษา และการเปิดกรีดเกษตรกรมีความรู้ในระดับพอใช้ถึงระดับดี หลังการฝึกอบรมเกษตรกรมีความรู้เพิ่มขึ้น จากความรู้ระดับคะแนนน้อยถึงน้อยที่สุดเพิ่มขึ้นเป็นระดับคะแนนพอใช้ถึงดี และจากระดับคะแนนพอใช้ถึงระดับดีเพิ่มขึ้นเป็นระดับคะแนนดีถึงดีมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกษตรได้รับความรู้ในการผลิตยางพาราในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น การผลิตยางก้อนถ้วยของเกษตรกรมีต้นทุนเฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.79 บาท และขายผลผลิตได้กิโลกรัมละ 27.15 บาท กำไรสุทธิเท่ากับ 0.36 บาท ส่วนการผลิตยางแผ่นดิบมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.01 บาท และขายผลผลิตได้ในราคากิโลกรัมละ 34.71 บาท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5.70บาท เกษตรกรร้อยละ 83.23 ขายผลผลิตในรูปแบบยางก้อนถ้วย ส่วนที่เหลือร้อยละ 16.77 ขายเป็นยางแผ่นดิบ โดยยางก้อนถ้วยเกษตรกรให้กับพ่อค้าเร่ (ร้อยละ 12.15) ขายผ่านระบบประมูลร้อยละ 51.08 และส่วนที่เหลือขายให้กับพ่อค้าท้องถิ่น ส่วนยางแผ่นดิบเป็นการรวมกลุ่มขายด้วยระบบการประมูลของพ่อค้าคนกลางในท้องถิ่นแข่งขันกันเสนอราคาผู้ที่ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะการประมูล ผลผลิตทั้งหมดพ่อค้าผู้รวบรวมส่งขายตลาดกลางจังหวัดระยอง พ่อค้าเร่มีส่วนเหลื่อมการตลาดกิโลกรัมละ 6.79 บาท เป็นทุนการตลาดและกำไรเท่ากับ 1.50 และ 5.29 บาท พ่อค้าท้องถิ่นรับท้องถิ่นระดับที่ 1 มีส่วนเหลื่อมการตลาดเท่ากับกิโลกรัมละ 10.31 บาท เป็นต้นทุนการตลาดและกำไรของพ่อค้ากิโลกรัมละ 1.75 และ 8.56 บาท พ่อค้ารับซื้อท้องถิ่นระดับที่ 2 มีส่วนเหลื่อมการตลาดกิโลกรัมละ 3.65 บาท ค่าใช้จ่ายทางการตลาดและไรของพ่อค้าเท่ากับ 1.75 และ 1.90 บาท ในปี 2559 พื้นที่ศึกษาจะมีผลผลิตยางพาราทั้งยางก้อนถ้วยและยางแผ่นดิบทั้งสิ้น 56,189 ตัน มีมูลค่าส่วนเหลื่อมการตลาดเท่ากับ 339,498,831.90 บาท โดยแบ่งเป็นต้นทุนรวมทางการตลาดและกำไรของพ่อค้า 76,714,375.00 และ 262,784,456.90 บาทตามลำดับ ด้านกิจกรรมการพัฒนาเครือข่าย การศึกษานี้ได้จัดทำจดหมายข่าวจำนวน 3 ฉบับ คือ ฉบับเดือนเมษายน-มิถุนายน 2559 ฉบับเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2559 และฉบับเดือนเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2559 องค์ประกอบเนื้อหาของสื่อที่จัดทำประกอบด้วย สรุปสภาวะตลาดและราคายาง สถานการณ์การตลาดและราคายาง และสรุปข่าวยางในรอบเดือน จดหมายข่าวจัดส่งให้กับกลุ่มตัวอย่างทางไปรษณีย์ ผลการประเมินความพึงพอใจและการใช้ประโยชน์จากสื่อเผยแพร่ข่าวสารการตลาด พบว่า ในด้านข้อมูลข่าวสารในจดหมายข่าวและการนำข่าวสารไปใช้ประโยชน์เกษตรกรมีความพึงพอใจในทุกๆ ด้านในระดับมากถึงมากที่สุด ขณะที่การออกแบบและจัดรูปแบบสื่อมีระดับคะแนนเฉลี่ยในระดับพอใช้ถึงมาก คำสำคัญ: ศักยภาพเกษตรกร เครือข่ายการตลาด การสื่อสารการตลาด
บทคัดย่อ (EN): The objective of this study was develop capacity of production, marketing and marketing communication of stallholder rubber farm in northern, Thailand. The study was included into 3 sub-projects: 1) using communication to development of small holder rubber farm’s; 2) an analysis marketing systems and establish of marketing network; 3) to produce rubber newsletters and promote to famers received information the current market situation. The sample groups in this study consisted of 412 households farmers registered with the Office of Rubber Replanting Aid Fund. There was promotion in Chiang Rai and Phayao provinces. An evaluated pre and post training by the use of media to promotion, the results found that before training the famer was very well have the knowledge in any way the producing cup lump of rubber. There was an average score between 4.47 and 4.72 from the total of 5. The farmer was lowest of knowledge in any way of producing unsmooked rubber sheet which the score between 2.35 to 2.91. The sample have fairly and well of knowledge in the planting and maintenance, opening rubber latex and collected of latex. However, after training by media use, the knowledge of farmer was increased from lowest to fairly and well level of scares and from fairly and well to very well level of scare. This was showed increase knowledge of famers in any field of rubber production. The result found that an average cost cup of rubber and price for sale of 26.79 and 27.15 baht per kilogram. The farmer was benefited from cup lump of rubber as 0.36 baht per kilogram. For the unsmoked rubber sheet had an average cost and price for sale of 29.01 and 34.71 baht per kilogram. They were benefited in the unsmoked rubber sheet as 5.70 baht per kilogram. The smallholder rubber farms were a 83.23 percent sale in form cup lump of rubber and unsmoked rubber sheet of 16.77 percent. The cup lump of rubber, the farmer sale to travelers’ merchant at the village level of 12.15 percent and the farmer group was engaged with auctions by the electronic systems of 51.08 percent. The other were sale to middleman. For the unsmoked rubber sheet, the farmer group was auction by the electronic systems which was given high price as the winner. The cup lump of rubber, the travelers’ merchant was marketing margin of 6.79 baht. This was cost of marketing and benefit of 1.50 and 5.29 baht respective. Meanwhile, the middleman first level was marketing margin of 10.31 baht which was cost of marketing and benefit of 1.75 and 8.65 baht. For the middleman first level was marketing margin of 3.65 baht which was cost of marketing and benefit of 1.75 and 1.90 baht. In 2015, in Chiang Rai and Phayao Proviences were a total rubber yield of 56,189 tons. There gave marketing margin of 339,498,831.90 baht divided into marketing cost and merchant benefit of 76,714,375.00 and 262,784,456.90 baht respective. Regarding activities and network development, this study had prepared 3 editions of newsletters: April – June, 2016; July – August, 2016; and October – December, 2016. Its content components included conclusion of marketing condition and rubber price, marketing situations and rubber price, and conclusion of rubber price of each month. There newsletters were sent to the sample group via post. For the assessment of the respondent satisfaction and utilization of media on marketing dissemination, it was found that they had a high level up to a highest level of satisfaction with all aspects. Besides, it was found that the respondents had a high level satisfaction with design and format of the media. Keyword: Efficiency of Farmer’s, Rubber Marketing, Marketing network
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2558-10-01
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2559-09-30
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้สื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในจังหวัดเชียงรายและพะเยา
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
30 กันยายน 2559
การใช้สื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในภาคเหนือตอนบน การศึกษาวิธีการปรับปรุงพันธุ์ปลานิลของเกษตรกรรายย่อยใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การศึกษาแนวทางการพัฒนาการสื่อสารทางการตลาดของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในภาคเหนือตอนบน การศึกษาแนวทางการพัฒนาการสื่อสารทางการตลาดของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในจังหวัดเชียงรายและพะเยา การยับยั้งอย่างจำเพาะเจาะจงต่อการแสดงออกของยีน Rubber Elongation Factor (REF) ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนก่อภูมิแพ้ในยางพาราด้วยเทคโนโลยีแอนติเซน การวิเคราะห์ระบบตลาดและการจัดตั้งเครือข่ายการตลาดของเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในภาคเหนือตอนบน สภาพการผลิตขิงของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดเชียงราย การศึกษาสภาพการผลิตยางพาราของเกษตรกรที่เริ่มเปิดกรีด จังหวัดอุดรธานี การเพิ่มศักยภาพการผลิตยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การพัฒนาศักยภาพเกษตรกรรายย่อยปลูกยางพาราในภาคเหนือตอนบน

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก