สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใหม่จากแอสตาแซนธินสกัดจากเปลือกกุ้งขาว
ทานตะวัน พิรักษ์ (คเชนทร์ชัย) - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใหม่จากแอสตาแซนธินสกัดจากเปลือกกุ้งขาว
ชื่อเรื่อง (EN): Development of a novel dietary supplement from astaxanthin extracted from shrimp shell
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติของแอสตาแซนธินในไลโพโซมและการคงอยู่ของแอสตาแซนธินในสภาวะการให้ความร้อนระดับพาสเจอไรส์และสเตอริไรส์ และการกรองด้วยเทคโนโลยีเมมเบรน แอสตาแซนธินสกัดได้จากเปลือกกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei) ได้ทาการกักเก็บในไลโพโซมซึ่งเตรียมจากฟอสโฟลิพิด (PC=70%) ที่มีปริมาณความเข้มข้นที่แตกต่างกัน 3 ระดับ (1.0, 1.5 และ 2.0 %w/v) และทาการปั่นผสมด้วยอัลตราโซนิคอะตอมไมเซอร์ที่แอมพิจูด 50, 65 และ 80 แอสตาแซนธินในไลโพโซมที่ผลิตได้นาไปทาการวิเคราะห์สมบัติต่างๆ ได้แก่ ชนิดและปริมาณความเข้มข้นของแอสตาแซนธิน ประสิทธิภาพในการกักเก็บ (%EE) ความสามารถในการเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธีการขจัดอนุมูล DPPH (2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl) และประสิทธิภาพการจับโลหะ แอสตาแซนธินและแอสตาแซนธินในไลโพโซมนาไปทาการฆ่าเชื้อแบบพาสเจอไรส์ (อุณหภูมิ 85 ?C เวลา 6 นาที) และแบบสเตอริไรส์ (อุณหภูมิ 121 ?C เวลา 3 นาที) และการกรองโดยใช้เมมเบรนที่ feed rate 3.5 l/hr ระดับความดัน 1 psi หลังจากนั้นได้นาตัวอย่างไปวิเคราะห์การคงอยู่ของชนิดและปริมาณแอสตาแซนธิน ด้วย High Performance Liquid Chromatograpy และกล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอลเลเซอร์ ผลการทดลองพบว่าความเข้มข้นของแอสตาแซนธินในไลโพโซมที่เตรียมจากฟอสโฟลิพิดในทุกระดับความเข้มข้น ที่ระดับ amplitude 50 และ 65 ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ (p>0.05) แต่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ (p?0.05) กับไลโพโซมที่เตรียมที่ amplitude 80 สาหรับค่าประสิทธิภาพการกักเก็บพบว่าการใช้ฟอสโฟลิพิดความเข้มข้น 2.0%w/v ที่แอมพิจูด 50 ให้ค่าสูงสุดที่ 87.88% แอสตาแซนธินในไลโพโซมในทุกตัวอย่างให้ประสิทธิภาพในการขจัดอนุมูล DPPH มากกว่า 75% แต่มีประสิทธิภาพการจับโลหะที่ค่อนข้างต่า ภายหลังการให้ความร้อนแบบพาสเจอไรส์และสเตอริไรส์ พบว่าแอสตาแซนธินยังมีคงอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 83.05 -97.20 และ 74.78 -79.39 ตามลาดับ โดยตัวอย่างไลโพโซมที่ใช้ฟอสโฟลิพิดที่ระดับความเข้มข้น 2%(w/v) 2%(w/v) 2%(w/v) ให้ร้อยละการคงอยู่ของแอสตาแซนธินสูงที่สุดเมื่อให้ความร้อนแบบพาสเจอไรซ์ ทั้งนี้ลักษณะอนุภาคของแอสตาแซนธินในไลโพโซมภายใต้กล้องจุลทรรศน์คอนโฟคอลที่ให้ลักษณะอนุภาคสีแดงจากสีย้อม nile red nile red nile red เป็นการยืนยันการคงอยู่ของแอสตาแซนธิน อย่างไรก็ตามอนุภาคของไลโพโซมไม่สามารถกรองผ่านเมมเบรนออกมาได้ จึงมีผลทาให้ไม่สามารถตรวจพบปริมาณแอสตาแซนธินด้วย HPLC ภายหลังการกรอง จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าการกักเก็บโดยใช้เทคนิคไลโพโซมสามารถช่วยป้องกันและรักษาสมบัติของแอสตาแซนธินภายหลังการให้ความร้อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนาไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนได้
บทคัดย่อ (EN): This study was aimed to determine properties of astaxanthin encapsulated in liposome and the remaining of astaxanthin after pasteurization and sterilization and also after filtration using membrane technology. Astaxanthin derived from white shrimp (Litopenaeus vannamei) shells was encapsulated in liposome, which prepared from three different concentrations of phospholipids (PC =70%) at 0.8, 1.6 and 2.0 %w/v and mixed using ultrasonic atomization at three different amplitudes (50, 65 and 80). Encapsulated astaxanthin in liposome was determined for components and concentration of astaxanthinn, entrapment efficiency (%EE), antioxidant activity (DPPH (2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl) radical scavenging capacity and ferrous metal ion chelating activity). Astaxanthin and astaxanthin in liposome were further pasteurized (85 ?C for 6 min) and sterilized (121 ?C for 3 min) and also membrane filtration was conducted at a feed rate of 3.5 l / hr with a pressure of 1 psi. The samples were then analyzed to determine the presence of the type and amount of astaxanthin using high performance liquid chromatograpy and confocal laser scanning microscope (CLSM). The results showed that the concentration of astaxanthin in liposomes prepared from phospholipids at all concentrations at amplitude 50 and 65 was not significantly different (p>0.05) but significantly different (p?0.05) with the liposome prepared at the amplitude of 80. For the encapsulation efficiencies, liposome made from phospholipid (2% w/v) and mixed with ultrosonic atomizer with amplitude 50 gave the highest value at 87.88%. All samples of astaxanthin in liposomes gave a DPPH free radical scavenging capacity more than 75% but the metal ion chelating activity was found relatively low. After pasteurization and sterilization, astaxanthin was found to be in the range of 83.05-97.20% and 74.78-79.39%, respectively. The liposome made from phospholipid at 2% (w / V) gavetThe highest percentage remaining of astaxanthin after heated by pasteurization. The astaxanthin in the liposome examined under CLSM showed red particles affected from nile red and it was confirmed the presence of astaxanthin. However, particles of liposome were not filtered through the membrane. Therefore, astaxanthin couldn’t be detected by HPLC after filtration. The results suggest that the encapsulation by liposome can protect and preserve the properties of astaxanthin after heating. This will be useful for its applications in products that needed a thermal process.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: น้ำข้าว
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใหม่จากแอสตาแซนธินสกัดจากเปลือกกุ้งขาว
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2559
การใช้เทคโนโลยีเอ็นแคปซูเลชันเพื่อเพิ่มความคงตัวให้กับแอสตาแซนธินธรรมชาติ เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "น้ำส้มจากผง" การตรวจสอบคุณภาพเซลล์สืบพันธุ์พ่อแม่กุ้งขาวแวนนาไม (Litopenaues vannamei) ที่ได้รับอาหารส่งเสริมการเจริญพันธุ์ ด้วยวิธีโครเมท แอสเสย์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้านโรคกระดูกพรุนจากสารสกัดเพชรสังฆาต การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากเปลือกกุ้งผง 2555A17003032 การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเชียงดา      ฉลากอาหารสมัยใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเช้าสำเร็จรูปชนิดที่มีแคลเซียมและใยอาหารสูง การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากจมูกถั่วเหลืองโดยใช้เทคโนโลยีเอนไซม์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากจมูกถั่วเหลืองโดยใช้เทคโนโลยีเอนไซม์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก