สืบค้นงานวิจัย
ผลกระทบของการใช้สารเคมีเอ็นโดซันแฟนกำจัดหอยเชอรี่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขตชลประทาน
ศักดา ศรีนิเวศน์ - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: ผลกระทบของการใช้สารเคมีเอ็นโดซันแฟนกำจัดหอยเชอรี่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขตชลประทาน
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ศักดา ศรีนิเวศน์
บทคัดย่อ: การศึกษาวิจัยเรื่อง การศึกษาผลกระทบของการใช้สารเคมีเอ็นโดซัลแฟนกำจัดหอยเชอรี่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขตชลประทาน มีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัย คือ 1).เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น ด้านสุขภาพของเกษตรกร สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ จากการใช้สารเคมีเอ็นโดซัลแฟนกำจัดหอยเชอรี่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง 2).เพื่อหาวิธีการ และข้อเสนอแนะ ในการนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้สารเคมีกำจัดหอยเชอรี่ที่ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย ของเกษตรกรทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์เกษตรกรแบบบังเอิญ (Accidental sampling) ในพื้นที่ของ 3 จังหวัดที่มีการทำนาปรังมากของภาคกลาง คือจังหวัดสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือจังหวัดกาฬสินธุ์ และภาคเหนือ คือ จังหวัดเชียงราย จังหวัดละ 2 อำเภอ รวม 6 อำเภอ ๆ ละ 25 คน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 150 คน ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติแบบง่าย ค่าร้อยละ เท่านั้น ผลการศึกษาวิจัยพบว่า เกษตรกรในภาคเหนือ และภาคกลางส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 90.0 และ 44.0 ตามลำดับ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 66.0 เกษตรกรภาคกลางมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมากที่สุด ร้อยละ 32.0 ภาคเหนือมีอายุระหว่าง 41 - 50 ปี มากที่สุด ร้อยละ 46.0 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอายุระหว่าง 51 - 60 ปี มากที่สุด ร้อยละ 36.0 ดังนั้นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภายหลังจากการใช้สารเคมีเอ็นโดซัลแฟนแล้ว จะเป็นเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 41 ปีขึ้นไป เพราะการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำนาแบบดั้งเดิมมาเป็นการทำนาแบบใช้สารเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สารเคมีเอ็นโดซัลแฟนได้มีมาประมาณกว่า 20 ปีแล้ว เมื่อเกษตรกรมีการใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี นั่นก็หมายความว่า เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 41 ปีขึ้นไป ยังมีอายุประมาณ 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เป็นจังหวะเวลาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงการทำนาแบบดั้งเดิมมาเป็นการใช้สารเคมี ดังนั้น เกษตรกรที่มีอายุระหว่าง 51 - 60 ปี และเกษตรกรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป คือเกษตรกรที่เคยทำนาดั้งเดิมแล้วเปลี่ยนมาใช้สารเคมีเอ็นโดซัลแฟน จึงเริ่มต้นสะสมสารเคมีในร่างกายอย่างต่อเนื่องมาจนส่งผลทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ในภาคกลาง ซึ่งเป็นเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นผู้ได้รับผลกระทบสูงสุด ในขณะที่ภาคเหนือนั้นเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปกลับได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบสูงสุดเป็นเกษตรที่มีอายุระหว่าง 41 - 50 ปี ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกษตรกรที่มีอายุระหว่าง 51 - 60 ปี ได้รับผลกระทบสูงสุด โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพจากพิษของสารเคมีเอ็นโดซัลแฟน ทั้งทางร่างกายและจิตใจของเกษตรกรทุกภาคมีลักษณะอาการเจ็บป่วยที่เหมือนกัน ค่าใช้จ่ายของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นค่าลงทุนทางการเกษตร ค่าดูแลรักษาสุขภาพเหมือนกันในทุกภาค แหล่งน้ำ อาหาร อากาศ มีคุณภาพเลวลงในทุกภาค คุณภาพของน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคในหมู่บ้านและน้ำชลประทาน ทั้ง 3 ภาค พบว่าในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแหล่งน้ำที่ใช้อุปโภคได้เพียงอย่างเดียวแต่ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อการบริโภคได้ถึง ร้อยละ 60.0 และแหล่งน้ำถึงร้อยละ 30.0 ในภาคกลางไม่สะอาดและไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้เลย ในน้ำธรรมชาติมีอาหารจำพวกปลาต่าง ๆ กุ้ง ปู และสัตว์น้ำอื่น ๆ ลดน้อยลง หรือไม่มีอยู่เลย โดยภาคกลางมีวิกฤตมากที่สุด ส่วนผลกระทบทางด้านสังคม อันเนื่องมาจากการทำนาแบบใช้สารเคมี เกษตรกรภาคกลาง และภาคเหนือมีเวลาร่วมกับชุมชนน้อย และพบว่าสังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในชุมชนมีการแบ่งแยกเป็นกลุ่มมาก ในภาคกลางชุมชนมีความแตกแยกมาก และมีการทะเลาะเบาะแว้งกันภายในชุมชนมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักในเรื่องพิษภัยที่เกิดจากสารเคมีเอ็นโดซัลแฟน และสารเคมี อื่น ๆ ที่เกษตรกรใช้ในนาข้าว และเพื่อให้เกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดหอยเชอรี่ที่ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย ควรดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรที่ทำนาปลูกข้าวดำเนินการจัดการควบคุม และกำจัดหอยเชอรี่ด้วยการนำมาทำประโยชน์ต่าง ๆ ให้มากที่สุด และไม่ใช้สารเคมี เอ็นโดซัลแฟน หรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืชชนิดอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ กำจัดหอยเชอรี่โดยเด็ดขาด ส่งเสริม ถ่ายทอดความรู้ วิธีการตรวจสอบการได้รับพิษจากสารเคมีเข้าสู่ร่างกายอย่างง่าย ๆ เผยแพร่ความรู้การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีอื่น ๆ ที่ไม่ใช้สารเคมี เช่น การควบคุมศัตรูพืชโดยวิธี ชีวภาพ วิธีกล หรืออื่น ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรผู้ผลิตให้มากขึ้น และส่งเสริมการเรียนรู้แก่เกษตรกร โดยใช้ขบวนการถ่ายทอดความรู้ตามระบบโรงเรียนเกษตรกร (Farmer Field School)
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: ปลูกข้าวในเขตชลประทาน
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลกระทบของการใช้สารเคมีเอ็นโดซันแฟนกำจัดหอยเชอรี่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขตชลประทาน
กรมส่งเสริมการเกษตร
2548
การศึกษาการใช้สารเคมีกำจัดหอยเชอรี่ของเกษตรกรในจังหวัดชัยนาทและจังหวัดสุพรรณบุรี การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจทำการเกษตรแบบผสมผสานของเกษตรกรในเขตชลประทาน จังหวัดมหาสารคาม สภาพการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในแปลงขยายพันธุ์ข้าวของเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช การใช้สารเคมีป้องกันกำจัดแมลง-ศัตรูพืชของเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ในเขตภาษีเจริญและเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร การปรับตัวต่อภาวะภัยแล้งของเกษตรกรทำนาในพื้นที่ชลประทานพร้อมประเมินโครงการบูรณาการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง การใช้หอยเชอรีป่นเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนในอาหารกุ้งขาว (Penaeus vannamei ) การระบุชนิดเชิงโมเลกุลของตัวอ่อนพยาธิใบไม้ระยะเซอร์คาเรียในหอยเพื่อประเมินผลกระทบการใช้พื้นที่เกษตรกรรมในชนบท ผลกระทบจากการใช้สารฆ่าแมลงของเกษตรกรผู้ปลูกผักคะน้า : กรณีศึกษาการยอมรับในสิ่งไม่ควรยอมรับ เศรษฐกิจ-สังคมและวัฒนธรรมการปฏิบัติงานในสวนยางพาราที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาวะและคุณภาพชีวิตของเกษตรกร (เกษียณ)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก