สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาการใช้เทคโนโลยีการทำนาในฤดูทำนาปีของเกษตรกรตำบลขี้เหล็กและตำบลบ้านเป้า อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
สุชาติ ณ ลำพูน - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: ศึกษาการใช้เทคโนโลยีการทำนาในฤดูทำนาปีของเกษตรกรตำบลขี้เหล็กและตำบลบ้านเป้า อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุชาติ ณ ลำพูน
บทคัดย่อ: วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาการใช้เทคโนโลยีการทำนาในฤดูทำนาปีของเกษตรกร ในเขตชลประทานและเขตเกษตรฤดูฝน ของอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ศึกษาสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกร ความรู้ในเทคโนโลยีการทำนา ทัศนคติต่อเทคโนโลยีการทำนา และการปฏิบัติตามเทคโนโลยีการทำนา เปรียบเทียบกันระหว่างเกษตรกรทั้งสองเขต ตลอดจนศึกษาถึงสาเหตุที่เกษตรกรในตำบลบ้านเป้า ซึ่งอยู่ในเขตเกษตรฤดูฝน จำนวน 50 ครอบครัว เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล โดยใช้แบบสัมภาษณ์ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนแรกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ตอนที่สองเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการทำนาของเกษตรกร การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ที เทสต์ และไคสแควร์ เทสต์ ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ เกษตรกรทั้งสองเขตมีอายุเฉลี่ยประมาณ 45 ปี ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ยังต่ำอยู่ มีผู้ที่จบการศึกษาสูงกว่า ป.4 ไม่ถึงร้อยละ 5 จำนวนสมาชิกในครัวเรือนประมาณ 4-5 คน จำนวนแรงงานทำการเกษตรในครัวเรือนประมาณ 3 คน เกษตรกรในเขตชลประทานมีกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดินเฉลี่ย 3.75 ไร่ต่อ 1 ครอบครัว ส่วนเกษตรกรในเขตเกษตรฤดูฝนมีกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดินเฉลี่ย 10.70 ไร่ต่อ 1 ครอบครัว เนื้อที่ทำการเกษตรของเกษตรกรในเขตชลประทานเฉลี่ย 12.95 ไร่ ต่อครอบครัว เนื้อที่ทำการเกษตรในเขตเกษตรฤดูฝนเฉลี่ย 10.78 ไร่ ต่อครอบครัว เนื้อที่ทำนาปีของเกษตรกรทั้งสองเขตเฉลี่ยประมาณ 6 ไร่ ในเขตชลประทานเกษตรกรที่เป็นผู้เช่านามีอยู่ถึงร้อยละ 65.95 ถังต่อไร่ ส่วนในเขตเกษตรฤดูฝนได้ต่ำกว่าเล็กน้อย คือ เฉลี่ยเพียง 50.58 ถังต่อไร่ เกษตรกรทั้งสองเขตเกือบทั้งหมดปลูกข้าวเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ส่วนที่เหลือจากการบริโภคจึงจะจำหน่ายเกษตรกรทั้งสองเขตประมาณครึ่งหนึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตรหรือไม่ก็เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร การกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการผลิตในเขตชลประทานมีจำนวนผู้กู้ยืมประมาณร้อยละ 31 ส่วนเขตเกษตรฤดูฝนมีจำนวนผู้กู้ยืมเงินสูงถึงร้อยละ 50 แหล่งกู้ยืมเงินของเกษตรกรทั้งสองเขต ได้แก่ จากสหกรณ์การเกษตร จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับรายได้ต่าง ๆ ของเกษตรกรในปี 2523 มีดังนี้คือ รายได้เฉลี่ยเมื่อยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในเขตชลประทานเท่ากับ 36,264.05 บาท ต่อครอบครัว ส่วนรายได้ที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในเขตเกษตรฤดูฝนเฉลี่ยเท่ากับ 30,134.30 บาทต่อครอบครัว รายได้ภาคเกษตรของเกษตรกรในเขตชลประทานเฉลี่ยแล้วเท่ากับครอบครัวละ 31,294.72 บาท จะสูงกว่าในเขตเกษตรฤดูฝนซึ่งเฉลี่ยเพียงครอบครัวละ 26,594.30 บาท ในจำนวนรายได้ภาคเกษตรนี้ รายได้จากพืชของเกษตรกรในเขตชลประทานสูงกว่าในเขตเกษตรฤดูฝน ส่วนรายได้จากสัตว์อยู่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้รายได้นอกภาคเกษตรของเกษตรกรในเขตชลประทานเฉลี่ยเท่ากับครอบครัวละ 4,984.67 บาท ซึ่งสูงกว่าในเขตเกษตรฤดูฝนที่เฉลี่ยเพียงครอบครัวละ 3,540.00 บาท ในเรื่องความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคดนโลยีการทำนานั้น เกษตรกรทั้งสองเขตมีความรู้ดีในเรื่องการแบ่งแปลงกล้าเป็นแปลงย่อย และการปักดำเป็นแถวเป็นแนว และมีความรู้ปานกลางในเรื่องการใช้อายุกล้าที่เหมาะสม การใช้จำนวนกล้าต่อจับ การใช้และการใส่บุ๋ยเคมี และการป้องกันกำจัดหนู เกษตรกรทั้งสองเขตมีความรู้น้อยมากในเรื่องการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์โดยการใช้น้ำเกลือ การป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูข้าว โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรในเขตชลประทานมีความรู้ในเทคโนโลยีมากกว่าเกษตรกรในเขตเกษตรกรฤดูฝน แหล่งความรู้ของเกษตรกรในเขตชลประทานส่วนใหญ่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร รองลงไปคือเพื่อนบ้าน วิทยุ ญาติพี่น้อง และพ่อค้า ตามลำดับ สำหรับในเขตเกษตรฤดูฝนแหล่งความรู้ส่วนใหญ่คือ ญาติพี่น้อง รองลงไปคือ เพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร และวิทยุ ตามลำดับ สำหรับในด้านทัศนคติของเกษตรกรนั้น ไม่มีความแตกต่างของทั้งสองเขตในเรื่อง การแบ่งแปลงกล้าเป็นแปลงย่อย การใช้จำนวนกล้าต่อจับ และการปักดำเป็นแถวเป็นแนว แต่ในเรื่องการใช้อายุกล้าที่เหมาะสม เกษตรกรในเขตเกษตรฤดูฝนมีทัศนคติเห็นด้วยกับวิธีการมากกว่าเกษตรกรในเขตชลประทาน ในเรื่องเทคโนโลยีการทำนานั้น ในเขตชลประทานเกษตรกรใช้ข้าวพันธุ์ส่งเสริมร้อยละ 46.67 ส่วนเกษตรกรในเขตเกษตรฤดูฝนมีการใช้เพียงร้อยละ 20.00 เกษตรกรในเขตเกษตรฤดูฝนมีการใช้ปุ๋ยคอกร้อยละ 74.00 ในขณะที่เขตชลประทานมีการใช้เพียงร้อยละ 43.33 แต่การใส่ปุ่ยเคมีเขตชลประทานใช้ร้อยละ 30.00 ส่วนเกษตรกรในเขตเกษตรฤดูฝนใช้เพียง 10.00 การใช้ยาเคมีป้องกันและกำจัดหนู เกษตรกรในเขตชลประทานใช้ร้อยละ 70.00 เขตน้ำฝนใช้ร้อยละ 64.00 การใช้ยาเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช เกษตรกรในเขตชลประทานใช้ร้อยละ 6.67 ส่วนเขตน้ำฝนไม่มีการใช้เลย การใช้ยาเคมีกำจัดแมลง เกษตรกรในเขตชลประทานใช้ร้อยละ 13.33 เขตน้ำฝนใช้ร้อยละ 4.00 เกษตรกรทั้งสองเขตมีการปฏิบัติในเรื่องการแบ่งแปลงกล้าเป็นแปลงย่อยและการกำจัดวัชพืชเป็นเปอร์เซนต์สูง ที่ปฏิบัติรองลงมาได้แก่ การใช้อายุกล้าที่เหมาะสม การใช้จำนวนกล้าต่อจับ และการปักดำเป็นแถวเป็นแนว ส่วนที่ไม่มีการปฏิบัติเลยได้แก่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์โดยใช้น้ำเกลือ เกษตรกรในเขตฤดูฝนยอมรับการใช้อายุกล้าที่เหมาะสม และการใช้ยากำจัดวัชพืชมากกว่าเขตชลประทาน แต่ในเรื่องวิธีการปักดำเป็นแถวเป็นแนว เขตชลประทานยอมรับมากกว่า ปัญหาในการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญได้แก่ ขาดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดี ข้าวที่ปลูกให้ผลผลิตต่ำ ปุ๋ยมีราคาแพง วิธีปฏิบัติบางอย่างไม่เหมาะสม ไม่เห็นด้วยกับวิธีการแผนใหม่ ไม่มีความรู้ ขาดแคลนแรงงาน มีทุนในการประกอบการน้อย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีการทำนามากขึ้นว่า ควรมีการปฏิรูปที่ดิน จัดระบบชลประทานในเขตเกษตรน้ำฝน จัดทำแปลงทดสอบการใช้เทคโนโลยีในท้องถิ่น จัดทำแปลงสาธิตและแปลงขยายพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีให้เพียงพอ ให้รัฐจำหน่ายปุ๋ยเคมีในราคาถูกแก่เกษตรกรอย่างทั่วถึง และช่วยเหลือให้คำแนะนำแก่เกษตรกรเรื่องการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: จังหวัดเชียงใหม่
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาการใช้เทคโนโลยีการทำนาในฤดูทำนาปีของเกษตรกรตำบลขี้เหล็กและตำบลบ้านเป้า อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
กรมส่งเสริมการเกษตร
2525
ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับการทำเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกร ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยของเกษตรกร อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ความรู้และการปฏิบัติในการใช้สารเคมีที่ถูกต้องของเกษตรกรผู้ปลูกฟักทองญี่ปุ่น ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจัยที่มีต่อความสำเร็จของกลุ่มเกษตรกรทำนาอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ภาวะการใช้เครื่องจักรกลและอุปกรณ์การเกษตรของเกษตรกรผู้ทำนาในตำบลกำแพงเพชร อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา การใช้เทคโนโลยีการผลิตพลับของเกษตรกรชาวไทยภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ รูปแบบการทำไร่นาสวนผสมของเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์ รูปแบบการทำไร่นาสวนผสมของเกษตรกรในจังหวัดหนองคาย การใช้เทคโนโลยีในสวนยางพาราที่เปิดกรีดแล้วของเกษตรกรในจังหวัดกระบี่ การใช้เทคโนโลยีการผลิตข้าวหอมมะลิของเกษตรกรทำนาตำบลยะวึก อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก