สืบค้นงานวิจัย
เครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สแบบอินฟราเรด
สวัสดิ์ กีไสย์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ชื่อเรื่อง: เครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สแบบอินฟราเรด
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สวัสดิ์ กีไสย์
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้ได้ออกแบบและสร้างเครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สอินฟราเรดโดยห้องอบแห้งผักเชียงดามีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 0.85 เมตร สูง 1.25 เมตรใช้เตาแก๊สอินฟราเรดขนาด 4.72 กิโลวัตต์ เป็นตัวให้พลังงานความร้อนส่งความร้อนเข้าห้องอบแห้งโดยการดูดของพัดลมดูดอากาศแบบหอยโข่งแบบใบพัดโค้งหน้าขนาด 12 นิ้วใช้กาลังขับจากมอเตอร์กระแสสลับขนาด 1 แรงม้า มีถาดอบแห้ง จานวน 18 ถาด สามารถใส่ผักเชียงดาได้ 10 กิโลกรัม โดยแต่ละถาดใส่ผักเชียงดาได้ไม่เกิน 0.6 กิโลกรัม โดยผักเชียงดามีความชื้นเริ่มต้นประมาณ 250 - 300 เปอร์เซ็นต์มาตรฐานแห้ง อบจนกระทั้งผักเชียงดาเหลือความชื้นสุดท้าย 5 - 10 เปอร์เซ็นต์มาตรฐานแห้ง ความเร็วลมในห้องอบแห้งเท่ากับ 0.2 - 0.6 เมตรต่อวินาที และสัดส่วนการนาอากาศกลับมาใช้ใหม่ 70 เปอร์เซ็นต์ สมรรถนะของเครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สอินฟราเรดที่อุณหภูมิ 50 55 และ 60 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการอบแห้ง 320 240 และ 200 นาที อัตราการอบแห้งเฉลี่ย 1.5 2.0 และ 2.4 กิโลกรัมต่อชั่วโมง การสิ้นเปลืองพลังงานจาเพาะเฉลี่ย 26.60 20.14 และ 15.49 เมกกะจูลต่อกิโลกรัม ตามลาดับ จากการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ ที่อุณหภูมิ 50 55 และ 60 องศาเซลเซียส มีต้นทุนการอบแห้งต่อกิโลกรัมน้าระเหย 59 32 และ 30.7 บาทต่อกิโลกรัมน้าระเหย และจะได้ระยะเวลาคืนทุนคือ 131 92 และ 89 วัน ตามลาดับ ดังนั้นอุณหภูมิเหมาะสมที่สุดในการทดลองอบผักเชียงดาด้วยเครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สอินฟราเรดคือที่ 60 องศาเซลเซียส
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำสำคัญ: เตาแก๊สแบบอินฟราเรด
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
รายละเอียด: งานวิจัยนี้ได้ออกแบบและสร้างเครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สอินฟราเรดโดยห้องอบแห้งผักเชียงดามีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 0.85 เมตร สูง 1.25 เมตรใช้เตาแก๊สอินฟราเรดขนาด 4.72 กิโลวัตต์ เป็นตัวให้พลังงานความร้อนส่งความร้อนเข้าห้องอบแห้งโดยการดูดของพัดลมดูดอากาศแบบหอยโข่งแบบใบพัดโค้งหน้าขนาด 12 นิ้วใช้กาลังขับจากมอเตอร์กระแสสลับขนาด 1 แรงม้า มีถาดอบแห้ง จานวน 18 ถาด สามารถใส่ผักเชียงดาได้ 10 กิโลกรัม โดยแต่ละถาดใส่ผักเชียงดาได้ไม่เกิน 0.6 กิโลกรัม โดยผักเชียงดามีความชื้นเริ่มต้นประมาณ 250 - 300 เปอร์เซ็นต์มาตรฐานแห้ง อบจนกระทั้งผักเชียงดาเหลือความชื้นสุดท้าย 5 - 10 เปอร์เซ็นต์มาตรฐานแห้ง ความเร็วลมในห้องอบแห้งเท่ากับ 0.2 - 0.6 เมตรต่อวินาที และสัดส่วนการนาอากาศกลับมาใช้ใหม่ 70 เปอร์เซ็นต์ สมรรถนะของเครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สอินฟราเรดที่อุณหภูมิ 50 55 และ 60 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการอบแห้ง 320 240 และ 200 นาที อัตราการอบแห้งเฉลี่ย 1.5 2.0 และ 2.4 กิโลกรัมต่อชั่วโมง การสิ้นเปลืองพลังงานจาเพาะเฉลี่ย 26.60 20.14 และ 15.49 เมกกะจูลต่อกิโลกรัม ตามลาดับ จากการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ ที่อุณหภูมิ 50 55 และ 60 องศาเซลเซียส มีต้นทุนการอบแห้งต่อกิโลกรัมน้าระเหย 59 32 และ 30.7 บาทต่อกิโลกรัมน้าระเหย และจะได้ระยะเวลาคืนทุนคือ 131 92 และ 89 วัน ตามลาดับ ดังนั้นอุณหภูมิเหมาะสมที่สุดในการทดลองอบผักเชียงดาด้วยเครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สอินฟราเรดคือที่ 60 องศาเซลเซียส
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

สวัสดิ์ กีไสย์. "เครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สแบบอินฟราเรด". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา. 2556

สวัสดิ์ กีไสย์. "เครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สแบบอินฟราเรด". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา. 2556. Print.



TARR Wordcloud:
เครื่องอบแห้งผักเชียงดาโดยใช้เตาแก๊สแบบอินฟราเรด
สวัสดิ์ กีไสย์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
2556
เครื่องอบแห้งสุญญากาศร่วมอินฟราเรด วิจัยและพัฒนาเครื่องอบแห้งกล้วยน้ำว้าแบบใช้ลมร้อนจากแผงสะสมความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับขดลวดความร้อน เครื่องอบแห้งด้วยลมร้อน การออกแบบเครื่องอบแห้งแบบพ่นฝอยสำหรับผลิตผงสาหร่ายเกลียวทอง โรงเรือนอบแห้งแผ่นยางพาราโดยใช้เตาน้ำมันเครื่องเก่าเป็นแหล่งความร้อน การนำไขรำข้าวมาใช้ประโยชน์ เครื่องเก็บใบไม้โดยใช้ลมดูด ตู้อบยางพาราที่ใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับการใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบท่อเทอร์โมไซฟอน รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์การออกแบบเครื่องอบแห้งกระดาษสา การจำลองสภาพของการอบกล้วยน้ำว้าด้วยเตาแก๊สแบบอินฟราเรด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair