สืบค้นงานวิจัย
ผลของการจัดแต่งทรงต้น การตัดแต่งกิ่ง และการติดผลที่มีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส้มเกลี้ยง
ชิติ ศรีตนทิพย์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ชื่อเรื่อง: ผลของการจัดแต่งทรงต้น การตัดแต่งกิ่ง และการติดผลที่มีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส้มเกลี้ยง
ชื่อเรื่อง (EN): Effect Training, Pruning and Fruit load on Growth and Development in Sweet Oranges [Citrus sinensis L. (Osbeck)].
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชิติ ศรีตนทิพย์
บทคัดย่อ: การทดลองที่ 1 ปีที่ 1 ผลของการตัดแต่งกิ่งต่อการใช้น้ำและการเจริญเติบโตของต้นส้มเกลี้ยง ทำการศึกษากับต้นส้มเกลี้ยงอายุ 1 ปี ปลูกในชุดศึกษาการใช้น้ำและธาตุอาหาร (lysimeter)ใช้ทรายเป็น วัสดุปลูก ณ สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วางแผล การทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ ประกอบด้วย 4 กรรมวิธีคือ 1) ไม่ตัดแต่งกิ่ง 2) แบบปิรมิด 3) แบบเปิด แกนกลาง และ 4) แบบครึ่งวงกลม จากผลการทดลองพบว่า การตัดแต่งกิ่งทั้ง 4 กรรมวิธีและกรรมวิธีที่ไม่ ตัดแต่งกิ่งมีอัตราการใช้น้ำเฉลี่ยต่อเดือนระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2550 อัตราการเติบโตในด้าน ความสูงของต้น ความกว้างของทรงพุ่มและเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นไม่แตกต่างกัน ส่วนการเจริญเติบโต ของช่อใหม่ในด้านความยาวยอดใหม่ เส้นผ่าศูนย์กลางของยอด จำนวนใบใหม่ต่อช่อ ความกว้างของใบ และความยาวของใบไม่มีความแตกต่างกัน การตัดแต่งกิ่งแบบเปิดแกนกลางมีจำนวนยอดใหม่ต่อกึ่งสูง และจำนวนยอดต่อต้นที่สุด การตัดแต่งกิ่งไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการทำงานของ คลอโรฟิลล์ ปริมาณคลอโรฟิลล์ อัตราการแลกเปลี่ยนก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ การคายน้ำและอัตราการ ยอมให้ก๊ซผ่านของปากใบในช่วงหลังการตัดแต่งกิ่ง 1 เดือนและต้นส้มเกลี้ยงที่ตัดแต่งกิ่งมีปริมาณ แคลเซียมในใบสูงกว่าไม่ตัดแต่งกิ่ง ปีที่ 2 ของการทดลอง การตัดแต่งกิ่งไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราการเติบโตในด้านความสูง ของต้น ความกว้างของทรงพุ่มและเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเดือน ใกล้เคียงกัน และด้านอัตราการใช้น้ำเฉลี่ยต่อวันไม่แตกต่งกันการเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการทำงาน ของคลอโรฟิลล์ ปริมาณคลอโรฟิลล์ การแลกเปลี่ยนก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ การคายน้ำและการนำก๊ช ผ่านของปากใบในใบส้มเกลี้ยงในช่วงหลังการตัดแต่งกิ่งการตัดแต่งกึ่งระหว่างเดือนมกราคม ถึง พฤษภาคม 2552 พบว่าไม่มีความแตกต่างกันการตัดแต่แบบปมิดช้ระยะเวลาการอกดอกน้อยที่สุดสวนกรรมวิธีไม่ตัดแต่งกิ่งใช้ระยะเวลา การออกดอกนานที่สุด กรรมวิธีตัดแต่งกิ่งแบบครึ่งวงกลมมีผลผลิตต่อต้นและจำนวนผลต่อต้นสูงกว่า กรรมวิธีอื่นๆ ส่วนการตัดแต่งกิ่งแบบปิรมิดมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด การเปลี่ยนแปลงในด้านน้ำหนักผล ความยาว ผล เส้นผ่าศูนย์กลางผล ปริมาณกรดรวม แล:ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ไม่มีความแตกต่างกัน การตัด แต่งกิ่งทั้ง 3 รูปแบบและไม่ตัดแต่งกิ่งไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และแมกนีเชียม ส่วนปริมาณโพแทสเซียมพบว่ากรรมวิธีแบบเปิดแกนกลางและแบบปิรมิดมีปริมาณโพแทสเซียมในใบสูง ที่สุด และกรรมวิธีไม่ตัดแต่งกิ่งมีปริมาณต่ำที่สุด ส่วนในด้านแคลเซียมในใบพบว่ากรรมวีที่ตัดแต่งกิ่งทั้ง 3 แบบมีปริมาณแคลเชียมในใบสูงกว่ากรรมวิธที่ไม่ตัดแต่งกิ่ง การทดลองที่ 2 การศึกษาผลของระดับการติดผลต่อการสังเคราะห์แสง การใช้น้ำ คุณภาพผลผลิต และปริมาณธาตุอาหารในใบส้มเกลี้ยง ทำการทดลองกับต้นส้มเกลี้ยงกิ่งเสียบยอดอายุ 2 ปีในชุดศึกษา การใช้น้ำและธาตุอาหารส้มเกลี้ยง ใช้ทรายละเอียดเป็นวัสดุปลูก ให้สารละลายธาตุอาหารสูต Hoagland and Amon (1938) ทำการทดลองระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2551 ณ สถาบันวิจัย เทคโนโลยีกรกษตร โดยมี 4 กรรมวิธีในการทดลองคือ ติดผลมาก ติดผลปานกลาง ติดผลน้อยและไม่ติด ผล ผลการทดลองปรากฏว่ กรรมวิธีที่ไม่มีการติดผลมีอัตราการใช้น้ำสูงกว่าต้นที่มีการติดผล ในด้านการ เปลี่ยนแปลงอัตราการสังเคราะห์แสงพบว่ในตันที่มีการติดผลมีคำสูงกว่าต้นที่ไม่มีผลผลิตในช่วง 120 150 และ 180 วันหลังการติดผล (เก็บเกี่ยว 180 วันหลังการติดผล ซึ่งต้นส้มเกลี้ยงมีการติดผลเพิ่มขึ้นมีผลทำ ให้ผลผลิตของส้มเกลี้ยงมีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ต้นที่มีการติดผลเพิ่มขึ้นทำให้ขนาดผลและน้ำหนักผลลดลง ส่วนปริมาณกรดรวมและของแข็งที่ละลายน้ำได้ไม่มีความแตกต่างกัน ในด้านการเปลี่ยนปริมาณธาตุ อาหารในใบ พบว่าต้นส้มเกลี้ยงที่ติดผลมากมีผลทำให้ปริมาณโพแทสเชียม แคลเซียม และ แมกนี่เชียมใน ใบลดลง ส่วนปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในใบมีคำใกล้เคียงกัน ส่วนในปีที่ 2 ของการทดลองพบว่าการเปลี่ยนแปลงอัตราการเติบในด้านความสูงของต้น ความ กว้างของทรงพุ่มและเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกันยายน 2552 ใกล้เคียงกัน การ เปลี่ยนแปลงข้อมูลอัตราการใช้น้ำพบว่กรรมวิธีที่ไม่มีการติดผลมีอัตราการใช้น้ำสูงกว่กรรมวิธีที่ติดผล มาก ติดผลปานกลาง ติดผลน้อยในช่วง 30 ถึง 120 วันหลังการติดผล ส่วนหลังการเก็บเกี่ยว (เก็บเกี่ยว 180 วันหลังการติดผล มีแปลงอัตราการใช้น้ำใกล้เคียงกัน กรรมวิธีที่ติดผลมากมีผลผลิตและจำนวนผลสูง กว่ากรรมวิธีที่ติดผลปานกลางและน้อย แต่กรรมวิธีที่ติดผลน้อยและติดผลปานกลางมีน้ำหนักผล เส้นผ่าศูนย์กลางของผลและความยาวของผลมากกว่ากรรมวิธีที่ติดผลมาก ในด้านปริมาณกรดรวมและ ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ไม่มีความแตกต่างกัน การติดผลไม่มีผลต่อปริมาณนโตรเจนในใบ แต่ ปริมาณฟอสฟอรัส โพแทสเชียมและแคลเซียมในใบมีคำสูงในกรรมวิธีที่ไม่มีผลผลิตและมีค่าลดลงตาม ปริมาณการติดผลที่เพิ่มขึ้น และกรรมวิธีที่ติดผลมากมีปริมาณแมกนีเชียมต่ำที่สุด การทดลองที่ 3 การศึกษาผลของการตัดแต่งกิ่งและการติดผลของส้มเกลี้ยง ทำการทดลองกับต้น ส้มเกลี้ยงกิ่งเสียบยอดอายุ 2 ปีในชุดศึกษาการใช้น้ำและธาตุอาหารสัมเกลี้ยง โดยใช้ทรายละเอียดเป็น วัสดุปลูก และให้สารละลายธาตุอาหารสูตร Hoagland และ Arnon (1938) ทำการทดลองระหว่างเดือน มกราคมถึงกันยายน 2551 ณ สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง โดยมี 4 กรรมวิธีในการทดลอง คือ 1 ไม่ตัดแต่งกิ่งไม่มีผล 2 ไม่ตัดแต่งกิ่งมีผล 3 ตัดแต่งกิ่งไม่มีผล และ 4 ตัดแต่งกิ่งมีผลในปีแรกของการ ทดลอง ผลการทดลองปรากฏว่อัตราการเติบโตทางความสูงของต้น ความกว้างทรงพุ่ม เส้นผ่าศูนย์กลาง ของลำต้น และอัตราการใช้น้ำของต้นส้มเกลี้ยงในเดือนตุลาคม 2550 ถึง กันยายน 2551 มีคำใกล้เคียงกัน ในด้านการเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการทำงานของคลอโรฟิลล์ในช่วงหลังการติดผลพบว่ากรรมวิธีที่ไม่ตัด แต่งกิ่งไม่มีผลมีค่าต่ำที่สุดในช่วง 120 แล 180 วันหลังการติดผล ในด้านปริมาณคลอโรฟิลล์ การแลก เปลื่นก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ การนำก๊ซผ่านของปากใบและการคายน้ำให้ผลไม่แตกต่างกัน ต้นส้มเกลี้ยงที่ไม่ตัดแต่งมีผลมีจำนวนผลเฉลี่ยสูงกว่าต้นที่มีการตัดแต่งกิ่งมีผล ในขณะที่ต้นที่มี การตัดแต่งกิ่งมีผลมีน้ำหนักผล ความยาวของผล และเส้นผ่าศูนย์กลางของผลสูงกว่ากรรมวิธีที่ไม่มีการตัด แต่งกิ่งมีผล ส่วนในด้านปริมาณกรดรวมและประมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ไม่มีความแตกต่างกัน การ เปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมไม่แตกต่างกัน แต่กรรมวิธีที่ตัดแต่ง กิ่งไม่มีผล และตัดแต่งกิ่งมีผล มีคำโพแทสเชียมและแคลเซียมสูงกว่าไม่ตัดแต่งกิ่งไม่มีผลเล็กน้อย และ กรรมวิธีไม่ตัดแต่กิ่งมีผลมีค่าต่ำที่สุด ส่วนในปีที่ 2 ของการทดลองปรากฏว่การเปลี่ยนแปลงอัตราการเติบโตในด้านความสูงของต้น ความกว้างของทรงพุ่ม เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น และอัตราการใช้น้ำมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการใช้น้ำไม่ แตกต่างกัน ส่วนต้นส้มเกลี้ยงที่ไม่ตัดแต่งกิ่งมีผลและตัดแต่งกึ่งมีผลไม่มีความแตกต่างกันในด้านผลผลิต ต่อต้น จำนวนผล ปริมาณกรดรวมและปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ของ ส่วนในด้านน้ำหนักผล ความ ยาวของผลและเส้นผ่าศูนย์กลางของผลพบว่าการตัดแต่งกิ่งมีผลมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าไม่ตัดแต่งมีผล การทดลองที่ 4 ผลของการตัดแต่งกิ่งและการจัดการธาตุอาหารใส่ปุ๋ย โดยทำการทดลองในแปลง ของเกษตรกรที่อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง ซึ่งใช้แปลงส้มเกลี้ยงช่วงอายุ 1-5 ปี ช่วงอายุ 6-10 ปีและ ช่วงอายุ 11-15 ปี โดยมีกรมวิธีในการทดลองคือ ตัดแต่งกิ่งใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่งไม่ใส่ปุ้ย ไม่ตัดแต่งกิ่งใส่ ปุ๋ยและไม่ตัดแต่งกิ่งไม่ใส่ปุ๋ย ผลการทดลองปรากฏว่าอัตราการเจริญเติบโตในด้านความสูงของต้น ความกว้างของทรงพุ่มและเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น พบว่าไม่มีความแตกต่างกัน ผลของการตัดแต่ง กิ่งและการใส่ปุ๋ยต่อการเจริญเติบโตของช่อใหม่พบว่า การแตกยอดใหม่ ความยาวยอด เส้นผ่าศูนย์กลางยอด จำนวนใบน้ำหนักใบต่อช่อ พื้นที่ใบและปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบไม่มีความ แตกต่างกัน ในด้านผลผลิตพบว่าส้มเกลี้ยงช่วงอายุ 1-5 ปีไม่มีผลผลิต ส่วนช่วงอายุ 6-10 ปีและช่วงอายุ 11-15 ปี ทุกกรรมวิธีให้ผลผลิไม่แตกต่างกัน
บทคัดย่อ (EN): Experiment 1, at the 1 year of experiment, the effects of training and pruning on water consumption, growth and development in sweet oranges were studied on grafted sweet orange [Citrus sinensis L. (Osbeck)] trees, grown in lysimeter filled with fine sand, at Lampang Agricultural Research and Training Center (LARTC.), Rajamangala University of Technology Lanna (RMUTL.), Lampang. The experimental design used was a CRD comprised of 4 treatments: 1) non pruning (control), 2) central leader, 3) open-centered and 4) standard shape. The result showed that all treatments had no effect on water consumption, plant height, canopy width or trunk diameter during July to December 2008. In addition, the new shoot length, new shoot diameter, number of leaves per shoot, leaves width and leaves length were similar. However, the open centered pruning produced the highest number of new shoots per branch and per plant. The pruning and control treatments did not affect on chlorophyll fluorescence, chlorophyll content, net CO, assimilation rate, transpiration rate or stomata conductance rate at 1 month after treatment. Moreover, the control trees contained the highest of leaf calcium content.At the 2 year of experiment, the different types of pruning had no effect on plant height, canopy width, trunk diameter or water consumption from November 2008 to October 2009. The changes of chlorophyll fluorescence, net CO2 assimilation rate, transpiration rate or stomata conductance rate from January to May 2009 were similar. For leaf flushing after pruning, it was found that either the time or percentage of leaf flushing was not statistically different among treatments. However, the open centered treatment produced the highest number of new shoot per branch and tree. Whereas, these treatments had applied no effect on new shoot length, new shoot diameter, number of leaves per branch, leaf width or leaves length. The central leader treatment had the least time of flower emergence, while the control treatment had the longest. The standard pruned treatment was greater yield and number of fruit per tree than the others, where the pyramid pruned treatment gave the lowest. The changes in fruit weight, fruit length, fruit diameter, total acid and total soluble solid were similar. All treatments had no effect on N, P, Mg or Ca concentrations in leaf. However, the open-centered and pyramid pruned treatments had the highest K concentration in leaf, while no pruned treatment contained the lowest. The central leader, open-centered and standard shape contained greater Ca concentration in leaf than no pruned treatment.Experiment 2, at the 1" year of experiment, the study on the degree of fruit loads affected on leaf photosynthesis characteristics, water consumption, fruit quality and leaf nutrient concentrations in sweet orange trees. Two years old grafted sweet orange trees were grown in lysimeter, 80 liters capacity, filled with coarse sand and were supplied Hoagland and Arnon (1938) nutrient solution formula during January to September 2008 at Agricultural Technology Research Institute. There were 4 treatments, i.e. high, medium, low and non fruit load. The result indicated that the non fruit treatment had higher water consumption than those fruit load treatments. The leaf photosynthesis rates of all fruit load treatments were significantly greater than control at 120, 150 and 180 days after fruit set. After harvested at 180 days after fruit set, it was found that the yield and fruit number increased with increasing fruit loads. In contrary, fruit size increased with decreasing fruit loads. Fruit total acid and total soluble solid were comparable among treatments. In terms of the changes in leaf nutrient concentrations, it was found that high fruit load treatment caused the decrease in K, Ca and Mg in leaf. The concentrations of N and P in leaf were similar in all treatments.At the 2" year of experiment, the result revealed that the varying fruit loads tended to be closely related to plant height, canopy width, trunk diameter and water consumption from February to November 2009. The no fruit treatment had greater water consumption than that of the high, medium and low fruit loads during 30 - 120 days after fruit set, while that at harvested at 180 days after fruit set was similar. The heavy fruit load gave higher yield and number of fruit per tree than other treatments. However, the low and medium fruit loads produced better fruit weight, fruit diameter and fruit length than high fruit load trees. There were no effects on total acid or total soluble solids among treatments. The change of nutrient concentrations in leaf showed that these treatments had no effect on N concentration. Whereas, the P, K and Ca concentrations had the highest in no fruit load treatment and the contents were decreasing with increasing fruit loads. The heavy fruit load trees contained the lowest Mg concentration. Experiment 3, the effects of pruning and fruiting on physiological changes, water consumption and fruit quality characteristics were investigated. In the 1" experiment, the two years old grafted sweet orange trees were grown in lysimeter, 100 liters capacity, filled with coarse sand and were supplied with a Hoagland and Arnon (1938) nutrient solution formula. The experiment consisted of no pruning without fruit, no pruning with fruit, pruning without fruit and pruning with fruit. At the 1" year of experiment, the result showed that the plant height, canopy width, trunk diameter and water consumption were similar among treatments. The change of chlorophyll fluorescence indicated that the no pruning without fruit had the lowest at 120 and 180 days after fruit set. Whereas, these treatments did not affect on net CO, assimilation rate, stomata conductance or transpiration of sweet orange trees. The pruning with fruit treatment produced higher number of fruit per plant than no pruning with fruit. The no pruning with fruit treatment gave higher yield than pruning with fruit treatment. However, pruning with fruit treatment conferred the greatest fruit weight, fruit length and fruit diameter. There were no differences on total acids and total soluble solids in sweet orange fruits among treatments. All treatments had no effect on N, P or Mg concentrations in leaves, whereas pruning without fruit and pruning with fruit gave slightly higher K and Ca concentrations in leaves than no pruning with fruit, and the no pruning with fruit treatment contained the lowest. At the 2" year of experiment, the result suggested that the changes in plant height, canopy width and trunk diameter as well as water consumption of sweet orange trees were similar among treatments. Moreover, the no pruning with fruit and pruning with fruit treatments had no effect on yield value per plant, number of fruit, total acid or total soluble solid. Whereas, the pruning with fruit gave fruit length and diameter greater than the no pruning with fruit treatment.Experiment 4, the study on appropriate technology applied from experiment 1, 2 and 3, where this experiment was studied on the grower sweet orange orchards, Mea Prik district, Lampang province. The 1-5 years old group, 6-10 years old group and 11-15 years old group of sweet orange trees were investigated and the treatments application were consisted of pruning with fertilizer, pruning without fertilizer, no pruning with fertilizer and no pruning without fertilizer. The result showed that all treatments gave similar plant height, canopy width and trunk diameter among the grouped trees. Moreover, treatments had no effect on percentage of leaf flushing, new shoot length, new shoot diameter, number of new leaves, leaves weight per shoot, leaf area or leaf chlorophyl content. In terms of yield, it was found that sweet orange trees of the 1-5 years old group were not yielded. In the 6-10 years old group and the 11-15 years old group of sweet orange, the yielded trees produced comparable yields among treatments.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำสำคัญ: ผลผลิตและคุณภาพของผลผลิต
คำสำคัญ (EN): Osbeck
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ชิติ ศรีตนทิพย์. "ผลของการจัดแต่งทรงต้น การตัดแต่งกิ่ง และการติดผลที่มีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส้มเกลี้ยงEffect Training, Pruning and Fruit load on Growth and Development in Sweet Oranges [Citrus sinensis L. (Osbeck)].". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา. 2552

ชิติ ศรีตนทิพย์. "ผลของการจัดแต่งทรงต้น การตัดแต่งกิ่ง และการติดผลที่มีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส้มเกลี้ยงEffect Training, Pruning and Fruit load on Growth and Development in Sweet Oranges [Citrus sinensis L. (Osbeck)].". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา. 2552. Print.



TARR Wordcloud:
ผลของการจัดแต่งทรงต้น การตัดแต่งกิ่ง และการติดผลที่มีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส้มเกลี้ยง
ชิติ ศรีตนทิพย์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
30 กันยายน 2552
การตัดแต่งกิ่งต่อการเจริญเติบโตของต้นจำปีและจำปา ผลของการเก็บรักษาไรแดงต่อการเจริญเติบโตของปลา วิธีการปลูกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดัดแต่ง ปัจจัยที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นโรทาล่า การศึกษาการกระตุ้นการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางลำต้นของต้นกล้ายางพารา ผลของไคโตซานต่อการเจริญเติบโตของปลาหมอ ความต้องการโปรตีนและพลังงานเพื่อการดำรงชีพและเจริญเติบโตของโคพื้นเมืองไทย 1.ระยะเจริญเติบโตน้ำหนัก 100 – 150 กิโลกรัม ผลของการเสริมแหนเป็ด ในอาหารต่อการเจริญเติบโตของปลานิลแดง การศึกษาผลของปุ๋ยเคมีสูตรต่าง ๆ ที่มีต่อการเจริญเติบโตของแหนแดง การคัดเลือกแบบภายในครอบครัวเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของปลานิลจิตรลดา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair