สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์จากปูที่เหลือทิ้งจากอวนจมปูในการผลิตไคตินและไคโตซาน
อรรถวุฒิ กันทะวงศ์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์จากปูที่เหลือทิ้งจากอวนจมปูในการผลิตไคตินและไคโตซาน
ชื่อเรื่อง (EN): Usage of waste crabs from bottom gill net for chitin and chitosan production
บทคัดย่อ: จากการศึกษาความหลากชนิดของปูที่ได้จากอวนจมปูใน จ.ชลบุรีและ จ.ระยอง พบว่ามีความหลากชนิดของปูสูงถึง 69 ชนิด นำเปลือกปู 20 ชนิดที่เหลือทิ้งและมีปริมาณมากพอมาผลิตไคตินและไคโตซาน ซึ่งพบว่าเปลือกปูแต่ละชนิดมีปริมาณไคตินและไคโตซานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าคิดเป็นร้อยละต่อน้ำหนักแห้งอยู่ระหว่าง 6.87-13.05 และ 5.63-10.65 และปูส่วนใหญ่มีปริมาณไคโตซานสูงสุดในส่วนกระดอง รองลงมาคือ ก้ามกับขาเดิน และอกกับท้อง คุณภาพของไคโตซานจากเปลือกปูแต่ละชนิดมีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีระดับการกำจัดหมู่อะซีติล ความชื้น เถ้า ความหนืด และดัชนีความขาว คิดเป็นร้อยละระหว่าง 45.03-81.46, 6.57-12.81, 0.20-4.50, 77.27 – 2,947.72 และ 67.60-81.82 ตามลำดับ ไคโตซานที่ได้จากเปลือกปูเพียง 12 ชนิดที่สามารถตกตะกอนนม โดยมีค่าร้อยละของโปรตีนที่ตกตะกอนอยู่ระหว่าง 12.52 - 76.72 และไคโตซานจากเปลือกปูมีค่าร้อยละของการจับตัวกับอิออนเหล็กอยู่ระหว่าง 14.38 - 32.92 เมื่อพิจารณาในการนำไคโตซานไปใช้ประโยชน์ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และประสิทธิภาพ พบว่าไคโตซานจากปูที่มีศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ ไคโตซานจากปูฟองน้ำ (Lauridromia indica) ปูเป้ใหญ่ (Dorippe quadridens) ปูฤาษีจุด (Calappa philargius) ปูหนุมานตุ่ม (Asthoret lunaris) ปูก้านตายาว (Podophthalmus vigil) ปูใบ้มะระ (Halimede octodes) และปูใบ้น้ำลึก (Galene bispinosa) จากการศึกษาความหลากชนิดของปูที่ได้จากอวนจมปูใน จ.ชลบุรีและ จ.ระยอง พบว่ามีความหลากชนิดของปูสูงถึง 69 ชนิด นำเปลือกปู 20 ชนิดที่เหลือทิ้งและมีปริมาณมากพอมาผลิตไคตินและไคโตซาน ซึ่งพบว่าเปลือกปูแต่ละชนิดมีปริมาณไคตินและไคโตซานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าคิดเป็นร้อยละต่อน้ำหนักแห้งอยู่ระหว่าง 6.87-13.05 และ 5.63-10.65 และปูส่วนใหญ่มีปริมาณไคโตซานสูงสุดในส่วนกระดอง รองลงมาคือ ก้ามกับขาเดิน และอกกับท้อง คุณภาพของไคโตซานจากเปลือกปูแต่ละชนิดมีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีระดับการกำจัดหมู่อะซีติล ความชื้น เถ้า ความหนืด และดัชนีความขาว คิดเป็นร้อยละระหว่าง 45.03-81.46, 6.57-12.81, 0.20-4.50, 77.27 – 2,947.72 และ 67.60-81.82 ตามลำดับ ไคโตซานที่ได้จากเปลือกปูเพียง 12 ชนิดที่สามารถตกตะกอนนม โดยมีค่าร้อยละของโปรตีนที่ตกตะกอนอยู่ระหว่าง 12.52 - 76.72 และไคโตซานจากเปลือกปูมีค่าร้อยละของการจับตัวกับอิออนเหล็กอยู่ระหว่าง 14.38 - 32.92 เมื่อพิจารณาในการนำไคโตซานไปใช้ประโยชน์ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และประสิทธิภาพ พบว่าไคโตซานจากปูที่มีศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ ไคโตซานจากปูฟองน้ำ (Lauridromia indica) ปูเป้ใหญ่ (Dorippe quadridens) ปูฤาษีจุด (Calappa philargius) ปูหนุมานตุ่ม (Asthoret lunaris) ปูก้านตายาว (Podophthalmus vigil) ปูใบ้มะระ (Halimede octodes) และปูใบ้น้ำลึก (Galene bispinosa)
บทคัดย่อ (EN): The species richness of crabs collected from bottom gill net in Cholburi and Rayong province was 69 species. Twenty species of waste and abundance crabs were used for chitin and chitosan production. Chitin and chitosan from each crab shell was significantly different in the range of 6.87 - 13.05 and 5.63 - 10.65 % per dry weight. The highest yield of chitosan in different part of crabs was found highest in carapace followed by pereiopod and thorax-abdomen. The quality of chitosan from each crab shell was significantly different with the value of deacetylation degree, moisture, ash, viscosity and index of whiteness in the range of 45.03-81.46, 6.57-12.81, 0.20-4.50, 77.27 – 2,947.72 and 67.60-81.82 %, respectively. The chitosan from twelve crab shells showed the milk flocculation activity with the percentage of protein flocculation in the range of 12.52 - 76.72. Chitosan from each crab shell showed the ferrous ion chelating ability in the range of 14.38 - 32.92. The usage of chitosan from these crab shell was considered from amount, quality and efficacy. Chitosan from crab shell which had the highest potency to used in industries purpose were from Lauridromia indica, Dorippe quadridens, Calappa philargius, Asthoret lunaris, Podophthalmus vigil, Halimede octodes and Galene bispinosa. The species richness of crabs collected from bottom gill net in Cholburi and Rayong province was 69 species. Twenty species of waste and abundance crabs were used for chitin and chitosan production. Chitin and chitosan from each crab shell was significantly different in the range of 6.87 - 13.05 and 5.63 - 10.65 % per dry weight. The highest yield of chitosan in different part of crabs was found highest in carapace followed by pereiopod and thorax-abdomen. The quality of chitosan from each crab shell was significantly different with the value of deacetylation degree, moisture, ash, viscosity and index of whiteness in the range of 45.03-81.46, 6.57-12.81, 0.20-4.50, 77.27 – 2,947.72 and 67.60-81.82 %, respectively. The chitosan from twelve crab shells showed the milk flocculation activity with the percentage of protein flocculation in the range of 12.52 - 76.72. Chitosan from each crab shell showed the ferrous ion chelating ability in the range of 14.38 - 32.92. The usage of chitosan from these crab shell was considered from amount, quality and efficacy. Chitosan from crab shell which had the highest potency to used in industries purpose were from Lauridromia indica, Dorippe quadridens, Calappa philargius, Asthoret lunaris, Podophthalmus vigil, Halimede octodes and Galene bispinosa.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: อวนจมปู
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์จากปูที่เหลือทิ้งจากอวนจมปูในการผลิตไคตินและไคโตซาน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
การประมงและสภาวะเศรษฐกิจสังคมของอวนจมปูจากเรือที่มีการแจ้งเข้า–ออกในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2562 ความหลากหลายทางชีวภาพของปูบริเวณหมู่เกาะมัน จังหวัดระยอง การสร้างมูลค่าเพิ่มของปูหิน (Thalamita crenata) โดยการผลิตเป็นปูนิ่ม การประเมินทรัพยากรปูม้าและผลผลิตหลังการปล่อยพันธุ์ปูม้าในทะเลสาบสงขลา การศึกษาทรัพยากรปูม้าและการเพิ่มกำลังผลิตปูม้าในบริเวณอ่าวประจวบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โครงการวิจัยการเพาะเลี้ยงปูทะเล (Scylla spp.) ปูม้า (Portumus pelagicus) และปูแสม (Sesarma mederi) เชิงพาณิชย์ การประเมินสภาวะทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ของปูหินในบริเวณ อ่าวสิเกา จังหวัดตรัง การทดสอบการใช้ปูนโดโลไมท์กับปุ๋ยคอก เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตใบหม่อน การผลิตไคตินจากไวรัสคลอเรลล่า การพัฒนาเทคนิคผลิตแผ่นยางปูพื้นที่ใช้ในอาคารและนอกอาคาร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก